รมช.คลัง มอบนโยบาย บสย. เร่งช่วย SMEs

กรุงเทพฯ 10 เม.ย.-รมช.คลัง มอบนโยบาย บสย. เร่งช่วย SMEs แก้หนี้ ชูกลไก “ค้ำประกัน” ขับเคลื่อน IGNITE Thailand

นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง มอบนโยบาย แก่ผู้บริหาร บสย. 3 เรื่องหลัก คือ 1.เรื่องแก้หนี้ SMEs โดยเห็นว่าเรื่องหนี้ครัวเรือนจำเป็นต้องได้รับการแก้ไขและให้ความช่วยเหลือ 2.มอบหมายให้ บสย. ใช้กลไกการค้ำประกัน เป็นหลักประกันช่วย SMEs เข้าถึงสินเชื่อในระบบ 3. มอบหมายให้ บสย. ร่วมขับเคลื่อน โครงการ IGNITE Thailand เป็นนโยบายสำคัญของรัฐบาล บสย. มีความสำคัญต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและช่วย SMEs เข้าถึงแหล่งทุนมาอย่างยาวนาน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในโครงการค้ำประกันสินเชื่อ Portfolio Guarantee Scheme หรือ PGS ต่อเนื่องจนถึง PGS 10


ขณะนี้กำลังเร่งพิจารณาโครงการค้ำประกันสินเชื่อ PGS 11 โดยเร็ว เพื่อความต่อเนื่อง ซึ่งเห็นว่าผลดำเนินงาน บสย. ในตลอดระยะเวลา 33 ปี ได้ช่วย SMEs มากกว่า 8 แสนราย และมี Outstanding การค้ำประกัน รวมกว่า 6 แสนล้านบาท เพื่อช่วยในมิติจำนวนราย ถือว่า บสย. ช่วยรายย่อยได้มาก พร้อมมอบแนวทางร่วมหน่วยงานรัฐแก้ปัญหา ซึ่งจากนี้ไป บสย. และหน่วยงานรัฐ ที่เกี่ยวข้องจะต้องทำงานหนักขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งการแก้ปัญหาหนี้ และการช่วย SMEs ให้เข้าถึงแหล่งทุน ซึ่ง บสย. ต้องพร้อมเป็นกลไกหลักช่วยให้ SMEs เข้าถึงแหล่งทุนที่เหมาะสม

นายสิทธิกร ดิเรกสุนทร กรรมการและผู้จัดการทั่วไป บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) กล่าวว่า ในปีที่ผ่านมาช่วย SMEs เข้าถึงสินเชื่อสามารถเพิ่มสัดส่วนการเข้าถึงสินเชื่อได้แล้วกว่า 25% ของจำนวน SMEs ในระบบ และช่วย SMEs ลูกหนี้แก้หนี้ยั่งยืน ตามนโยบายรัฐบาลการแก้หนี้เป็นวาระแห่งชาติ ภายใต้มาตรการ 3 สี ของ บสย. ช่วยแก้หนี้สำเร็จคิดเป็นมูลหนี้ปรับโครงสร้างกว่า 7,000 ล้านบาท ทั้งนี้ตลอดระยะเวลา 3 ปี บสย. ซึ่งได้นำระบบดิจิทัล Digital Technology ขับเคลื่อนองค์กร ประสบความสำเร็จอย่างดีเยี่ยมตามเป้าหมาย SMEs Digital Gateway เชื่อมโยง Eco System ระหว่าง บสย. และสถาบันการเงิน.-515.-สำนักข่าวไทย


