กรุงเทพฯ 20 มี.ค.-ปัญหาแท็กซี่ปฏิเสธผู้โดยสารและการปฏิบัติตัวที่ไม่เหมาะสมของคนขับรถ ทำให้ผู้โดยสารนิยมเรียกรถผ่านแอพอูเบอร์เพิ่มมากขึ้น จนเกิดการกระทบกระทั่งของทั้งสองฝ่าย ในวันนี้ กระทรวงคมนาคมเชิญทั้งสองฝ่ายมาหารือร่วมกัน ได้ข้อสรุปว่าบริการอูเบอร์ยังไม่มีกฎหมายรองรับ กระทรวงจึงจะไปศึกษาเรื่องนี้ก่อน ขณะที่ทางอูเบอร์ยืนยันจะยังคงให้บริการต่อ
“ทางเดียวกัน ไปด้วยกัน” วันนี้ทีมข่าวทดลองเรียกรถผ่านแอพพลิเคชั่นอูเบอร์ จาก อสมท ไปยังบีทีเอส หมอชิต หลังกดตกลง ระบบจะคำนวณระยะทาง เวลา และค่าบริการให้ ผ่านไปเพียง 8 นาที ผู้ให้บริการจากอูเบอร์ก็มารับ
ภายในรถไม่มีมิเตอร์และการเรียกเก็บค่าบริการเบื้องต้น ระหว่างเดินทาง คนขับเล่าว่า เริ่มนำรถส่วนตัวมารับ-ส่งผู้โดยสาร ผ่านแอพอูเบอร์มาแล้ว 4 เดือน มีลูกค้าใช้บริการมาก ส่วนใหญ่เป็นนักท่องเที่ยว นักเรียน นักศึกษา และผู้ที่ไม่นิยมแท็กซี่ จากการปฏิบัติไม่สุภาพ ปฏิเสธรับผู้โดยสาร ขับพาอ้อม คิดค่าบริการกิโลเมตรละ 4 บาท เขามีรายได้วันละเกือบ 3,000 บาท ส่วนเรื่องความปลอดภัยเชื่อว่าเทียบเท่ากับแท็กซี่
ขณะที่คนขับแท็กซี่คนนี้บอกว่า บริการอูเบอร์เป็นธุรกิจที่เข้ามาแข่งขันไม่เป็นธรรม แย่งลูกค้าจนแท็กซี่เดือดร้อน ในวันนี้ตัวแทนสมาคมวิชาชีพผู้ขับขี่รถสาธารณะแท็กซี่เข้าร้องเรียนต่อกระทรวงคมนาคม เพื่อให้บังคับใช้กฎหมายกับอูเบอร์ ที่นำรถส่วนตัวหรือแท็กซี่ป้ายดำกว่า 50,000 คัน มาให้บริการ อย่างเคร่งครัด เพราะทำให้แท็กซี่ถูกแย่งผู้โดยสาร มีรายได้ลดลงกว่า 30% เกิดปัญหากระทบกระทั่ง และเรียกร้องให้เพิ่มอัตราค่าโดยสาร แก้ปัญหาแท็กซี่ปฏิเสธผู้โดยสาร เพราะวิ่งไม่คุ้มทุน
การหารือร่วมกันครั้งแรกของตัวแทนอูเบอร์ ผู้ประกอบการแท็กซี่ และกระทรวงคมนาคม เนื่องจากบริการอูเบอร์ยังไม่มีกฎหมายรองรับ ทั้งการใช้รถยนต์ผิดประเภท ไม่ใช้มาตรค่าโดยสารตามที่รัฐกำหนด และไม่มีใบอนุญาตขับรถสาธารณะ คมนาคมจะศึกษาเรื่องนี้ให้แล้วเสร็จใน 6 เดือน ถึง 1 ปี ก่อนตัดสินใจว่าจะอนุญาตให้อูเบอร์ให้บริการในไทยได้หรือไม่
คมนาคมขอให้อูเบอร์หยุดให้บริการไปก่อน ระหว่างทำการศึกษา แต่ฝ่ายอูเบอร์ยืนยันจะยังไม่หยุดให้บริการ การหารือวันนี้ยังตกลงกันไม่ได้ อูเบอร์ยืนยันจะยังให้บริการต่อไป ส่วนกรมการขนส่งทางบกชี้ว่า การใช้แอพเพื่อเรียกรถยนต์ส่วนบุคคลมารับจ้างแบบเดียวกับแท็กซี่ผิดกฎหมาย เพราะรถและคนขับแท็กซี่มีการจดทะเบียนและประวัติในระบบของรัฐ ท้ายสุดอยู่ที่ผู้ใช้บริการจะเลือกอย่างไร?-สำนักข่าวไทย