จับตา ปตท.ปรับแผนนำเข้าแอลเอ็นจี หลังโครงการแอลเอ็นจีโมซัมบิก ส่อแววเลื่อน 2 ปี

กรุงเทพ 13 พ.ย.-ปตท.สผ.เผยโครงการแอลเอ็นจีโมซัมบิก ส่อแววล่าช้ากว่า แผน 2 ปี จับตา ปตท.ปรับแผนนำเข้าอย่างไร ล่าสุด ปตท.มีเงินสดในมือ 3.7 พันล้านดอลลาร์ สรอ.พร้อมซื้อกิจการ ระบุ มี 3 โครงการในอาเซียนอยู่ระหว่างเจรจา
นางสาวพรรณนลิน มหาวงศ์ธิกุล รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่มงานการเงินและการบัญชี บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ ปตท.สผ. เปิดเผยว่า โครงการผลิตก๊าซแอลเอ็นจีที่ประเทศโมซัมบิก ในขณะนี้อยู่ระหว่างรอกการแก้ไขด้านกฏหมายต่างๆจากทางรัฐบาล จึงทำให้คาดว่าจะประกาศแผนการลงทุนขั้นสุดท้ายในปี 2560 และส่งผลให้การเริ่มการผลิตแอลเอ็นจี จะเริ่มได้ช่วงปี 2564-2565 ล่าช้าออกไปจากแผนเดิมในช่วงปลายปี 2563 โดยในส่วนนี้ ปตท.ได้มีข้อตกลงเบื้องต้น (HOA) ที่จะรับก๊าซฯประมาณ 2.60 ล้านตัน/ปี


“ในขณะนี้ผู้ร่วมทุนทั้งหมดเดินหน้าโครงการทั้งเจรจาเรื่องการเงิน ผู้รับเหมา รวมทั้งลูกค้า โดยรวมแล้วมีสัญญา HOA ร้อยละ 70-80 ของกำลังผลิตแอลเอ็นจีช่วงแรก 12 ล้านตัน/ปี”นางสาวพรรณนลิน กล่าว

ทั้งนี้โครงการโรวูมา ออฟชอร์ แอเรียวัน ที่ โมซัมบิก ทาง ปตท.สผ. ถือหุ้น ร้อยละ8.5 เงินลงทุนรวมทั้งโครงการเดิมประมาณการณ์อยู่ที่ 2.2 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเป็นในส่วนของ ปตท.สผ. ลงทุน 1.9 พันล้านดอลลาร์สหรัฐนั้น โดยคาดว่าจะปรับลดเงินลงทุนได้ตามแนวโน้มค่าก่อสร้างที่ลดลงตามราคาน้ำมัน


ในขณะเดียวกันปี 2560 บริษัท ยังมีอีก 2 โครงการที่จะตัดสินใจขั้นสุดท้ายการลงทุน คือ โครงการแหล่งอุบล ในอ่าวไทย เนื่องจากยังอยู่ระหว่างเจรจาลดค่าใช้จ่ายในการลงทุนกับบริษัท เชฟรอน (ประเทศไทย) ซึ่งเป็นผู้ดำเนินกิจการ คาดว่าจะสามารถผลิตน้ำมันดิบได้ 2.5 หมื่นบาร์เรลต่อวัน หลังปี 2563 ซึ่งล่าช้ากว่าแผนงานเดิมที่คาดว่าจะผลิตเชิงพาณิชย์ได้ในปี 2562
ขณะที่โครงการฮาสสิ เบอร์ ราเกซ ที่แอลจีเรีย อยู่ระหว่างเตรียมแผนการผลิตเพื่อยื่นขอการอนุมัติจากรัฐบาลแอลจีเรียซึ่งต้องใช้เวลา เบื้องต้นจากการสำรวจทางธรณีวิทยาในเบื้องต้นได้ผลค่อนข้างดีเป็นแหล่งน้ำมัน แต่ยังต้องใช้เวลาสำรวจและประเมินปริมาณสำรองฯ