นักวิชาการ ชี้งบดิจิทัลวอลเล็ตไม่คุ้มกระทบเศรษฐกิจไทยระยะยาว นักวิชาการ, ดิจิทัลวอลเล็ต, เศรษฐกิจไทย, งบปี 68, ธ.ก.ส., ขีดความสามารถประเทศ, นิพนธ์ พัวพงศกร, กรุงเทพฯ 10 เม.ย.-นักวิชาการ มองงบดิจิทัลวอลเล็ตไม่คุ้ม เบียดงบ เพิ่มขีดความสามารถของประเทศกระทบเศรษฐกิจไทยระยะยาว จี้รัฐแจงการใช้งบปี 68 และ ธ.ก.ส. เพราะสุดท้ายก็เป็นการกู้และมีภาระดอกเบี้ย

รศ.ดร.นิพนธ์ พัวพงศกร นักวิชาการเกียรติคุณ สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (TDRI) มองว่า การแถลงนโยบายดิจิทัลวอลเล็ต วันนี้ (10 เม.ย.)ว่า รัฐบาลทำการบ้านมาดีกว่าครั้งที่ผ่านๆมา อย่างไรก็ตามมองว่า นโยบายนี้ เป็นนโยบายหวังผลทางการเมืองต้องการโกยคะแนนเลือกตั้งครั้งหน้าให้มีชัยเหนือพรรคก้าวไกล เพราะหากดูภาวะเศรษฐกิจในขณะนี้ไม่เป็นวิกฤต การส่งออกและการบริโภคในประเทศก็ขยายตัวดีขึ้น การใช้วงเงิน ถึง 5 แสนล้านบาท แจกเงิน 1 หมื่นบาทแก่ 50 ล้านคนเป็นวงเงินที่สูงมาก มีเพียงผลระยะสั้น หากจะช่วยควรจะเป็นเฉพาะกลุ่มฐานรากที่เดือดร้อน และวงเงินนี้ก็จะกระทบต่องบประมาณด้านอื่นๆในอนาคต และหากเทียบกับวงเงินนี้กับวงเงินที่รัฐบาลจะสนับสนุนขีดความสามารถของประเทศ 1 แสนล้านบาทแล้ว แสดงให้เห็นชัดเจนว่ารัฐบาลให้ความสำคัญน้อยมากในขณะที่ประเทศชาติกำลังเสียเปรียบเรื่องขีดความสามารถทางการแข่งขันของประเทศระยะยาว

ที่สำคัญอยากให้รัฐบาลมอบหมายหน่วยงานวิจัย เช่น สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.) ว่าจ้างทีมวิจัยที่เป็นอิสระ ศึกษษถึงผลกระทบในระยะยาว หรือ 3-5 ปีข้างหน้าว่าหลังจากออกเงินดิจิทัลวอลเล็ตไปแล้วเกิดวิเคราะห์ว่าผลกระทบระยะยาวเกิดผลดีหรือความเสียต่อประเทศอย่างไร เพื่อประเมินผลให้ได้แล้วนำรายงานเสนอต่อรัฐสภาในอนาคตเพื่อให้เป็นบทเรียนของพรรคการเมืองว่า นโยบายที่ไม่รอบคอบจะเกิดปัญหาอะไรต่อประเทศ ซึ่งอาจเกิดความเสียหายเหมือนโครงการจำนำข้าวในอดีต ที่กระทบหลายแสนล้านบาท


“ดิจิทัลวอลเล็ตเป็นการแจกเงินระยะสั้น ขณะนี้ไม่มีความจำเป็นที่ต้องแจกเงินถึง 5 แสนล้านบาท ล่าสุด เศรษฐกิจก็ดีขึ้นส่งออกก็ขยายตัว การท่องเที่ยวก็ดีขึ้น ประเทศไทยไม่ใช่วิกฤตเศรษฐกิจระยะสั้น แต่เป็นวิกฤติด้านโครงสร้าง ถ้าประชาชนฐานรากเดือดร้อน ก็ควรจะจำกัดการช่วยเฉพาะกลุ่มที่ยากจนดีกว่าการหว่านเงินเช่นนี้ แบบนี้ก็เป็นการพิสูจน์ชัดเจนว่าเป็นการทำเพื่อเป้าหมายทางการเมืองเป็นหลักมากกว่าเป้าหมายการแก้ปัญหาพื้นฐานทางเศรษฐกิจ” รศ.ดร.นิพนธ์

