ดีเอสไอ 13 มี.ค.-ตัวแทนชาวบ้านจังหวัดนครสวรรค์ร้องดีเอสไอตรวจสอบโครงการพุทธอุทยานนครสวรรค์ รุกที่สาธารณะบึงบอระเพ็ด เชื่อว่าน่าจะเป็นเครือข่ายของวัดพระธรรมกาย
นางขนิษฐา รัตนพัฒนากุล ตัวแทนชาวบ้านจังหวัดนครสวรรค์ พร้อมนายสุรพงษ์ สิทธิกรณ์ ทนายความ เข้ายื่นหนังสือต่อกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ )เพื่อให้ตรวจสอบโครงการพุทธอุทยานนครสวรรค์ หมู่ที่ 6 ตำบลนครสวรรค์ อำเภอเมือง จังหวัดนครสวรรค์ ได้ถมดินบุกรุกที่สาธารณะประโยชน์บริเวณบึงบอระเพ็ดและทำการถมคลองสาหร่าย ซึ่งเป็นคลองระบายน้ำ ที่เชื่อมต่อกับบึงบอระเพ็ดกับแม่น้ำเจ้าพระยา ทำให้ปัจจุบันไม่มีสภาพคลองดังกล่าว จนเป็นเหตุให้ประชาชนที่อยู่บริเวณรอบบึงบอระเพ็ดได้รับความเดือดร้อน เนื่องจากมีการขวางทางน้ำจนไม่สามารถระบายน้ำได้ในฤดูฝน
นอกจากนี้การก่อสร้างโครงการพุทธอุทยานนครสวรรค์เป็นการก่อสร้างในที่ดินซึ่งเป็นที่สาธารณะประโยชน์บริเวณปากบึงบอระเพ็ดด้วย
นายสุรพงษ์ ทนายความ กล่าวว่า วันนี้ได้ร้องทุกข์กล่าวโทษพระเทพปริยัติเมธี เจ้าคณะจังหวัดนครสวรรค์ ซึ่งเป็นผู้ดำเนินการโครงการนี้ โดยได้นำแผนที่ทางภาพถ่ายทางอากาศ ซึ่งแสดงให้เห็นว่าก่อนที่พระเทพปริยัติเมธีจะได้ทำการถมดินในโครงการณ ยังปรากฏว่ามีคลองสาหร่ายปรากฏอยู่ แต่หลังจากถมดินคลองสาหร่ายก็หายไปจนไม่มีสภาพคลองหลงเหลืออยู่
ส่วนการตรวจสอบที่ดินของโครงการนี้ ซึ่งถมดินจำนวน 300 ไร่ พบว่า มีเอกสารสิทธิ์ สค 1 เพียง 100 ไร่ เป็นที่ดินที่ได้รับบริจาคจากมารดาของนายประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์ อดีต รมช.คลัง ส่วนที่เหลืออีก200 ไร่เป็นการถมที่สาธาระบึงบอระเพ็ด
สำหรับโครงการนี้ เริ่มดำเนินการตั้งแต่ปี 2548 และชาวบ้านกว่า 100 ราย ได้รับความเดือดร้อนและมีการร้องเรียนต่อหน่วยงานในระดับจังหวัดมาอย่างต่อเนื่องทั้งศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดนครสวรรค์ สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดนครสวรรค์ ซึ่งได้รับคำตอบว่าไม่มีอำนาจหน้าที่ในการตรวจสอบ ,ร้องผู้ตรวจการแผ่นดินลงพื้นที่ไปตรวจสอบแล้ว และล่าสุดเมื่อวันที่ 26 ม.ค.2560 ร้องเรียนที่ศูนย์ร้องเรียนทำเนียบรัฐบาล แต่จนถึงขณะนี้ยังไม่มีความคืบหน้าใดๆ และโครงการก็ยังคงดำเนินการสร้างต่อไปร้อยละ80-90 แล้วจึงมาร้องเรียนต่อดีเอสใส่ในวันนี้เพื่อให้รับเป็นคดีพิเศษและตรวจสอบความไม่โปร่งใสที่เกิดขึ้น
ทั้งนี้ ทนายความตั้งข้อสังเกตว่าสาเหตุที่ไปร้องเรียนหลายที่แต่ไม่สามารถเอาผิดหรือดำเนินการใดๆ กับโครงการนี้ได้ เนื่องจากเจ้าคณะจังหวัดได้แต่งตั้งกรรมการของโครงการที่มีความเข้มแข็งซึ่งมีทั้งอดีตนายทหาร นายตำรวจ อัยการและฝ่ายปกครองระดับสูง และเชื่อว่าโครงการนี้เกี่ยวข้องและเป็นเครือข่ายของวัดพระธรรมกายเพราะวัดได้มาจัดกิจกรรมและจัดงบประมาณสนับสนุนกิจกรรมโครงการนี้อย่างต่อเนื่อง รวมทั้งมีตัวบุคคลที่เชื่อมโยงชัดเจน คือนายสัมพันธ์ เสริมชีพ ทนายของพระธัมมชโย ที่เป็นไวยาวัจกรของวัดนครสวรรค์ ซึ่งอยู่ในโครงการนี้ด้วย.-สำนักข่าวไทย