ส่วนโครงการในเมียนมาร์ซึ่งถือว่าเป็นบ้านแห่งที่ ปตท.สผขณะที่แหล่งเยตากุน ได้เจรจากับ ปตท. เพื่อลดปริมาณก๊าซที่จะต้องส่งมอบตามสัญญาในแต่ละวัน(DCQ) ลงแล้ว จากที่เคยตกลงกัน 400 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน ซึ่งจะผลิตต่อไปได้อีก 5 ปี แต่จะทยอยลดการผลิตลงจากปีนี้อยู่ที่ 240 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน เหลือ 100 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวันในปี 2563 ซึ่งจะสามารถนำก๊าซฯจากแหล่งซอติก้า มาทดแทนได้บางส่วนำหรับความคืบหน้าโครงการลงทุนในเมียนมา แปลงปิโตรเลียมน้ำลึก MD7 กำลังหาพันธมิตรร่วมทุน และอยู่ระหว่างการสำรวจและประเมินปริมาณสำรอง ส่วนแหล่ง M3 ยังต้องปรับวิธีดำเนินโครงการให้คุ้มค่าเชิงพาณิชย์ หลังพบว่าแหล่งปิโตรเลียมมีขนาดเล็กกว่าที่ประเมินไว้

“ปตท.สผ.เดินหนากลยุทธ์3 Rทั้ง “RESET” ปรับฐานต้นทุนเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการแข่งขันในช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้ สามารถลดต้นทุนต่อหน่วยลงได้ 23% สูงกว่าเป้าหมายที่ 10% , “REFOCUS” เน้นลงทุนในพื้นที่ที่มีความเชี่ยวชาญและมีโอกาส เพิ่มการลงทุนในอาเซียน หาโอกาสควบรวมกิจการ โดยกระแสเงินสดที่มี 3.7 พันล้านดอลลาร์สรอ.ก็ทำให้มีโอกาสเพิ่มขึ้น และ “RENEW” ปรับกลยุทธ์เพื่อรองรับการเติบโตอย่างยั่งยืนในระยะยาว เช่น พลังงานทางเลือก”


ทั้งนี้ ปตท.สผ.อยู่ในระหว่างการเจรจาซื้อขายกิจการ (M&A) 3 โครงการในอาเซียน คาดจะรับทราบผลในราวต้นปี 2560 ส่วนแหล่งเยตากุน ประเทศเมียนมาร์ ปริมาณก๊าซจะลดลงเรื่อยๆล่าสุด ได้ ลดปริมาณก๊าซที่จะต้องส่งมอบตามสัญญาในแต่ละวัน(DCQ) เหลือ 240 ล้านลูกบาศ์กฟุตต่อวัน จากเดิม 400 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน และจะเหลือ 100 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวันในปี 2563 เนื่องจากปริมาณสำรองก๊าซลดต่ำกว่าประมาณการณ์เดิม โดยในส่วนนี้ ได้นำก๊าซจากจากแหล่งซอติก้า มาทดแทนได้บางส่วน และ ปตท.กำลังเจรจากับรัฐบาลเมียนมาร์เพื่อขออนุมัติโครงการนำเข้าแอลเอ็นจี ในรูปแบบคลังลอยน้ำหรือเอฟเอสอาร์ยู่ที่จำนำมาใช้2 ประเทศ
ซีเอฟโอ ปตท.สผ.ระบุด้วยว่ากำลังทบทวนเป้าหมายขยายกำลังการผลิตปิโตรเลียมเป็น 5 แสนบาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวัน ใน 10 ปี จากปัจจุบันมีกำลังผลิตอยู่ที่ 3.7 แสนบาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวัน และมียอดขายอยู่ที่ 3.2 แสนบาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวัน ซึ่งคาดว่าจะนำเสนอคณะกรรมบริษัทพิจาณาได้ในเดือนพ.ย หรือ ธ.ค.นี้ โดยปีหน้าจะพยายามรักษายอดขายให้ใกล้เคียงกับปีนี้ ขณะที่ราคาก๊าซฯเฉลี่ยในปีหน้า คาดว่าจะใกล้เคียงกับราคาเฉลี่ยของปีนี้ที่ 5.5 ดอลลาร์สหรัฐต่อล้านบีทียู โดยแผนทั้งหมดกำลังติดตามสถานการณ์การคาดการณ์ราคาน้ำมันในปี 2560 จากเดิมบริษัทตั้งระดับราคาน้ำมันดิบดูไบในการจัดทำงบฯที่ 44 ดอลลาร์/บาร์เรล อย่างไรก็ตาม ราคาในขณะนี้ขยับขึ้น และต้องดูว่า โอเปกจะลดกำลังผลิตได้หรือไม่ รวมไปถึงนโยบายรัฐบาบสหรัฐจะมีการเปลี่ยนแปลงด้านพลังงานอย่างไร.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ชูความสำเร็จทีมไทยแลนด์ ปิดดีลภาษีสหรัฐที่ 19%