รศ.ดร.นิพนธ์ มองว่า ที่มาของเงิน 3 แหล่งวงเงิน 5 แสนล้านบาทในนโยบายดิจิทัลวอลเล็ต ซึ่งก้อนแรกมาจากงบฯ67 ก็ไม่น่ามีข้อสงสัยใดใด ว่าสามารถเกลี่ยมาได้เพราะปกติงบฯลงทุนก็ใช้ประมาณร้อยละ 70 ที่เหลือก็เกลี่ยมาได้ แต่ที่ยังมีความไม่ชัดเจนว่ารัฐบาลจะจัดการอย่างไร เพราะในอนาคตต้องมีการกู้เงินมาคืนทั้งเงินธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) และ งบฯปี 68 ที่จะนำมาใช้ในต้นปีงบประมาณ 68 จะกู้เงินมาจากกองทุนฯไหน ภายใต้การกำกับดูแลของภาครัฐ ซึ่งภาพรวมแล้วการใช้เงินก็เป็นการกู้อยู่ดีที่พยายามกู้ที่ถูกกฏหมาย

“เงิน ธ.ก.ส. และเงินงบฯ 68 ต้องมีการกู้มาและใช้คืน ก็ยังไม่ชัดเจนว่าจะกู้จากกองทุนฯภายใต้การกำกับของรัฐ กองทุนฯใด เช่น หากกู้จากกองทุนประกันสังคม ก็ต้องจ่ายดอกเบี้ย ก็ถือว่าเป็นการกู้แบบแอบแฝง ก็ขอเรียกร้องให้รัฐบาลชี้แจงให้ชัดเจนว่า เงินจะมาจากกองทุนฯไหน และชำระหนี้อย่างไร จ่ายดอกเบี้ยเท่าใด แล้วแถลงให้รัฐสภาทราบอย่างชัดเจน เป็นกระบวนการทางประชาธิปไตย ซึ่งรัฐบาลควรทำการบ้านเรื่องนี้มาก่อน เพราะมีเวลาตั้งนานก่อนที่จะแถลงในวันนี้” รศ.ดร.นิพนธ์ ระบุ

นอกจากนี้จากการใช้งบฯ 68 และการใช้เงินจาก ธ.ก.ส. เป็นการเบ่งเงินกู้ถึงระดับเพดานกู้สูงสุด คำถามคือจะเป็นการเบียดงบประมาณอื่นๆ แล้วภาครัฐจะมีวงเงินมาแก้ปัญหาโครงสร้างเศรษฐกิจระยะยาวอย่างไรเพราะจะต้องใช้เงินหลายปีนับหลานแสนล้านบาท เช่น การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ ให้มีความสามารถ ด้านดิจิทัล การพัฒนาระบบโครงสร้างพื้นฐาน จึงเกรงว่า ใน 2-5 ปีข้างหน้าจะไม่มีเงินลงทุนด้านนี้หรือมีก็จะเป็นแบบจำกัดมาก และจะส่งผลให้ระบบเศรษฐกิจของไทยอ่อนแอลง

ทั้งนี้ รัฐบาลแถลงแหล่งเงินโครงการดิจิทัลวอลเล็ต 1 หมื่นบาทที่จะเริ่มแจกเงินในไตรมาส 4 /67 วงเงินราว 5 แสนล้านบาท รวม 50ล้านคนที่มีรายได้ต่อปีไม่เกิน8.4 แสนบาท โดยใช้ เงินจาก 3 ส่วนได้แก่ งบฯปี 68 วงเงิน 1.52 แสนล้านบาท, ใช้เงินจาก ธ.ก.ส. 1.72 แสนหมื่นล้าน เพื่อดูแล เกษตรกร 17 ล้านคนเศษ และบริหารจัดการงบปี 67และงบกลางฯ วงเงิน 1.75 แสนล้านบาท.-511.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ทั่วไทยฝนตกหนัก เตือน 5 จังหวัดเสี่ยงรับมือ

