ชุมพร 7 ม.ค.-ฝนที่ตกหนักสะสมมาต่อเนื่องในช่วง 2-3วันที่ผ่านมา ส่งผลให้น้ำไหลทะลักเข้าท่วมใน 4 อำเภอ ของจังหวัดชุมพร และยังทำให้คอสะพานข้ามแม่น้ำหลังสวนถูกน้ำกัดเซาะตัดขาดแล้วจำนวน 2 แห่ง ขณะที่บางจุดวันนี้น้ำเริ่มลด ชาวบ้านเริ่มเข้าเก็บกวาดบ้านเรือน ซึ่งทรัพย์สินส่วนใหญที่อยู่บริเวณชั้น 1 ของบ้านพังเสียหายแทบทั้งหมด
ภาพเหตุการณ์ขณะที่เจ้าหน้าที่ทหารจากมณฑลทหารบกที่ 44 จังหวัดชุมพร พยายามช่วยกันใช้เชือกลากรถเก๋งของชาวบ้านรายหนึ่งในตำบลวังตะกอ ให้พ้นจากการตกลงไปในแม่น้ำหลังสวน หลังจากที่รถคันดังกล่าวถูกร้านค้าพังถล่มลงมาทับใกล้กับบริเวณคอสะพานบ้านด่าน ที่ถูกน้ำกัดเซาะจนพังถล่ม และตัดขาดจากตัวสะพาน โดยเจ้าหน้าที่ใช้เวลาร่วม 20 นาที จึงสามารถลากรถดังกล่าวกลับขึ้นฝั่งได้อย่างปลอดภัย แต่รถยนต์ได้รับความเสียหายค่อนข้างหนัก จากการสอบถามทราบว่าเจ้าของรถคันดังกล่าวไม่ได้อยู่ในที่เกิดเหตุ เพื่อนบ้านช่วยกันแจ้งเจ้าหน้าที่ให้เข้ามาช่วยเหลือ
ขณะที่เมื่อสักครู่ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ทหารยังได้เข้าให้การช่วยเหลือ นางปราณี พละสกุล คุณยายวัย 76 ปี ซึ่งบ้านถูกน้ำเข้าท่วมหนัก และความแรงของน้ำยังกัดเซาะตลิ่ง ทำให้หวั่นว่าบ้านที่ปลูกอยู่ติดริมตลิ่งแม่น้ำหลังสวนจะพังทรุดตัสลงมา เจ้าหน้าที่ทหารได้ขอให้คุณยายอพยพออกจากบ้านก่อนเป็นการชั่วคราว เพื่อความปลอดภัย
ส่วนที่บริเวณถนนลูกเสือ ชุมชนย่านเมืองเก่าของอำเภอหลังสวน ซึ่งมีบ้านเรือนรวมราว 3,000 หลัง วานนี้ระดับน้ำเข้าท่วมสูงกว่า 1 เมตร เมื่อช่วงใกล้เที่ยงท่ผ่านมาน้ำได้ลดระดับลงจนใกล้เข้าสู่ภาวะปกติ ชาวบ้านจึงเริ่มความสะอาดบ้านเรือนกันบ้างแล้ว อย่างไรก็ตามความเสียหายที่เกิดขึ้นครั้งนี้ชาวบ้านบอกว่ารุนแรงมากสุดในรอบ 20 ปี นับจากปี 2540 เนื่องจากน้ำไหลเข้าท่วมอย่างรวดเร็ว กับระดับน้ำที่สูงกว่า 1 เมตร จึงทำให่ทรัพย์สินภายในบ้าน อาทิ เครื่องใช้ไฟฟ้า ทีวี ตู้เย็น ถูกน้ำท่วมพังเสียหายทั้งหมด
สำหรับความเสียหายจากเหตุน้ำท่วมในครั้งนี้ จังหวัดชุมพรประเมินเบื้องต้นว่า มีชาวบ้านได้รับผลกระทบใน 4 อำเภอ คืออำเภอหลังสวน อำเภอละแม อำเภอพะโต๊ะ อำเภอสวี รวม 31 ตำบล 281 หมู่บ้าน มีประชาชนเกือบ 40,000 คน ได้รับความเดือดร้อนพื้นที่ทางการเกษตรจมอยู่ใต้น้ำกว่า 6000 ไร่ .-สำนักข่าวไทย