ทำเนียบ 1 ส.ค.-โฆษกรัฐบาล เผย ปิดดีลภาษีนำเข้าสหรัฐสำเร็จที่ 19% เกาะกลุ่มระดับใกล้เคียงกับประเทศในภูมิภาค ชู เป็นอีกหนึ่งความสำเร็จสำคัญของทีมไทยแลนด์ ในแนวทาง Win-Win นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลไทยสามารถเจรจาและบรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับอัตราภาษีนำเข้าต่างตอบแทน (Reciprocal Tariffs) กับสหรัฐอเมริกาได้สำเร็จ โดยขณะนี้ รัฐบาลสหรัฐได้ประกาศแล้วว่าจะเรียกเก็บอัตราภาษีนำเข้าฯ จากสินค้าของไทยในอัตรา 19 % ซึ่งข้อตกลงดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันนี้วันที่ 1 สิงหาคม 2568 เป็นต้นไป นายจิรายุ กล่าวว่า อัตราภาษีดังกล่าวที่ ต่ำกว่า อัตราเดิม 36 % และเกาะอยู่อยู่ในระดับใกล้เคียงกับประเทศในภูมิภาค อาทิ เวียดนาม ฟิลิปปินส์ และญี่ปุ่น สามารถรักษาการแข่งขันได้ เมื่อเทียบกับประเทศอื่นในภูมิภาคอาเซียน ซึ่งได้เจรจากับสหรัฐสำเร็จแล้วก่อนหน้านี้ “การปิดดีลครั้งนี้ของรัฐบาลไทย ในระดับภาษีนำเข้าฯ ไว้ที่ 19% ถือเป็นอีกหนึ่งความสำเร็จสำคัญของทีมไทยแลนด์ ในแนวทาง Win-Win เพื่อรักษาฐานการส่งออกและเสถียรภาพทางเศรษฐกิจของประเทศในระยะยาว ย้ำถึงศักยภาพของประเทศไทยในเวทีการค้าโลก ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงในนโยบายการค้าระหว่างประเทศ” นายจิรายุกล่าว […]

รพ.สรรพสิทธิประสงค์ แจ้งยกเลิกรับผู้ป่วยกัมพูชาชั่วคราว

อุบลราชธานี 31 ก.ค. – โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี ออกหนังสือขอยกเลิกการให้บริการผู้ป่วยชาวกัมพูชา และยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา เนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งส่งผลต่อความมั่นคงของประเทศ เมื่อวานนี้ (30 ก.ค.) พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ลงพื้นที่เยี่ยมให้กำลังใจผู้ได้รับบาดเจ็บจากสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา พร้อมทั้งให้กำลังใจแก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติ งานด้านการแพทย์และพยาบาล ณ โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี นายแพทย์ มนต์ชัย วิวัฒนาสิทธิพงศ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร ให้การต้อนรับและรายงานความคืบหน้าการดูแลรักษาผู้ได้รับบาดเจ็บ รวมถึงการเตรียมความพร้อมด้านการรักษาพยาบาลรองรับสถานการณ์ฉุกเฉินในพื้นที่ชายแดน รพ.สรรพสิทธิประสงค์ แจ้งยกเลิกรับผู้ป่วยกัมพูชาชั่วคราวขณะที่ในวันเดียวกัน โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ ได้ออกเอกสารขอยกเลิกการให้บริการผู้ป่วยชาวกัมพูชา และยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา ใจความในหนังสือว่า “โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ได้ให้การตรวจรักษาพยาบาลแก่ผู้ป่วยทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ รวมถึงผู้ป่วยชาวกัมพูชาที่เดินทางเข้ามารักษาอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งส่งผลต่อความมั่นคงของประเทศ และจากมติที่ประชุมคณะกรรมการคลินิกพิเศษนอกเวลาราชการ โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ มีมติดังนี้ 1.ยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา และจิตอาสาภาษาต่างประเทศ2.ปิดการให้บริการ SMC Premium ชั่วคราว3.ยกเลิกการรับยาแทน และงดรับเคสใหม่ผู้ป่วยชาวกัมพูชา4.ผู้ป่วยชาวกัมพูชาที่ยังนอนอยู่ในโรงพยาบาลให้จำกัดพื้นที่ชัดเจน ในการนี้ให้มีผลตั้งแต่วันที่ 31 กรกฎาคม 2568 ถึงวันที่ 10 […]

