ประจวบคีรีขันธ์ 5 ม.ค.- อธิบดีกรมอุทยานฯ บินด่วนดูสุสานช้างหัวหิน หลังจากชุดพญาเสือขุดพบซากหลายตัว สงสัยเชื่อมโยงกับช้างที่ถูกยึดจากตั๋วรูปพรรณไม่ถูกต้อง และอาจทำเป็นขบวนการล่าช้างเอางา ต้องเอาผิดให้ถึงที่สุด
เมื่อเวลา 11.00 น. วันนี้ (5 ม.ค.) นายธัญญา เนติธรรมกุล อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช เดินทางด้วยเฮลิคอปเตอร์ลงยังท่าอากาศยานหัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ จากนั้นขึ้นรถตู้ไปตรวจสอบแหล่งท่องเที่ยวของนักธุรกิจดังรายหนึ่ง บนถนนสายหัวหิน-หนองพลับ เขตเทศบาลเมืองหัวหิน เนื่องจากวันที่ 4 ม.ค.ที่ผ่านมา ชุดเฉพาะกิจพญาเสือของกรมอุทยานฯ ได้ใช้รถแบ็กโฮขุดหาซากซ้างบริเวณเขาโดยรอบของพื้นที่ดังกล่าวรวม 4 หลุม พบซากช้างทั้งหมด 5 ตัว โดยมีนายภูวิช ยมหา ผู้อำนวยการบริหารคดีพิเศษ กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) พล.ต.ต.ทรงธรรม อัลภาชน์ รอง ผบช.ภ.7 นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร หัวหน้าชุดเฉพาะกิจพญาเสือ นำเข้าตรวจสอบแต่ละหลุม โดยหลุมแรกอยู่ด้านหน้าทางเข้า พบซากโครงกระดูกช้าง 2 ตัว ฝังลึกราว 10 เมตร ห่างจากหลุมแรกไปประมาณ 100 เมตร อีก 3 หลุม พบซากช้าง 3 ตัว โดยเฉพาะหลุมสุดท้ายยังมีกะโหลกโครงกระดูกและอวัยวะช้างครบถ้วน คาดว่าถูกฝังไม่เกิน 2 ปี และส่งกลิ่นเหม็น
นายธัญญา กล่าวว่า ชุดเฉพาะกิจพญาเสือ ร่วมกับทหาร ตํารวจ ปทส. ฝ่ายปกครอง และปศุสัตว์ ตรวจยึดช้างของนักธุรกิจรายนี้รวม 6 เชือก ตั้งแต่เดือน พ.ค.2559 เนื่องจากตั๋วรูปพรรณไม่ถูกต้อง ต่อมาได้เบาะแสขุดพบซากช้างจนถึงขณะนี้อีก 5 ตัว ถูกฝังอยู่ เชื่อว่าทำเป็นขบวนการใหญ่ และเชื่อมโยงถึงขบวนการล่าช้างป่าเพื่อเอางาและอวัยวะ หรือนำมาสวมรอย ขณะนี้ได้เก็บตัวอย่างดีเอ็นเอจากกระดูกช้าง เพื่อนำไปพิสูจน์ที่ห้องปฏิบัติการของกรมอุทยานฯ คาดว่า 2 สัปดาห์ จะทราบผลที่ไปที่มาว่าช้างถูกต้องหรือไม่ และมีการสวมตั๋วรูปพรรณหรือไม่อย่างไร
อธิบดีกรมอุทยานฯ กล่าวด้วยว่า จากข้อมูลปศุสัตว์พบว่า นักธุรกิจรายนี้ได้แจ้งครอบครอบช้างไว้มากกว่า 11 ตัว ถ้ามีช้างตายต้องแจ้งนายทะเบียนทราบ เพื่อยกเลิกตั๋วรูปพรรณ แต่ไม่มีการแจ้งตาย กระทั่งมาขุดพบซากช้างหลายตัว ทำให้เชื่อว่ามีขบวนการที่ไม่สุจริตแล้ว จากนี้คงต้องแจ้งความดำเนินคดีกับผู้ประกอบการ ข้อหากระทําผิดตามพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตวป่า พ.ศ.2535 มาตรา 19 มาตรา 47 และมาตรา 55 ฐานมีไว้ในครอบครองซึ่งซากสัตวป่าสงวน ซากสัตว์ป่าคุ้มครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และข้อหาซ่อนเร้นซากของสัตว์ป่าอันได้มาโดยการกระทําความผิด และมอบหมายให้ดีเอสไอเข้าดำเนินการสอบสวนสาวโยงให้ถึงขบวนการล่าช้างสวมรอย รวมถึงส่งเรื่องให้สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ( ปปง.) เข้าตรวจสอบเส้นทางการเงินของผู้ที่เกี่ยวข้อง
ด้านนายชัยวัฒน์ กล่าวว่า จากการตรวจสอบแหล่งท่องเที่ยวดังกล่าวพบว่าไม่มีใบอนุญาต ซึ่งเจ้าของได้ทำสัญญาเช่าที่ดินจากวัดเขาอิติสุคโตมานับสิบปี ก่อนทางวัดจะมีหนังสือยกเลิกสัญญาเช่าให้ย้ายออกไปตั้งแต่ปี 2556 แต่ก็เพิกเฉย จากนี้จะประสานเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องดำเนินการรื้อถอนต่อไป.-สำนักข่าวไทย