กรุงเทพฯ 11 มี.ค.- ความคืบหน้าคดีฟอกเงินของนายอัครกิตติ์ วรโรจน์เจริญเดช หรือ “เบนซ์ เรซซิ่ง” ผู้ต้องหาคดีฟอกเงินและสมคบกันฟอกเงิน กรณีครอบครองรถหรูลัมโบร์กินี ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับนายณัฐพล นาคคำ หรือ บอย เครือข่ายยาเสพติดของนายไซซะนะ แก้วพิมพา ผู้ต้องหาคดียาเสพติดชาวลาวรายสำคัญ
พล.ต.ท.สมหมาย กองวิสัยสุข ผู้บัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด เปิดเผยว่า เมื่อวานนี้ได้มีการประชุมคณะทำงานคดีของนายเบนซ์ และการทลายเครือข่ายของนายไซซะนะ โดยในวันจันทร์ที่ 13 มีนาคมนี้ พนักงานสอบสวนได้เชิญครอบครัวของนายเบนซ์ 6-7 คน รวมถึง น.ส.ณปภา ตันตระกูล หรือ แพท ภรรยาของนายเบนซ์ มาสอบปากคำเกี่ยวกับที่มาของทรัพย์สินและรายได้ต่างๆ หลังการตรวจเส้นทางธุรกรรมการเงินกว่า 100 ล้านบาท ที่อาจเชื่อมโยงไปยังบุคคลหลายกลุ่ม และมีเงินจำนวนกว่า 30 ล้านบาท หมุนเวียนในบัญชีธนาคารของ น.ส.ณปภา เบื้องต้นหลังสอบปากคำ น.ส.ณปภา แล้ว ตำรวจจะแจ้งข้อกล่าวหาร่วมกันฟอกเงินและสมคบกันฟอกเงิน เช่นเดียวกับนายเบนซ์ จากนั้นจะนำตัวไปฝากขังครั้งแรกที่ศาลอาญา รัชดาภิเษก ซึ่งแนวทางการต่อสู้คดี น.ส.ณปภา มีสิทธิให้การในชั้นพนักงานสอบสวนหรือไม่ก็ได้ และสามารถยื่นหลักทรัพย์เพื่อขอประกันตัวในชั้นศาลได้
นอกจากนี้ ยืนยันว่าไม่รู้สึกกดดันในการทำคดี เมื่อหลักฐานโดยเฉพาะการทำธุรกรรมทางการเงินเชื่อมโยงถึงใครก็ต้องดำเนินการไม่ละเว้น แต่หากผู้ถูกกล่าวหามีพยานหลักฐานที่มาของทรัพย์สิน สามารถนำชี้แจงได้ ด้าน พล.ต.ต.ชาตรี ไพศาลศิลป์ รองผู้บัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด กล่าวถึงการขยายผลจับเครือข่ายนายไซซะนะ โดยยอมรับว่า จากการสอบปากคำนายไซนุเด็น มะ หรือ “มะ สิบล้อ” ซึ่งถูกจับกุมที่ประเทศมาเลเซีย ทำให้พบพยานหลักฐานเชื่อมโยงมากขึ้น แต่ยังไม่ชัดเจนว่ามีส่วนสนับสนุนเงินทุนกับผู้ก่อความไม่สงบใน 3 จังหวัดชายแดนใต้หรือไม่ เนื่องจากขบวนการยาเสพติดเหล่านี้มักจะไม่โอนเงินผ่านระบบธนาคาร ทำให้ตรวจสอบได้ยาก ซึ่งผู้บังคับบัญชาให้ความสำคัญกำชับเร่งจับกุมบุคคลที่ออกหมายจับไปก่อนหน้านี้ โดยขณะนี้สามารถจับกุมได้เพิ่มเติมบางส่วนแล้ว และขยายผลไปยังคนมีชื่อเสียงบางกลุ่ม แต่ไม่สามารถบอกรายละเอียด เพราะอยู่ระหว่างการสืบสวน.-สำนักข่าวไทย