รร.แมนดาริน 2 ก.พ. – วงเสวนาจี้ปฏิรูปสลากทั้งระบบ ตั้งคำถามสลากเพิ่มแก้ปัญหาไม่ตรงจุด ปัญหาสลากเกินราคา รวมชุดมาแรงมาก นักวิชาการระบุผู้รับโควตาบางส่วนขายต่อทันทีเป็นต้นเหตุสลากรวมชุด บอร์ดสลากฯ ยอมรับ สำนักงานสลากฯ เตรียมเสนอบอร์ดตัดสิทธิ์เพิ่มอีกพันรายห้ามขายตลอดชีวิต
ในเวทีเสวนา“พิมพ์สลากเพิ่ม หวังแก้ขายเกินราคา ใครได้ใครเสีย?” จัดโดย มูลนิธิรณรงค์หยุดพนัน ศูนย์ศึกษาปัญหาการพนัน นายธนากร คมกฤส ผู้อำนวยการมูลนิธิรณรงค์หยุดพนัน กล่าวว่า ปัจจุบันพ่อค้าคนกลางหวังกำไรจากการรับซื้อสลากจากผู้ค้ารายย่อยที่จองได้หรือได้รับโควตา จากนั้นนำมาขายต่อให้กับผู้ค้ารายย่อยที่ต้องการเร่ขาย หลังจากรวมชุดสลากเลขเหมือนขายราคาแพงกว่าตลาด ซึ่งเป็นปัญหาระบาดหนักในปัจจุบัน พบว่าขายชุดละ 200 บาท หากจัดชุด 10ใบ ราคาประมาณ 1,300-1,500 บาทต่อชุด หากชุดใหญ่ 20 ใบ ประมาณ 3,300-3,500 บาท นับว่ารายได้ไปอยู่ในกลุ่มพ่อค้าคนกลางผู้ก่อปัญหาสลากชุดจำนวนมาก
ทั้งนี้ ยอมรับว่าปัญหาสลากแพงยังมีอยู่ แม้จะมีการขายตามราคา 80 บาท แต่มีเพียงสลากขายใบเดี่ยวที่ไม่ถูกนำมารวมชุดและมักจะเป็นสลากที่เลขไม่สวยหรือไม่ใช่สลากเลขเด็ดที่ตลาดกำลังต้องการ ส่วนสลากเลขสวยหรือเลขเด็ดจะถูกนำมารวมชุดและขายราคาแพง จึงมองว่าการเพิ่มปริมาณสลากเข้าสู่ระบบจนมีเพดานการพิมพ์สลากสูงถึง 68 ล้านคู่ต่องวด รองรับความต้องการของประชาชนและแก้ปัญหาสลากแพงนั้น ดูเหมือนว่าสาละวนกับการแก้ปัญหาสลากแพง วิ่งไล่ตามปัญหาไม่รู้จบ โดยไม่สามารถห้ามการรวมชุด การห้ามเร่ขาย
นางนวลน้อย ตรีรัตน์ ผู้อำนวยการศูนย์ศึกษาปัญหาการพนัน จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า ช่วงแรกดูเหมือนสำนักงานสลากฯ จะการแก้ปัญหาจริงจัง ทำให้ทั้งคนกลาง คนขายรายย่อยไม่กล้าเสี่ยง แต่ช่วงหลังเริ่มมีการจัดหวยชุด 5 ใบ มีเต็มทุกแผง มองว่าเริ่มมีมากขึ้นในการเดินเร่ขายแบบรวมชุดตามร้านอาหารหรือแหล่งที่มีคนจำนวนมาก จึงอยากถามว่ามูลนิธิ องค์กร และรายย่อยที่ได้รับโควตานำสลากฯ ไปขายจริงหรือไม่ เพราะจากการตรวจสอบพบว่ากลุ่มดังกล่าวจำนวนมากไม่ได้ขายเอง เมื่อได้สลากมาแล้วจะขายต่อทันที จึงเกิดปัญหาการรวมชุดในปัจจุบัน ย้ำว่าสลากกินแบ่งรัฐบาลมีราคากำกับไว้ต้องขาย 80 บาท จะปล่อยให้ขายเกินราคาไม่ได้
