นนทบุรี 23 ธ.ค. – กระทรวงพาณิชย์ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือการซื้อขายผลผลิตมันสำปะหลังกว่า 108,000 ตัน ช่วง 3 เดือน ราคาขั้นต่ำ 1.90 บาทต่อกิโลกรัม มั่นใจช่วยเกษตรกรในช่วงผลผลิตมากและน่าจะเป็นโครงการถาวร
นางอภิรดี ตันตราภรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า กระทรวงพาณิชย์ได้จัดพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือการซื้อขายมันสำปะหลัง ระหว่างสมาพันธ์ชาวไร่มันสำปะหลังแห่งประเทศไทย กับสมาคมการค้าผู้ผลิตเอทานอลไทย และสมาคมเอทานอลจากมันสำปะหลัง ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่างภาครัฐ ภาคเอกชน และกลุ่มเกษตรกร สหกรณ์ วิสาหกิจชุมชนผู้ผลิตมันสำปะหลัง ในการผลักดันและส่งเสริมให้เกษตรกรมีช่องทางในการจำหน่ายผลผลิตเพิ่มขึ้น และเพิ่มปริมาณการใช้มันสำปะหลังในอุตสาหกรรมเอทานอล ซึ่งจะส่งผลดีต่อเสถียรภาพราคาในภาพรวม
ทั้งนี้ ทางสมาคมเอทานอลจากมันสำปะหลัง และสมาคมการค้าผู้ผลิตเอทานอลไทยจะรับซื้อหัวมันสดคุณภาพเชื้อแป้ง 25% ในราคาที่เหมาะสม ซึ่งสูงกว่าต้นทุนการผลิตทั้งหมดของเกษตรกร โดยตกลงรับซื้อในราคาไม่ต่ำกว่า 1.90 บาทต่อกิโลกรัม ไม่น้อยกว่า 1,200 ตันต่อวัน ณ โรงงานเอทานอล ตั้งแต่วันที่ 4 มกราคม 2560 ถึงวันที่ 31 มีนาคม 2560 หรือคิดเป็นปริมาณรวม 3 เดือน กว่า 108,000 ตัน จากปริมาณผลผลิตที่จะออกสู่ตลาด หากราคาตลาดในช่วงที่รับซื้อเกินกว่า 1.90 บาทต่อกิโลกรัม เกษตรกรจะขายได้ตามราคาตลาดที่สูงขึ้น แต่ราคาลดลงเกษตรกรจะขายได้ในราคาที่ตกลงไว้ โดยราคาตลาดขณะนี้อยู่ที่ 1.80 บาทต่อกิโลกรัม ซึ่งปริมาณในช่วง 3 เดือนจะมีหัวมันสำปะหลังออกสู่ตลาดกว่า 17 ล้านตัน ดังนั้นเป็นช่วงที่ผลผลิตมันสำปะหลังออกสู่ตลาดมากและราคามีแนวโน้มลดลง ซึ่งปีหน้าผลผลิตจะมีทั้งหมดกว่า 31 ล้านตัน แม้ว่าปริมาณการรับซื้อจะไม่มากเมื่อเทียบกับผลผลิต แต่เป็นก้าวสำคัญที่คาดหวังจะมีโครงการรับซื้อในลักษณะเช่นนี้เป็นการถาวรได้ในอนาคต ขณะเดียวกันกระทรวงพาณิชย์อยู่ระหว่างการหาตลาดในต่างประเทศเพื่อเพิ่มช่องทางการระบายมันสำปะหลังในประเทศ โดยมีหลายประเทศแสดงความสนใจมันสำปะหลังและแปรรูปเข้ามาบ้างแล้ว ดังนั้น เชื่อว่าปีหน้าราคาหัวมันสัมปะหลังจะดีกว่าปีนี้แน่นอน
นอกจากนี้ ทางสมาพันธ์ฯ ต้องมีการกำกับดูแลเกษตรกรที่เป็นสมาชิกให้เก็บเกี่ยวผลผลิตในช่วงเวลาที่เหมาะสมไม่ต่ำกว่า 8 เดือน เพื่อให้ผลผลิตมีเชื้อแป้งที่เหมาะสม คุณภาพดี และเป็นที่ต้องการของตลาด ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวจะช่วยเพิ่มช่องทางการจำหน่ายและเพิ่มรายได้ให้แก่เกษตรกร ทั้งยังสามารถขายผลผลิตได้ในราคาที่เป็นธรรมส่งผลให้เกษตรกรสามารถพึ่งพาตนเองได้ในระยะยาว โดยรัฐบาลมีแนวทางส่งเสริมให้เกษตรกรมีการรวมกลุ่ม เพื่อสร้างความเข้มแข็งในการผลิตมันสำปะหลังที่มีคุณภาพและสามารถแปรรูปผลผลิตด้วยตนเอง และขยายการผลิตไปสู่อุตสาหกรรมต่อเนื่องที่สร้างมูลค่าเพิ่มสูงขึ้นให้แก่อุตสาหกรรมมันสำปะหลัง อาทิ อุตสาหกรรมอาหารเพื่อการบริโภค อุตสาหกรรมพลาสติกชีวภาพ เป็นต้น ซึ่งจะพัฒนาเกษตรกรผู้ผลิตมันสำปะหลังและภาคเกษตรกรรมของไทยไปสู่ความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน .-สำนักข่าวไทย