รมช.มท. โฟนอินผู้ว่าฯ อุบลฯ ตอบกลางสภา ยันไม่มีปัญหาเบิกจ่ายงบ

รัฐสภา 31 ก.ค.-สส.ศรีสะเกษ ภูมิใจไทย ทวงถามเงินช่วยเหลือเยียวยาจังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชา ชี้ตั้งแต่วันแรกยังไม่ได้เงินรัฐบาลสักบาท ซัด “ผู้ว่าฯ อุบล” อ้างกลัวติดคุกไม่กล้าเบิกงบ ด้าน รมช.มหาดไทย ต่อสายโฟนอิน ผู้ว่าฯ ตอบกลางสภา ยืนยันไม่มีปัญหาเบิกจ่ายงบ ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่ประธานการประชุม พิจารณากระทู้ถามสดด้วยวาจา โดยนายธนา กิจไพบูลย์ชัย สส.ศรีสะเกษ พรรคภูมิใจไทย สอบถามกรณีเหตุปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งนายกรัฐมนตรี มอบหมาย นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย เป็นผู้ตอบกระทู้ แต่เนื่องจากนายภูมิธรรม ติดภารกิจจึงมอบหมายให้ น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รมช.มหาดไทย ชี้แจงแทน นายธนา กล่าวว่า จากเหตุปะทะบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ส่งผลกระทบต่อประชาชนในพื้นที่ 4 จังหวัดชายแดน ทั้งศรีสะเกษ สุรินทร์ บุรีรัมย์ และอุบลราชธานี ตั้งแต่เกิดเหตุจนถึงขณะนี้ ยังไม่มีงบประมาณจากส่วนกลางลงพื้นที่แม้แต่บาทเดียว ทุกวันนี้เราอาศัยเงินบริจาคเป็นหลัก และนำงบขององค์การปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) […]

ทูตไทยตอบโต้กัมพูชา หลังยกกรณีปัญหาชายแดนที่ยูเอ็น

นิวยอร์ก 31 ก.ค. – เอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรไทยประจำองค์การสหประชาชาติ โต้ผู้แทนกัมพูชา ซึ่งหยิบประเด็นชายแดนไทย-กัมพูชา ขึ้นพูดผิดกาลเทศะ ผิดวาระ ในที่ประชุมสหประชาชาติ วาระสำคัญของการประชุมระดับสูงระหว่างประเทศในเวทีสหประชาชาติ ที่นครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐ เมื่อวานนี้ คือการผลักดันเพื่อระงับข้อพิพาทปัญหาปาเลสไตน์โดยสันติวิธี แต่ปรากฏว่านาย เจีย แก้ว เอกอัครราชทูตกัมพูชาประจำสหประชาชาติ กลับพูดในประเด็นที่ไม่เกี่ยวข้องกับวาระการประชุม โดยพาดพิงถึงไทยเกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา นายเชิดชาย ใช้ไววิทย์ เอกอัครราชทูต ผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ จึงกล่าวตอบโต้โดยชี้แจงข้อมูลความจริงในประเด็นที่กัมพูชาละเมิดข้อตกลงหยุดยิง โดยระบุว่า เป็นที่น่าเสียดายที่มีคณะผู้แทนหยิบยกประเด็นที่ไม่เกี่ยวข้องขึ้นมาในที่ประชุม ซึ่งเป็นเวทีที่หลายฝ่ายรอคอย และมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการสนับสนุนจากประชาคมระหว่างประเทศต่อการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและปาเลสไตน์อย่างเป็นธรรม ถาวร และครอบคลุม ผ่านแนวทางสันติวิธีโดยการดำเนินการตามแนวทางสองรัฐ นายเชิดชาย กล่าวในที่ประชุมว่า ประเทศไทยไม่ได้มีเจตนาจะนำเรื่องทวิภาคีเข้าสู่เวทีสำคัญดังกล่าว แต่ต้องขอชี้แจงข้อเท็จจริงเพื่อป้องกันความเข้าใจผิด โดยย้ำว่าเมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2568 ไทยและกัมพูชา ได้บรรลุข้อตกลงหยุดยิง โดยได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ในฐานะประธานอาเซียน แต่หลังจากที่ข้อตกลงหยุดยิงมีผลบังคับใช้ในวันที่ 29 กรกฎาคม อีกฝ่ายกลับใช้อาวุธข้ามพรมแดน และบุกรุกเข้ามาในดินแดนของไทยอีกครั้ง ซึ่งถือเป็นการละเมิดข้อตกลงอย่างร้ายแรง ประเทศไทยจึงขอเรียกร้องให้ประเทศเพื่อนบ้านปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัด และยืนยันความมุ่งมั่นของไทยที่จะใช้กลไกทวิภาคีที่มีอยู่ในการแก้ไขปัญหา หลีกเลี่ยงการเผยแพร่ข้อมูลที่เป็นเท็จหรือทำให้เข้าใจผิด และให้มีส่วนร่วมด้วยเจตนาดี.-810.-813.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