ยอมรับว่าผู้ค้ารายย่อยตัวจริงประสบปัญหาขาดทุนเพราะมีคู่แข่ง ดังนั้น ตลาดจำนวนมากเมื่อมีผู้แทรกแซงจากผู้ค้าคนกลางจะทำให้น้ำเสียไล่น้ำดีออกไปจากระบบ เพราะมีทุนสำรองอุดหนุนให้เครือข่ายออกไปขาย แม้ว่าสลากฯ จองจะมีระบบที่ดี แต่หากมีคนกลางเข้ามาแทรกแซงจะทำให้รายย่อยใช้ทุนตัวเองอยู่ได้ลำบากจนต้องเข้าไปเป็นเครือข่ายของนายทุน และแม้ว่าจะออกผลิตภัณฑ์ใหม่เพิ่มอาจไม่ทดแทนการซื้อแบบเดิมได้ทั้งหมด เพราะการสำรวจมีคนซื้อสลากฯและหวยใต้ดินร้อยละ 30 และการซื้อสลากฯ อย่างเดียวร้อยละ 70 การออกผลิตภัณฑ์ใหม่จึงทดแทนปัญหาแบบเดิมไม่ได้ทั้งหมด
พ.ท.หนุน ศันสนาคม กรรมการสลากกินแบ่งรัฐบาล กล่าวว่า สำนักงานสลากฯ เปิดให้ประชาชนลงทะเบียนจอง-ซื้อสลากฯ 170,00 ราย แต่มีผู้จองทุกงวดเพื่อทำอาชีพจริงเพียง 80,000-90,000 รายต่องวด สำนักงานสลากฯ ได้จัดพิมพ์สลากฯ 71 ล้านฉบับคู่ต่องวด แบ่งเป็นการจองและซื้อผ่านธนาคารกรุงไทย 40 ล้านฉบับคู่ และจัดสรรโควตาให้กับองค์กรมูลนิธิ 31 ล้านฉบับคู่ ปัจจุบันมีเพียงสมาคมผู้ด้อยโอกาสเท่านั้น ยอมรับว่าสลากท้ังหมด 71 ล้านฉบับคู่ต่องวด สัดส่วนแบ่งให้องค์กร มูลนิธิ สมาคม เพียงร้อยละ 15 ส่วนที่เหลือร้อยละ 85 จัดสรรให้รายย่อย และปัจจุบันพฤติกรรมรายย่อยเปลี่ยนไปมาก เพื่อหารายได้ให้เพียงพอ เมื่อได้สลากฯ มาแล้วมีรายย่อยจำนวนมากขายต่อทันทีให้กับพ่อค้าคนกลางราคา 75-79 บาทต่อฉบับคู่ เพื่อเอากำไรช่วงแรก ส่วนคนกลางนำไปรวมชุด จากนั้นรายย่อยจะมาเดินหาซื้อต่อเพื่อหากำไรอีกรอบในการขายสลากรวมชุด
พ.ท.หนุน กล่าวว่า การประชุมคณะกรรมการสลากฯ ครั้งที่ผ่านมาตัดสิทธิ์รายย่อยผู้กระทำผิดเงื่อนไขได้รับสลากไม่ขายด้วยตนเองแต่นำไปขายต่อ 739 ราย เพราะกระทำผิดซื้อ และในการประชุมครั้งต่อไปเตรียมเสนอบอร์ดตัดสิทธิ์การรับสลากทั้งการจองและโควต้าอีกนับพันราย ขณะที่องค์กร มูลนิธิ สมาคม ทำหนังสือตักเตือน เนื่องจากจัดสรรให้กับสมาชิกเพียงผิดเงื่อนไขมีความผิดต้องตักเตือน 156 ราย ยอมรับว่ายังมีปัญหาการรวมชุด เพราะกฎหมายเอาผิดไม่ถึงการห้ามรวมชุด สำหรับการเพิ่มปริมาณสลากในระบบเป็นเพียงการกำหนดเพดานการพิมพ์ไว้ แต่ไม่ได้พิมพ์ทั้งหมด เช่น วันพรุ่งนี้เปิดให้รายย่อยจองซื้อผ่านธนาคารกรุงไทย หากจองไม่ถึงสัดส่วนที่กำหนดเพดานพิมพ์เพิ่มไว้ 10 ล้านฉบับคู่ สำนักงานสลากฯ จะพิมพ์ไม่ถึง 71 ล้านฉบับคู่ต่องวด .-สำนักข่าวไทย