ภูมิภาค 9 ม.ค. – สถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ 8 จังหวัดภาคใต้กลับวิกฤติอีกครั้ง หลังจากหลายพื้นที่เกิดฝนตกลงมาอย่างหนักเมื่อคืนที่ผ่านมา ที่ประจวบคีรีขันธ์ฝนตกหนักต่อเนื่องมา ทำให้น้ำป่าไหลหลากเข้าท่วมถนนเพชรเกษม เส้นทางสัญจรลงใต้เป็นอัมพาต
สถานการณ์ที่ จ.ประจวบคีรีขันธ์ หลังจากเกิดฝนตกหนักต่อเนื่องหลายวัน ทำให้น้ำป่าจากเทือกเขาตะนาวศรีล้นอ่างเก็บน้ำตะแบกโพรงและเขื่อนจะกะ เข้าท่วมพื้นที่การเกษตรและบ้านเรือนประชาชน อ.บางสะพาน และทับสะแก โดยเฉพาะถนนเพชรเกษม ช่วง ต.อ่างทอง อ.ทับสะแก กิโลเมตรที่ 358-360 ถูกน้ำท่วมสูง 50-80 เซนติเมตร รถเล็กทั้งรถเก๋งและกระบะไม่สามารถเดินทางต่อไปได้ ต้องจอดยาวกว่า 10 กิโลเมตร
ขณะที่สี่แยกบ้านกรูด ต.ชัยเกษม อ.บางสะพาน ช่วงหลักกิโลเมตรที่ 369-370 ขาขึ้น มีน้ำท่วมขัง 30-50 เซนติเมตร นอกจากนี้ยังมีถนนสายรองหลายสายถูกน้ำท่วมขัง เจ้าหน้าที่ต้องเร่งเสริมคันกั้นน้ำริมถนนเพื่อชะลอการไหลของน้ำ ขณะที่พื้นที่รอบโรงพยาบาลบางสะพาน ต้องเร่งนำกระสอบทรายเสริมคันกั้นน้ำ พร้อมกับขนย้ายคนไข้และเครื่องมือแพทย์ไปไว้ในที่ปลอดภัย ล่าสุดมีรายงานว่าน้ำจากเทือกเขาตะนาวศรีไหลลงอ่างเก็บน้ำคลองลอยฯ ทำให้ระดับน้ำเต็มและใกล้ล้นสปิลเวย์แล้ว
นอกจากนี้มีรายงานว่า ร.ต.ท.ดุสิต สนธนาการ อายุ 47 ปี รองสารวัตรปราบปรามฯ สภ.ห้วยยาง ที่เข้าอำนวยความสะดวกการจราจรบนบนถนนเพชรเกษม ถูกน้ำซัดเข้าไปในท่อระบายน้ำลอดถนน และจมหายไป เจ้าหน้าที่เร่งค้นหาและส่งปฐมพยาบาลทับสะแก แต่พบว่าเสียชีวิตแล้วาวที่
ที่ชุมพร พระลูกวัดถ้ำรับร่อ อ.ท่าแซะ ต้องขอกำลังหน่วยกู้ภัยช่วยเคลื่อนย้ายโลงศพและสิ่งของต่างๆ ออกจากวัด หลังน้ำป่าจากเทือกเขาตะนาวศรีไหลลงคลองชุมพรและคลองรับร่อ ทำให้ 8 ตำบล อ.ท่าแซะ และ 7 ตำบล อ.เมือง ถูกน้ำท่วมสูง นอกจากนี้ถนนสายเอเชีย 41 ตั้งแต่สี่แยกปฐมพรถึงสถานีขนส่ง ระยะทางกว่า 300 เมตร มีน้ำท่วมไหลทางและสัญจรได้เลนเดียว เจ้าหน้าที่ต้องเร่งอำนวยความสะดวกอย่างเต็มที่
ขณะที่ จ.ระนอง กำลังทหารเร่งเข้าช่วยเหลือประชาชนใน อ.เมือง ที่ถูกน้ำท่วมหลายจุด โดยพบว่ามีน้ำเอ่อล้นจากท่อระบายน้ำขึ้นมาพื้นผิวถนน นอกจากนี้ อ.กะเปอร์ ยังเป็นอีกจุดที่มีน้ำเอ่อล้นตลิ่งเข้าท่วมพื้นที่การเกษตรและสวนยางพารา แต่เบื้องต้นสถานการณ์หลายจุดกลับเข้าสู่ภาวะปกติแล้ว
ที่สุราษฎร์ธานี หลังจากเกิดน้ำป่าไหลหลากและแม่น้ำตาปีล้นตลิ่ง ทำให้ 9 อำเภอได้รับผลกระทบ ประชาชนกว่า 7,000 ครัวเรือนเดือดร้อนหนัก เจ้าหน้าที่แขวงการทางสุราษฎร์ธานีระดมซ่อมแซมสะพานน้ำหักบริเวณหลักกิโลเมตรที่ 77-78 อ.เวียงสระ ที่ถูกน้ำป่าซัดได้รับความเสียหาย ขณะที่ปริมาณน้ำในแม่น้ำตาปีขยับเพิ่มชั่วโมงละ 3 เซนติเมตร โดยมวลน้ำจากอำเภอต่างๆ จะไหลมารวมกันในพื้นที่ อ.พุนพิน ก่อนไหลลงสู่ทะเล
