กรุงเทพฯ 24 ธ.ค. – ผู้บัญชาการทหารบกปฏิเสธที่จะตอบกรณี คสช.คุมตัว 5 มือแฮกเกอร์ ที่โจมตีเว็บไซต์หน่วยราชการ แต่ขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ข้อมูล
มีรายงานข่าวว่า คสช.ได้เชิญกลุ่มพลเมืองต่อต้านซิงเกิ้ลเกทเวย์ 5 คน ที่มีพฤติกรรมโจมตีเว็บไซต์หน่วยงานราชการมาให้ข้อมูล ที่มณฑลทหารบกที่ 11 (มทบ.11) ซึ่งทุกคนให้ความร่วมมืออย่างดี และคาดว่าจะสามารถขยายผลไปยังผู้เกี่ยวข้องอีกเกือบ 100 คน ส่วนใหญ่เป็นวัยรุ่นที่คึกคะนอง
พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท ผบ.ทบ. ปฏิเสธที่จะต้องคำถามเรื่องนี้ ระบุสั้น ๆ ว่าขอให้รอข้อมูลจากเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง เพราะหากตอบอาจจะเกิดความคลาดเคลื่อน อย่างไรก็ตาม ทราบเรื่องที่กลุ่มแฮกเกอร์โจมตีเว็บไซต์ของกองทัพภาคที่ 2 แล้ว แต่ยืนยันมีระบบป้องกันที่ดี พร้อมระบุ เว็บไซต์ คสช. ก็ถูกโจมตีแต่ไม่ได้เสียหายมากนัก แค่ทำให้การเข้าเว็บอืดเล็กน้อย แต่ไม่สามารถนำข้อมูลอะไรไปได้ เพราะมีการป้องกันเต็มที่ เช่นเดียวกับเว็บไซต์ของกรมการเงินทหารบกยังไม่ได้รับผลกระทบ ทั้งนี้ต้องพยายามทำความเข้าใจกับทุกภาคส่วน ว่าหากดำเนินการเช่นนี้จะเกิดความเสียหายกับประเทศ ส่วนเยาวชนที่ทำ ขณะนี้ได้ความสะใจ แต่อาจสูญเสียอนาคต จึงถามว่าคุ้มกันหรือไม่
พล.ต.ฤทธี อินทราวุธ ผู้อำนวยการศูนย์ไซเบอร์กองทัพบก ชี้แจงว่า ที่เว็บไซต์กองทัพภาคที่ 2 ใช้งานไม่ได้ชั่วคราวเกิดจากกลุ่มแฮกเกอร์พบช่องโหว่จึงนำข้อมูลออกมาแสดง จึงแจ้งให้ผู้รับผิดชอบระมัดระวัง และเร่งแก้ไขปรับปรุง ซึ่งยอมรับกำลังพลอาจขาดประสบการณ์ ทักษะ และความรู้ด้านการรักษาความปลอดภัย คาดว่าข้อมูลที่นำมาเผยแพร่น่าจะแฮกล่วงหน้าก่อนวันที่จะประกาศโจมตี ทั้งนี้ ข้อมูลที่ถูกนำมาเปิดเผยไม่ใช่ความลับทางราชการ
พ.ต.อ.กฤษะ พัฒนเจริญ รองโฆษก สตช. กล่าวถึงกรณีพลเมืองต่อต้านซิงเกิ้ลเกทเวย์ โพสข้อความจะเปิดข้อมูลส่วนบุคคลของตำรวจกว่า 4,000 นาย ว่า พ.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. ให้สำนักเทคโนโลยีและสารสนเทศเร่งรัดหามาตรการป้องกันการเข้าถึงชั้นความลับทุกกรณี และให้ไปตรวจสอบการเข้าถึงที่ไม่ชอบทุกกรณีด้วย และจะตรวจสอบกลุ่มคนผู้กระทำความผิด ทั้งนี้ยืนยันเว็บไซต์ของตำรวจยังไม่มีเพจใดได้รับความเสียหาย หรือเข้าถึงข้อมูลชั้นความลับ เป็นเพียงการดิสเครดิตภาคราชการเท่านั้น จึงเตือนผู้ที่ชักชวนผู้อื่นให้กระทำผิด หรือผู้ที่ลงมือกระทำผิดจะดำเนินคดีตามกฎหมาย
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ระหว่างเดินทางตรวจราชการที่จังหวัดน่าน ว่า การใช้โซเชียลมีเดีย ต้องใช้สติปัญญา คิด วิเคราะห์ ที่ใช้นิ้วกดจิ้มไปจิ้มมา จิ้มถูกก็ดี จิ้มผิดคนอื่นก็เสียหาย ต้องมีมาตรการมารองรับ จะยอมให้โซเชียลมีเดีย มีสิ่งชั่วร้ายอย่างนี้ข้างในหรือ ฝ่ายกฏหมายต้องไปดำเนินการให้ได้ นายกรัฐมนตรี ระบุด้วยว่า หรือจะอยู่แบบเก่าดูเว็บโป๊ ดูขายยาเถื่อนที่อันตรายบิดเบือน แฮกระบบเศรษฐกิจโลกเข้าระวังกันหมด เราต้องหามาตรการคัดขยะออก เว็บที่ไม่ดีจะไปดู จะไปดำเนินการ แต่ไม่ได้จะจับทุกคน. -สำนักข่าวไทย