กทม. 23 ส.ค.- กรมอุตุฯ เผยทั่วไทยฝนตกหนัก เตือน 5 จังหวัดเสี่ยงรับมือ เฝ้าระวัง “พายุดีเปรสชัน” มีแนวโน้มทวีกำลังแรงเป็นพายุโซนร้อน กระทบไทย 24-27 ส.ค.นี้ กรมอุตุนิยมวิทยาเผยประเทศไทยมีฝนตกหนักบางแห่ง โดยมีฝนตกหนักมากบางพื้นที่บริเวณภาคตะวันออก ขอให้ประชาชนโดยเฉพาะบริเวณจังหวัดตาก จันทบุรี ตราด ระนอง และพังงา ระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมาก และฝนตกสะสมที่อาจเกิดขึ้นในระยะนี้ไว้ด้วย เนื่องจากมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทยมีกำลังปานกลาง ประกอบกับมีหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมบริเวณประเทศลาวตอนบน และเวียดนามตอนบน สำหรับบริเวณทะเลอันดามันตอนบนและอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่างและอ่าวไทยตอนล่างมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง อนึ่ง พายุดีเปรสชันบริเวณทะเลจีนใต้ตอนบนมีแนวโน้มจะทวีกำลังแรงขึ้นเป็นพายุโซนร้อน และจะขึ้นฝั่งบริเวณประเทศเวียดนามและประเทศลาวตอนบน ในช่วงวันที่ 25–26 ส.ค. 68 ทำให้ประเทศไทยมีฝนเพิ่มมากขึ้น กับมีฝนตกหนักถึงหนักมากหลายพื้นที่ กับมีลมแรงบริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน และภาคเหนือ ในช่วงวันที่ 24–27 ส.ค. 68 -สำนักข่าวไทย

โปรดเกล้าฯ 6 บิ๊ก ขรก.มหาดไทย “ขจรเกียรติ” นั่งอธิบดีกรมที่ดิน

ทำเนียบ 23 ส.ค.- โปรดเกล้าฯ 6 บิ๊กข้าราชการมหาดไทย “ขจรเกียรติ” นั่งอธิบดีกรมที่ดิน ด้าน “เชษฐา” เป็นอธิบดี ปภ. ราชกิจจานุเบกษา ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่องแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงมหาดไทย พ้นจากตำแหน่ง และแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน 6 ราย ดังนี้ ตั้งแต่วันที่ 21 ส.ค.2568 เป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ 22 ส.ค.2568 ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี -สำนักข่าวไทย

จับอดีตหัวหน้าพรรคการเมืองโกงเงินอุดหนุน ก่อนหนีกบดานลาว

22 ส.ค. – ตำรวจภูธรภาค 1 จับอดีตหัวหน้าพรรคการเมือง โกงเงินอุดหนุน 17.6 ล้านบาท หนีกบดานลาว ก่อนจนมุมถูกจับกุมได้ พล.ต.ท.สุรพล เปรมบุตร ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 (ผบช.ภ.1), พล.ต.ต.นราเดช ทิพย์รักษ์ รอง ผบช.ภ.1, พล.ต.ต.วรชาติ แสนคำ ผบก.สส.ภ.1, พล.ต.ต.ธรรมนูญ เชาวะวนิชย์ ผบก.ภ.จว.สระบุรี และเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.พระพุทธบาท, ตม.จว.หนองคาย, กกต.จว.หนองคาย ร่วมกันจับกุม นายพีระวิทย์ อายุ 47 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับ สืบเนื่องจากเมื่อปี 2562 นายพีระวิทย์ เป็นหัวหน้าพรรคการเมือง รับเงินอุดหนุนพรรคการเมือง เพื่อพัฒนาพรรคการเมือง จำนวนประมาณ 17.6 ล้านบาท โดยไม่มีการทำหลักฐานการเบิกจ่าย ทำให้ กกต. เข้าแจ้งความดำเนินคดีกับนายพีระวิทย์ และเหรัญญิกพรรค ต่อมาผู้ต้องหาทั้งสองเข้ามอบตัวต่อพนักงานสอบสวน สภ.พระพุทธบาท โดยเลื่อนการเข้าให้ปากคำและแสดงหลักฐานการเบิกจ่ายเงิน และต่อมาผู้ต้องหาทั้งสองได้หลบหนี เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงออกหมายจับในข้อหา […]

