จันทบุรี 15 มี.ค. – พาณิชย์ระบุผลไม้ภาคตะวันออกจะเริ่มออกสู่ตลาดตั้งแต่ปลายเดือนมีนาคม มั่นใจไม่มีปัญหาราคาตกต่ำ เหตุมีตลาดรองรับ เฉพาะทุเรียนมีการจัดกินบุฟเฟ่ต์ 19 สวน ดึงนักท่องเที่ยวทั้งไทยและต่างประเทศ พร้อมหนุนเกษตรกรปลูกทุเรียนอินทรีย์ หลังขายได้ราคาดีถึงลูกละ 3,600 บาท
น.ส.วิบูลย์ลักษณ์ ร่วมรักษ์ ปลัดกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยถึงผลการลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์ผลไม้ภาคตะวันออกว่า ได้ไปติดตามสถานการณ์ผลผลิตผลไม้ภาคตะวันออก เช่น ทุเรียน มังคุด เงาะ และมะม่วง เป็นต้น ผลไม้จะเริ่มออกสู่ตลาดตั้งแต่สิ้นเดือนมีนาคม 2560 เป็นต้นไป และจะออกมากช่วงเดือนเมษายน หลังสงกรานต์ และจากการที่เตรียมความพร้อมด้านมาตรการรับมือทั้งการหาตลาดรองรับผลผลิต การกระจายผลผลิตออกสู่ตลาดปลายทางโดยเร็ว ทำให้มั่นใจว่าปีนี้จะเป็นปีที่เกษตรกรผู้ปลูกผลไม้ภาคตะวันออกจำหน่ายผลผลิตได้ราคาดีอีกปีหนึ่ง
“ประชุมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งสำนักงานพาณิชย์จังหวัดจันทบุรี สำนักงานเกษตรจังหวัดจันทบุรี สภาเกษตรจังหวัดจันทบุรี หอการค้าจังหวัดจันทบุรี เครือข่ายธุรกิจบิสคลับจันทบุรี สหกรณ์การเกษตรท่าใหม่ จำกัด และเกษตรกรประมาณ 20 คน ได้ข้อมูลตรงกันว่าสถานการณ์ผลไม้ภาคตะวันออกปีนี้ไม่น่าเป็นห่วง เพราะส่วนใหญ่มีตลาดรองรับหมดแล้ว” น.ส.วิบูลย์ลักษณ์ กล่าว
ส่วนผลผลิตทุเรียนที่จะเริ่มออกมากตั้งแต่เดือนเมษายน มั่นใจว่าไม่มีปัญหาด้านราคา เพราะผลผลิตมีตลาดรองรับ ทั้งการจำหน่ายในประเทศและส่งออก และชาวสวนยังได้เพิ่มช่องทางการจำหน่ายใหม่ ๆ โดยเฉพาะการจัดกินทุเรียนบุฟเฟ่ต์ ซึ่งปัจจุบันมี 19 สวน ซึ่งไม่เพียงแต่ช่วยระบายผลผลิตทุเรียน ยังช่วยส่งเสริมการท่องเที่ยว เพราะมีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติเดินทางเข้ามากินทุเรียนจำนวนมากโดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจีนที่เดินทางมาจากพัทยาลักษณะ One Day Trip
ขณะเดียวกันยังพบว่ามีเกษตรกรบางรายปรับตัวเป็น Smart Farmer หันมาปลูกทุเรียนอินทรีย์ โดยสามารถขายทุเรียนได้แพงถึงลูกละ 3,600 บาท ภายใต้แบรนด์ EXOTIQ นำไปขายที่ห้างพารากอน โดยผลผลิตสามารถทำได้ปีละ 500 ลูกเท่านั้น มีเพียง 2 พันธุ์ คือ หมอนทอง และก้านยาว ซึ่งกระทรวงพาณิชย์จะผลักดันให้เกษตรกรมีการนำแนวทางเกษตรอินทรีย์และเกษตรผสมผสานมาพัฒนาผลไม้ในภาคตะวันออกต่อไป.-สำนักข่าวไทย