เตรียมเรียก “เป๊ก ผลิตโชค” และคนขับกระบะเข้าให้การ

กทม. 4 ส.ค.-ตำรวจเตรียมเรียก “เป๊ก ผลิตโชค” มาให้การอย่างละเอียด รวมถึงคนขับกระบะ ด้านผู้ก่อเหตุ สอบปากคำเรียบร้อยแล้ว พ.ต.อ.นเรนทร์ เครื่องสนุก ผกก.สน.หัวหมาก เปิดเผยว่าคดี “เป๊ก ผลิตโชค” ถูกฟันบริเวณคาง ภายในปั๊มน้ำมัน คดีนี้ไม่มีความซับซ้อนทุกอย่างเป็นไปตามขั้นตอน ขณะนี้รวบรวมพยานหลักฐานได้มากพอสมควรแล้ว ยังเหลือเรื่องของคำให้การของพยาน โดยหลังจากนี้จะเรียก “เป๊ก ผลิตโชค” ในฐานะผู้ถูกกระทำมาให้การอย่างละเอียด รวมถึงจะเชิญคนขับรถกระบะที่ “เป๊ก” ปีนขึ้นไป ตอนนี้พนักงานสอบสวนพยายามติดต่ออยู่ และพยานต่างๆ ที่อยู่ในเหตุการณ์ก็ต้องเรียกมาให้การเพิ่มเติมด้วย ส่วนนายชุติเทพ ที่เป็นผู้ก่อเหตุได้ทำการสอบปากคำไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ส่วนเรื่องการตรวจร่างกายของ “เป๊ก” นั้น ก็เป็นในส่วนของแพทย์.-419.-สำนักข่าวไทย

ปรากฏการณ์ “ดาวตกลูกไฟ” โผล่บนท้องฟ้า

4 ส.ค. – สมาคมดาราศาสตร์ไทยแจงปรากฏการณ์ “ดาวตกลูกไฟ” โผล่บนท้องฟ้าหลายจังหวัดของประเทศไทย เมื่อคืนที่ผ่านมา เวลา 00.00 น. (วันที่ 4 ส.ค.) สมาคมดาราศาสตร์ไทยได้แจ้งว่า เกิดลูกไฟขนาดใหญ่พร้อมกับเสียงระเบิดดังขึ้นปรากฏบนท้องฟ้าเหนือหลายจังหวัดของประเทศไทย เมื่อสักครู่ที่ผ่านมา จากตรวจสอบน่าจะเป็น ดาวตกชนิดลูกไฟ (meteoroid) โดยลักษณะที่ปรากฏเป็นแสงสีเขียว อาจบ่งบอกถึงองค์ประกอบของธาตุนิกเกิล โดยทั่วไปแล้ว ดาวตก (Meteor) เกิดขึ้นเมื่อวัตถุท้องฟ้าขนาดเล็กเคลื่อนที่เข้าสู่ชั้นบรรยากาศโลกและเสียดสีกับอากาศที่ระดับความสูงประมาณ 80-120 กิโลเมตร ทำให้เกิดแสงสว่างวาบพาดผ่านท้องฟ้า ยิ่งวัตถุมีขนาดใหญ่เท่าใด ปริมาณความร้อนและแสงสว่างที่เกิดขึ้นก็จะยิ่งมากตามไปด้วย จากภาพและคลิปวิดีโอที่เผยแพร่ออกมา ดาวตกในครั้งนี้มีขนาดใหญ่และมีความสว่างมากเป็นพิเศษ ความสว่างของมันใกล้เคียงกับดาวศุกร์ ทำให้ถูกจัดเป็นดาวตกชนิด #ลูกไฟ (Fireball) อย่างชัดเจน ส่วนการปรากฏของแสงสีเขียว สามารถตีความได้ว่าดาวตกนี้มีส่วนประกอบของธาตุโลหะอย่างนิกเกิล.-สำนักข่าวไทย