“ธีรรัตน์” สั่งผู้ว่าฯ ทั่วประเทศ สแตนด์บาย 24 ชม. รับพายุคาจิกิ

กทม. 22 ส.ค.- “ธีรรัตน์” สั่งการผู้ว่าฯ ทั่วประเทศ สแตนด์บายรับมือผลกระทบ “พายุคาจิกิ” ตลอด 24 ชั่วโมง ย้ำ ประชาสัมพันธ์ข้อมูลให้ประชาชนรับรู้และเตรียมพร้อมอย่างต่อเนื่อง นางสาวธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยว่า กระทรวงมหาดไทยโดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ได้ติดตามสภาวะอากาศร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเกี่ยวกับผลกระทบพายุโซนร้อน “คาจิกิ” ซึ่งพบว่าพื้นที่บางส่วนมีความเสี่ยงต้องเฝ้าระวังน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก ดินโคลนถล่ม น้ำท่วมขังในเขตชุมชนเมืองที่เกิดน้ำท่วมขังซ้ำซาก ระหว่างวันที่ 24 – 28 สิงหาคม 2568 ในพื้นที่ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง ภาคใต้ 45 จังหวัด และกรุงเทพมหานคร นางสาวธีรรัตน์ ได้สั่งการผู้ว่าราชการจังหวัด 45 จังหวัด และศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขต รวมถึงกรุงเทพมหานคร กำชับให้จัดเจ้าหน้าที่ติดตามสภาพอากาศ ปริมาณฝน และสถานการณ์น้ำในพื้นที่อย่างใกล้ชิด พร้อมกำชับให้จัดทีมปฏิบัติการพร้อมเครื่องจักรกลสาธารณภัยเข้าประจำพื้นที่เสี่ยง เพื่อเข้าเผชิญเหตุและให้การช่วยเหลือประชาชนได้อย่างทันท่วงทีตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมประกาศแจ้งเตือนและปิดกั้นพื้นที่ไม่ให้บุคคลใดเข้าพื้นที่หากพบว่ามีความเสี่ยง ในส่วนพื้นที่ชายฝั่ง ให้สั่งห้ามนักท่องเที่ยวเล่นน้ำและห้ามเดินเรือทุกชนิดหากสถานการณ์มีแนวโน้มรุนแรง “ให้ผู้ว่าฯ […]

