ทำเนียบฯ 1 ก.พ.-นายกฯ สั่งเร่งทำงานปฎิรูป สร้างการรับรู้ประชาชน ยัน ปยป.คิดนานแล้ว ไม่ใช่ตั้งหวังทอดเวลาทำงาน แต่จะทำหน้าที่ตามเวลาที่มีเท่านั้น ที่ประชุมขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ จัดลำดับความสำคัญวาระการปฏิรูปเร่งด่วน 27 วาระ และเตรียมตั้งคณะอนุกรรมการเตรียมการปฏิรูปประเทศ
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) แถลงผลการประชุม เชิงปฏิบัติการ เพื่อการขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ ที่มี รัฐมนตรี สนช. สปท. กรธ.หัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมประชุม ว่าการประชุม วันนี้ เป็นการประชุมแม่น้ำ 5สายที่ครบถ้วนสมบูรณ์ เพื่อปรับความเข้าใจกันในเรื่องที่ต้องดำเนินการในการบริหารราชการแผ่นดิน ในช่วงที่ผ่านมา และในอนาคต รวมทั้งการปฏิรูปประเทศ ตามยุทธศาสตร์ชาติ โดยมีเป้าหมายเดียวกัน รวมทั้งหารือเรื่องกฎหมายที่เอื้อต่อการปฏิบัติ ซึ่งบางเรื่องสามารถทำได้ทันที และทำไปแล้ว บางเรื่องยังทำไม่ครบ
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การประชุมครั้งนี้ จึงเป็นการรับทราบพื้นฐานของการปฏิบัติงานที่มีการประสานกันอยู่แล้ว แต่มาทำความเข้าใจกันอีกครั้ง ไม่เช่นนั้นจะสร้างการรับรู้ให้ประชาชนเข้าใจไม่ได้ ทั้งนี้การมี คณะกรรมการบริหารราชการแผ่นดิน ตามกรอบการปฏิรูปประเทศ ยุทธศาสตร์ชาติ และการสร้างความสามัคคีปรองดอง (ป.ย.ป.) ก็เพื่อให้การทำงานเร่งด่วน รวดเร็วขึ้น เรื่องใดที่ติดขัด ก็จะหยิบกิจกรรมเหล่านั้นมาใส่ในกลุ่มที่ 1 คือการบริหารงานเชิงยุทธศาสตร์ ทั้งหมดที่ดำเนินการ ขณะนี้ คือการสานต่อสิ่งที่ทำมา 2 ปีครึ่ง กับสิ่งที่จะทำอีก 1 ปี และที่จะส่งต่อให้รัฐบาลต่อไป
“เป็นสิ่งที่รัฐบาลพยายามคิด พยายามทำ ไม่ใช่ดำเนินการเพื่อทอดเวลา ส่วน ร่างรัฐธรรมนูญ ก็ดำเนินการตามกรอบเวลา รวมทั้งกฎหมายลูก 10 ฉบับ แต่หากทำไม่ได้ ประชาชนก็ต้องช่วยกันตัดสินว่าจะทำอย่าง เพราะไม่สามารถไปสั่งอะไรได้ เนื่องจากจะกลายเป็นว่ารัฐบาลอยากจะอยู่ต่อนานๆ ซึ่งไม่ได้เป็นเช่นนั้น แต่ขอทำหน้าที่ให้จบในเวลาที่มีอยู่ ผมมั่นใจว่าข้าราชการเข้าใจในหลักการที่รัฐบาลทำ”นายกรัฐมนตรี กล่าว
ด้าน ร.อ.ทินพันธุ์ นาคะตะ ประธาน สปท. กล่าวว่าสปท.มีการกำหนดวาระเร่งด่วน 21 วาระ ซึ่งจะจัดลำดับความสำคัญเรื่องที่จะทำก่อนหลังแบ่งตามกรรมาธิการทั้ง 12 ด้านของสปท. ซึ่งประเด็นที่เป็นเรื่องยุทธศาสตร์ และของนายกรัฐมนตรีที่ถือเป็นวาระเพิ่มเติมต่อจากนี้จะต้องรับเรื่องและประสานการทำงานกับป.ย.ป.
นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธาน สนช. กล่าวว่า สนช.จะเร่งทำกฎหมายที่รัฐธรรมนูญกำหนดหรือพรบ.ประกอบรัฐธรรมนูญจำนวน 10 ฉบับให้แล้วเสร็จตามกรอบเวลา แบ่งเป็นกฎหมายที่เกี่ยวกับการเลือกตั้ง 4 ฉบับ ที่ต้องทำให้เสร็จใน 8 เดือน และพ.ร.บ.ยุทธศาสตร์ชาติและพ.ร.บ.ปฎิรูปประเทศที่ต้องทำให้เสร็จใน 4 เดือนหลังรัฐธรรมนูญประกาศใช้ นอกจากนี้ยังมีกฎหมายที่มาจากรัฐบาลเหลืออยู่ที่สนช.กว่า 30 ฉบับ ส่วนกฎหมายที่มาจากข้อเสนอผลการศึกษาของสปท.เป็นเรื่องที่ป.ย.ป.จะต้องจัดลำดับส่งเรื่องมาให้ อย่างกฎหมายควบคุมสื่อเป็นเพียงการศึกษาของสปท.เท่านั้น ยังไม่ได้มีการออกเป็นกฎหมายแต่อย่างใด อย่างไรก็ตาม สนช.จะปรับการทำงานเปลี่ยนกลยุทธ์เป็นเชิงรุก เข้าสนับสนุนการทำงานทันทีที่รู้ล่วงหน้าต่างจากเดิมที่รอแต่รับกฎหมายที่ทำเสร็จแล้วเท่านั้น
นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะเลขานุการ คณะกรรมการบริหารราชการแผ่นดินตามกรอบการปฏิรูปประเทศยุทธศาสตร์ชาติและการสร้างความสามัคคีปรองดอง (ป.ย.ป.) สรุปผลการประชุมเชิงปฏิบัติการ เพื่อขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ ที่มีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นประธานการประชุม ว่า ที่ประชุมได้ข้อสรุปในการจัดลำดับความสำคัญวาระการปฏิรูปเร่งด่วน 27 วาระ แบ่งเป็น 4 กลุ่ม ประกอบด้วย การปฏิรูปกลไกภาครัฐ การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ การปฏิรูปเครื่องมือพื้นฐานเศรษฐกิจในอนาคต และการปฏิรูปโครงสร้างพื้นฐานที่ครอบคลุมในเรื่องของ น้ำ ป่า พลังงาน และสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลง
รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ที่ประชุมมีการเสนอเพิ่มเติมเรื่องการปฏิรูปองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและการบริหารราชการแผ่นดิน ซึ่งที่ประชุมจะได้นำมาพิจารณาอีกครั้ง พร้อมกันนี้เตรียมตั้งคณะอนุกรรมการเตรียมการปฏิรูปประเทศใน 4 ด้าน ประกอบด้วย อนุกรรมการพิมพ์เขียวปฏิรูปประเทศ อนุกรรมการประสานงานกระทรวง เพื่อขับเคลื่อนการทำงาน อนุกรรมการสร้างการรับรู้และการมีส่วนร่วม และอนุกรรมการติดตามประเมินผล
นายสุวิทย์ กล่าวว่า การทำงานทั้งหมด จะต้องทำอย่างรวดเร็ว กระชับ และบูรณาการ ขณะที่สัปดาห์หน้า คาดว่าจะมีการเวิร์คชอบคณะกรรมการเตรียมการยุทธศาสตร์ชาติ และคณะกรรมการเตรีมการส้รางความสามัคคีปรองดอง ตามลำดับ.-สำนักข่าวไทย