ส่วนที่ จ.กระบี่ เจ้าหน้าที่เร่งช่วยเหลือประชาชน อ.เขาพนม จ.กระบี่ หลังจากเมื่อคืนที่ผ่านมามีน้ำป่าหลากเข้าท่วมหลายพื้นที่ หลังน้ำลดชาวบ้านต่างออกมาเก็บกวาดดินโคลนที่อยู่ในบ้าน และสำรวจทรัพย์สินที่เสียหาย ด้านเจ้าหน้าที่ทหารระดมกำลังออกแจกจ่ายถุงยังชีพให้กับประชาชนหลายพื้นที่ เบื้องต้นทั้งจังหวัดมีพื้นที่ประสบอุทกภัย 5 อำเภอ เดือดร้อนกว่า 200 ครัวเรือน
ประชาชนกว่า 250 ครัวเรือนที่บ้านชายคลอง ต.พนางตุง อ.ควนขนุน จ.พัทลุง ซึ่งอยู่ติดทะเลสาบสงขลาและคลองขนาดใหญ่ยังเดือดร้อน หลังมีปริมาณน้ำเอ่อล้นจากลำคลองและเข้าท่วมบ้านสูงกวา 1 เมตร ชาวบ้านต้องใช้เรือเข้า-ออกหมู่บ้าน นอกจากนี้ยังมีอีก 15 หมู่บ้านที่ติดกับทะเลสาบสงขลาใน 4 อำเภอ เดือดร้อนเช่นเดียวกัน แต่ภาพรวมสถานการณ์เริ่มคลี่คลาย เบื้องต้นเดือดร้อนรวม 55,000 ครัวเรือน พื้นที่การเกษตรเสียหาย 230,000 ไร่
ส่วนที่ จ.ตรัง ยังมีพื้นที่ถูกน้ำท่วม 6 อำเภอ รวมถึง อ.เมืองตรัง โดยที่บ้านต้นปริง เขตเทศบาลนครตรัง มีน้ำท่วมบ้านเรือนและรางรถไฟเป็นวันที่ 3 แล้ว ระดับน้ำสูง 10-70 เซนติเมตร ขณะที่ชาวบ้านบางส่วนได้รับผลกระทบป่วยเป็นโรคน้ำกัดเท้า นอกจากนี้ ต.นาตาล่วง ยังมีน้ำท่วมสูง 3-5 เมตร 2 หมู่บ้านถูกน้ำท่วมรวม 65 หลังคาเรือน
ขณะที่สถานการณ์น้ำท่วม จ.สงขลา ยังไม่คลี่คลาย มีพื้นที่ถูกน้ำท่วมทั้งลุ่มน้ำทะเลสาบสงขลาและพื้นที่ลุ่มน้ำคลองอู่ตะเภา น้ำท่วมขยายวงกว้างเป็น 5 อำเภอ ทั้ง อ.ระโนด กระแสสินธุ์ สทิงพระ สิงหนคร และ อ.ควนเนียง เนื่องจากมีมวลน้ำไหลมาจากนครศรีธรรมราชและพัทลุง นอกจากนี้ยังมีโรงเรียนได้รับผลกระทบ ต้องประกาศหยุดเรียนตั้งแต่วันนี้ถึงวันพรุ่งนี้ รวม 175 โรง ด้านสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดสงขลา รายงานมีผู้เสียชีวิตจากการจมน้ำแล้ว 2 คน
ส่วนที่ จ.นราธิวาส สถานการณ์ภาพรวมกลับเข้าสู่ภาวะปกติแล้ว นายกองเอกวิลาศ รุจิวัฒนพงศ์ ประธานฝ่ายบริหารฯ มูลนิธิราชประชานุเคราะห์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ นำถุงยังชีพพระราชทาน 1,000 ชุด แจกจ่ายให้กับประชาชน อ.สุไหงปาดี ที่ประสบภัยน้ำท่วม สร้างความปลาบปลื้มใจเป็นอย่างมาก
เช่นเดียวกับที่ จ.ยะลา พบว่า 6 อำเภอที่ประสบภัยน้ำท่วมมานานกว่า 1 สัปดาห์ ขณะนี้กลับเข้าสู่ภาวะปกติเกือบทั้งหมดแล้ว เกษตรกรเข้าตรวจสอบพื้นที่ทางการเกษตร เบื้องต้นพบว่ามีหลายแห่งถูกกระแสน้ำเชี่ยวพัดทำลาย เกษตรกรบางรายยืนมองต้นไม้ยืนต้นตายทั้งน้ำตา เสียหายหลายพันไร่. – สำนักข่าวไทย
