กทม. 18 ม.ค.-หลังเกิดอุบัติเหตุร้ายแรงกับรถตู้โดยสารหลายครั้ง ทำให้มีผู้เสียชีวิตเป็นจำนวนมาก รัฐจึงออกนโยบายให้รถตู้โดยสารระหว่างจังหวัดกว่า 5,300 คัน ติดจีพีเอสให้แล้วเสร็จภายในสิ้นเดือนมีนาคมนี้ เพื่อควบคุมพฤติกรรมการขับและลดอุบัติเหตุสยองให้ทันก่อนเทศกาลสงกรานต์
ข้อมูลการเฝ้าระวังอุบัติเหตุรถโดยสารสาธารณะปี 59 ชี้ชัดรถตู้โดยสารเกิดเหตุมากสุด 215 ครั้ง หรือเฉลี่ย 15.9 ครั้งต่อเดือน บาดเจ็บกว่าพันคน เสียชีวิต 103 คน หรือเฉลี่ย 9.4 คนต่อเดือน และยิ่งตอกย้ำความสูญเสียมากขึ้นไปอีกจากอุบัติเหตุรถตู้ครั้งล่าสุดที่ จ.ชลบุรี มีผู้เสียชีวิตถึง 25 ศพ หนึ่งในมาตรการเร่งด่วนสร้างความปลอดภัยคือให้รถตู้โดยสารระหว่างจังหวัดทุกคันติดจีพีเอสให้แล้วเสร็จภายในเดือนมีนาคมนี้
ทันทีที่สตาร์ทเครื่องยนต์ ระบบจีพีเอสจะเริ่มทำงานส่งสัญญาณเตือนให้คนขับรูดบัตรใบอนุญาตขับขี่แสดงตัวตน ข้อมูลการใช้รถทั้งหมดจะถูกบันทึกไว้ใน “กล่องจีพีเอส แทรกกิ้ง” เมื่อรถตู้โดยสารติดตั้งระบบนี้แล้วจะต้องเข้ารับการตรวจสอบการเชื่อมต่อจีพีเอสจากกรมการขนส่งไปพร้อมๆ กับการตรวจสภาพรถ
จากนั้นศูนย์จีพีเอสของกรมการขนส่ง ซึ่งมีอยู่ทุกจังหวัด ก็สามารถติดตามพฤติกรรมการขับรถตู้โดยสารได้ตลอดเส้นทาง ตั้งแต่การแสดงตัวตนของคนขับรถ ความถูกต้องของใบอนุญาตขับรถประเภทที่ใช้ มีการใช้ความเร็วเกิน 90 กิโลเมตรต่อชั่วโมง หรือขับรถต่อเนื่องเกินเวลาที่กฎหมายกำหนดหรือไม่ หากพบกระทำผิด มีโทษตั้งแต่ตักเตือนจนถึงพักใบอนุญาตขับขี่ รองอธิบดีกรมการขนส่งเชื่อมั่นระบบนี้นอกจากช่วยเพิ่มความปลอดภัยให้ผู้โดยสารแล้ว ยังเป็นประโยชน์ต่อผู้ประกอบการด้วย
รถตู้โดยสารระหว่างจังหวัดที่จดทะเบียนกับกรมการขนส่งมีทั้งหมดกว่า 5,300 คัน ในจำนวนนี้ติดตั้งจีพีเอสแล้วเกือบพันคัน ปัจจุบันจีพีเอสมีหลายรูปแบบ มีผู้ให้บริการติดตั้งกว่าร้อยราย แต่ได้รับการรับรองจากกรมการขนส่งเพียง 75 ราย ราคาค่าติดตั้งมีตั้งแต่ 8,000-10,000 บาท แม้รัฐจะคุมเข้มให้รถตู้โดยสารติดจีพีเอสให้แล้วเสร็จภายในสิ้นเดือนมีนาคมนี้ แต่นักวิชาการยานยนต์และระบบขนส่งมองว่าระบบจีพีเอสจะเกิดประโยชน์ก็ต่อเมื่อมีการบริหารจัดการข้อมูลที่เหมาะสม
นอกจากรถตู้โดยสารระหว่างจังหวัดที่จะต้องติดตั้งระบบจีพีเอสให้แล้วเสร็จภายใน 3 เดือนนี้แล้ว รถโดยสารประเภทอื่นๆ ก็ต้องติดจีพีเอสให้เสร็จสิ้นภายในรอบภาษีปี 60 เช่นกัน โดยขณะนี้มีรถทุกประเภทที่ติดจีพีเอสและกรมการขนส่งสามารถติดตามพฤติกรรมการขับได้แล้วกว่า 130,000 คัน.-สำนักข่าวไทย