ศูนย์ราชการฯ 28 ธ.ค.-รองปลัดฯยุติธรรม สั่งเดินหน้ายึดทรัพย์เครือข่ายแก๊งค์หมวกกันน็อค หลัง ‘วิชัย’ ไม่มามอบตัวตามนัด
พ.ต.อ.ดุษฎี อารยวุฒิ รองปลัดกระทรวงยุติธรรม (ยธ.) ในฐานะหัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านอำนวยความยุติธรรม กล่าวภายหลังหารือด่วนกับ พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ภายหลัง นายวิชัย ปั้นงาม เครือข่ายระดับบนแก๊งเงินกู้นอกระบบ ที่ดีเอสไอจับกุมได้เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา เดิมทีแจ้งผ่านดีเอสไอว่าจะเดินทางกลับจากประเทศญี่ปุ่นถึงสนามบินสุวรรณภูมิ เวลา 05.30 น.และจะเข้ามอบตัวทันทีในวันนี้ (28 ธ.ค.) แต่ปรากฎว่านายวิชัย ยกเลิกการเดินทางกลับด่วน
พ.ต.อ.ดุษฎี กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่ทราบเป็นเพราะสาเหตุใด จึงขอเลื่อนการมอบตัว จะเกี่ยวข้องกับเรื่องความปลอดภัยหรือไม่นั้น คิดว่าไม่น่าเกี่ยวข้อง เพราะนายวิชัยมีพรรคพวกมากจึงไม่น่าใช่สาเหตุที่ต้องเลื่อน ในส่วนของพนักงานสอบสวนมั่นใจว่า หากมีการสอบสวนจะสามารถสาวไปถึงตัวการระดับหัวหน้าที่ใหญ่กว่านี้ ส่วนอย่างอื่นไม่น่ามีอะไรมากไปกว่านี้
ทั้งมี การข่าวรายงานว่านายวิชัยยังอยู่ที่ประเทศญี่ปุ่น โดยวีซ่าท่องเที่ยวจะหมดในช่วงวันที 3-4 มกราคม 2560 หากจะอยู่ต่อก็ต้องติดต่อขอทำให้ถูกต้อง และหากออกไปประเทศอื่นก็สามารถตรวจสอบได้ด้วยพาสปอร์ต และหากกลับมาประเทศไทย ทุกสนามบินสามารถดำเนินการจับกุมได้ทันที เพราะมีหมายจับออกมาแล้ว
ส่วนจะมีการกำหนดระยะเวลาในการให้นายวิชัยมอบตัวภายในระยะเวลาเมื่อใด เรื่องนี้คงไม่ได้กำหนดวันชัดเจน เพราะในท้ายหนังสือที่แจ้งมายังดีเอสไอ ยืนยันว่าจะขอมอบตัว อย่างไรก็ตามหากยังไม่มามอบตัวโดยเร็วก็ไม่เป็นอุปสรรคในการทำงานของของเจ้าหน้าที่ เพราะตอนนี้มีการประชุมติดตามการทำงานอยู่ตลอด มีความคืบหน้าการทำงานอยู่ตลอด เรื่องสำคัญเวลานี้คือการเดินหน้ายึดทรัพย์ของขบวนการที่ได้รับแจ้งเบาะแสมาจำนวนมาก เรื่องนี้ได้เร่งให้ดีเอสไอ เร่งสืบสวนในนำเข้าสู่กระบวนการคดีฟอกเงินให้ได้มากที่สุดเพื่อจะได้เดินหน้าหาตัวผู้เกี่ยวข้องมาดำเนินคดี และป้องกันไม่ให้ขยายอิทธิพลไปยังพื้นที่อื่น
นอกจากนี้ พ.ต.อ.ดุษฎี กล่าวว่า ในส่วนข้าราชการทั่วประเทศที่เกี่ยวข้องในคดีนี้ มีรายชื่อรวมแล้วกว่าพันคน โดยดีเอสไอได้แจ้งส่งรายชื่อมาให้อย่างชัดเจนแล้วประมาณ 165 คน ส่วนที่เหลือกำลังอยู่ระหว่างพิจารณาหลักฐานเอาผิด ส่วนรายชื่อเครือข่ายแก๊งค์หมวกกันน็อคที่มีกว่า4,000 คน จะให้ดีเอสไอเร่งประชุมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำรายชื่อมาเอาผิด และสั่งหน่วยงาที่เกี่ยวข้องทั่วประเทศป้องกันไม่ให้คนกลุ่มนี้ไปรังแกประชาชนอีก
รายงานข่าวแจ้งว่า ขณะนี้พนักงานสอบสวนทราบว่า นายวิชัย มีธุรกิจลิซซิ่งในลักษณะเดียวกับที่ทำในประเทศไทยในกัมพูชา พร้อมเชื่อว่ามีอดีตข้าราชการตำรวจระดับสูงเกี่ยวข้องกับขบวนการนี้ด้วย.-สำนักข่าวไทย