ข่าวแนะนำ

ทีมทนายวัดพระบาทน้ำพุแจงปม “หลวงพ่ออลงกต” สวมบัตร ปชช. คนตาย

ลพบุรี 24 ส.ค. – วัดพระบาทน้ำพุ ตั้งโต๊ะแถลง ยืนยันเลขบัตรประชาชนของ “หลวงพ่ออลงกต” ไม่ซ้ำกับ “อลงกต พลมุข” ปัดตอบปมเลขบัตรประชาชนผู้เสียชีวิต ผูกพร้อมเพย์บัญชีมูลนิธิฯ ขอไปตรวจสอบก่อน ส่วนทางคดี จับตาสัปดาห์หน้า จะมีผู้ถูกดำเนินคดีมากกว่า 1 คน วันนี้ ที่วัดพระบาทน้ำพุ จ.ลพบุรี นายศุภชัย สิงคาลวานิช หัวหน้าทีมทนายความของวัดพระบาทน้ำพุ พร้อมตัวแทนมูลนิธิต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับวัดพระบาทน้ำพุ ร่วมกันแถลงข่าวชี้แจงข้อเท็จจริงต่างๆ เป็นครั้งแรก โดยบอกว่าวันนี้ หลวงพ่ออลงกตไม่ได้หลีกเลี่ยงที่จะมาให้สัมภาษณ์ แต่ครั้งนี้มีข้อมูลมาก มีปัญหาเรื่องข้อกฎหมายและปัญหาที่ซับซ้อนหลายอย่าง หากตอบไปอาจกระทบต่อคดี และยืนยันว่า หลวงพ่อมีเจตนาบริสุทธิ์ในการช่วยเหลือผู้ป่วย เด็กกำพร้า ผู้สูงอายุ ผู้ด้อยโอกาส กลุ่มเปราะบางในสังคม ซึ่งขณะนี้สังคมเข้าใจผิดในหลายเรื่อง เพราะเกิดการชี้นำของหลายเพจ กลุ่มผู้มีอิทธิพลในบางสื่อ นำเรื่องมาปะติดปะต่อจนสร้างความเสียหาย ส่วนประเด็นที่กำลังเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์ เรื่องที่หลวงพ่ออลงกต สวมชื่อและเลขบัตรประชาชน “อลงกล พลมุข” ข้าราชการที่เสียชีวิตไปแล้วนั้น ทีมทนาย เปิดเผยว่า หลวงพ่ออลงกต มีบัตรประชาชนของท่านเอง และนามสกุลของท่าน […]

สกัดจับขบวนการค้ามนุษย์ ลอบขนคนไทยไปเขมร

สระแก้ว 24 ส.ค. – ทหารพรานลาดตระเวนชายแดนไทย-กัมพูชา บ้านกุดหิน ต.คลองน้ำใส อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว สกัดจับคนไทย 10 คน ขณะลักลอบเข้ากัมพูชา เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นขณะเจ้าหน้าที่กำลังลาดตระเวนตามแนวชาย เพื่อสกัดกั้นสิ่งผิดกฎหมายที่จะแอบลักลอบขนข้ามแดน ซึ่งเจ้าหน้าที่ตรวจพบรถยนต์ต้องสงสัย 2 คัน ประกอบด้วย รถยนต์ โตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์สีขาว (ไม่ทราบทะเบียน) และ รถยนต์เก๋ง สีดำ ทะเบียนกรุงเทพมหานคร ซึ่งทั้งขับผ่านเข้ามาในพื้นที่ล่อแหลม โดยรถยนต์ โตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์สีขาว ได้จอดให้คนเดินลงมาจากรถ และเดินเข้าป่าไป จำนวน 6 คน ประกอบด้วย คนนำพา 1 คน และผู้ลักลอบ 5 คน โดยทั้งหมดเป็นคนไทย ซึ่งเจ้าหน้าที่สามารถควบคุมตัวไว้ได้ ส่วนรถยนต์เก๋งสีดำที่ขับตามมา เมื่อเห็นเจ้าหน้าที่ จึงขับหลบหนี แต่เจ้าหน้าที่สามารถสกัดจับไว้ได้ (ห่างจากจุดแรกประมาณ 200 เมตร) จากการตรวจสอบภายในรถพบคนไทย 4 คน […]