มือมีดทำร้าย “เป๊ก ผลิตโชค” ขอโทษ อ้างป้องกันตัว

กรุงเทพฯ 3 ส.ค. – มือมีดทำร้าย “เป๊ก ผลิตโชค” ยืนยันไม่ได้ตั้งใจเอามีดฟัน อ้างไม่ใช่คู่กรณี แต่เห็นคนทะเลาะกัน เลยเข้าไปห้าม แต่ “เป๊ก” ปรี่เข้าหา จึงชักมีดพกขึ้นมาป้องกันตัว อยากขอโทษ เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นช่วง 01.30 น. พนักงานสอบสวน สน.หัวหมาก รับแจ้งเหตุมีคนถูกมีดฟันบาดเจ็บในปั๊มน้ำมันซอยรามคำแหง 76 เขตบางกะปิ เมื่อเข้าไปตรวจสอบพร้อมกับสายตรวจและอาสากู้ภัย พบคนเจ็บคือ เป๊ก-ผลิตโชค อายนบุตร อายุ 40 ปี ดารานักร้องชื่อดัง ถูกมีดฟันใต้คางเป็นแผลฉกรรจ์ ทำให้ต้องเร่งปฐมพยาบาลเบื้องต้น ก่อนพาตัวส่งโรงพยาบาล ขณะที่ผู้ก่อเหตุคือ นายชุติเทพ อายุ 21 ปี ไม่ได้หนีไปไหน ยืนรอมอบตัวกับตำรวจ พร้อมอาวุธมีดยาว 20 เซนติเมตร ที่ใช้ฟันเป๊ก ผลิตโชค ตำรวจจึงคุมตัวไปสอบปากคำที่โรงพัก เบื้องต้นนายชุติเทพ ให้การอ้างขับรถไปรับแฟนออกจากที่ทำงานเพื่อกลับบ้าน แต่ขณะแวะปั๊มน้ำมันจุดเกิดเหตุ เห็นมีคนกำลังทะเลาะกัน คล้ายมีอาการมึนเมา อยู่ท้ายรถกระบะ ตนเองจึงเข้าไปช่วยเคลียร์ […]

ทบ.แจงไม่มีคำสั่งอพยพชาวสุรินทร์ ปัดข่าวลือเตรียมโจมตีกัมพูชา

กองทัพบก 3 ส.ค. – โฆษกกองทัพบก แจงไม่มีคำสั่งอพยพชาวสุรินทร์ ปัดข่าวลือเตรียมโจมตีกัมพูชา กองทัพบก ออกมาปฏิเสธข่าวลือที่แพร่สะพัดบนโซเชียลมีเดีย หลังมีการอ้างว่า “สมเด็จฮุนเซน” อดีตนายกรัฐมนตรีกัมพูชา แชร์โพสต์ของโฆษกกระทรวงกลาโหมกัมพูชา ระบุว่า กองทัพบกไทยสั่งอพยพชาวจังหวัดสุรินทร์ภายในคืนนี้ เพื่อเตรียมเปิดฉากโจมตีกัมพูชา ก่อนการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (GBC) พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก ยืนยันว่า ข่าวดังกล่าวไม่เป็นความจริง ปัจจุบันในพื้นที่ไม่ได้มีการสั่งอพยพด่วนชาวสุรินทร์อย่างที่ระบุไว้ตามที่เป็นข่าวแต่อย่างใด ที่ผ่านมา การนำเสนอข้อมูลของโฆษกกระทรวงกลาโหมกัมพูชา ไม่มีความน่าเชื่อถือเพียงพอ ขอให้ประชาชนติดตามข้อมูลข่าวสารจากแหล่งข่าวทางการ และไม่หลงเชื่อหรือแชร์ข้อมูลเท็จที่อาจสร้างความตื่นตระหนกในสังคม ทั้งนี้ กองทัพบกยังคงเคารพข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัด แต่ก็ได้เตรียมพร้อมรับมือกับสถานการณ์ไม่คาดคิดจากการกระทำของฝ่ายกัมพูชาที่มีแนวโน้มละเมิดข้อตกลงหยุดยิงบ่อยครั้ง รวมถึงพบว่ามีการเพิ่มเติมกำลังพลและยุทโธปกรณ์เข้ามาในพื้นที่. – สำนักข่าวไทย