พบหลุมจรวด BM-21 ที่ยังไม่ระเบิด ใกล้ศูนย์เด็กเล็ก

อุบลราชธานี 24 ส.ค. – พบหลุมจรวด BM-21 ที่ยังไม่ระเบิด ใน อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี อยู่ริมสระน้ำใกล้ศูนย์เด็กเล็ก เพียง 100 เมตร จากกรณีที่กัมพูชา ยิงจรวด BM–21 เข้าใส่ชุมชน บ้านเรือนประชาชน ในฝั่งไทย จนนำไปสู่การสูญเสียชีวิต และทรัพย์สิน ของประชาชนคนไทย เมื่อช่วงปลายเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ซึ่งปัจจุบันผลกระทบจากจรวด BM–21 ต่อประชาชน คนไทย ยังคงมีอยู่ ภาพจากกล้องวงจรปิดที่บันทึกไว้ได้จากบ้านหลังหนึ่ง ในอำเภอน้ำยืน จ.อุบลราชธานี เมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม ที่ผ่านมา ซึ่งขณะนั้นกัมพูชาได้ยิงจรวด BM-21 เข้ามาตกในเขตชุมชนฝั่งไทย โดยเหตุการณ์ครั้งนั้น มีจรวด BM-21 ตกมาทั้งหมด 11 ลูก 2 ใน 11 ลูก ตกใส่บ้านประชาชน จนบ้านพังเสียหายทั้งหมด 2 หลัง และมี 1 […]

“มาริษ” จ่อบินเจนีวา แจงประเทศกลุ่มสัญญาอนุภาคี

สวีเดน 24 ส.ค.-“มาริษ” เตรียมบินเจนีวาต่อ แจงประเทศกลุ่มสัญญาอนุภาคี-องค์การสิทธิมนุษยชน-กาชาด ย้ำไทยรักสันติ ทำตามกฎหมายระหว่างประเทศ ฟ้องเขมรใช้ทุ่นระเบิด-โจมตีพลเรือนไทย นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เปิดเผยว่าหลังการเยือนสวีเดนอย่างเป็นทางการแล้วจะเดินทางไปเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ในวันที่ 26 ส.ค.นี้ โดยมีเป้าหมายหลัก 3 ประการคือ ไปชี้แจงให้กับประเทศกลุ่มสัญญาอนุภาคีให้เข้าใจสถานการณ์ไทย-กัมพูชา ซึ่งกัมพูชาใช้ยุทธศาสตรฺของการใช้ วัตถุระเบิดสังหารบุคคน ที่ขัดต่อกฎหมายระหว่างประเทศ และอนุสัญญาออตตาวาและในโอกาสนี้จะพบกับสำนักงานข้าหลวงใหญ่สืทธิมนุษยชน ซึ่งเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการใช้ทุ่นระเบิดสังหาร การละเมิดสิทธิมนุษยชนด้วยการโจมตีเป้าหมายพลเรือน ของกัมพูชา รวมทั้งการใช้โซเชียลมีเดีย ซึ่งเมื่อ 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา คณะกรรมการกาชาดระหว่างประเทศ (icrc )ก็ได้ออกมาพูดชัดเจนว่าไม่เห็นด้วยอย่างมาก และไม่สนับสนุนให้มีการใช้สงครามข่าวสารในการต่อสู้ โดยใช้พลเรือนเป็นตัวกระทำให้เกิดความเข้าใจผิดระหว่างกัน ซึ่งในโอกาสนี้ตนจะได้พบปะกับประธาน crc พอดี ซึ่งเคยพบกันที่กรุงเทพมหานครแล้ว และทางประธานทราบว่าตนจะมาเจนีวาก็สามารถมาพูดคุยกันต่อได้ ซึ่งจะได้อธิบายทั้ง 2 ประการเหล่านี้เพราะ icrc เป็นองค์กรหลักที่ดูกฎหมายระหว่างประเทศ ซึ่งทั้งสามองค์กรที่เราวางกลยุทธ์ จะเข้ามาพูดคุย ชี้แจงก็เพื่อยืนยัน ใน ท่าทีบทบาท ของประเทศไทยที่ชัดเจนว่าเราเป็นประเทศ ที่รักสันติ เราต้องการ แก้ไขปัญหาระหว่างกันอย่างสันติวิธี แต่ต้องมีความจริงใจ […]