นครศรีธรรมราช 2 ก.พ.-อุทกภัยน้ำท่วมในภาคใต้สร้างความเสียหายให้พื้นที่ทางการเกษตร โดยเฉพาะสวนปาล์มน้ำมันหลายหมื่นไร่ แต่ผู้ประสบภัยรายหนึ่งในจังหวัดนครศรีธรรมราชกลับไม่ท้อ และปลูกปาล์มน้ำมันใหม่อีกครั้ง
ยศกร อาจหาญ ชาวบ้านหมู่ที่ 7 ต.กรุงชิง อ.นบพิตำ จ.นครศรีธรรมราช พยายามใช้รถแบ็กโฮไถปรับสภาพพื้นดินที่เต็มไปด้วยซากของต้นไม้ขนาดใหญ่ที่ถูกน้ำป่าพัดถล่มลงมาจากภูเขาล้มกระจัดกระจายเต็มพื้นที่ เพื่อเริ่มปลูกต้นปาล์มน้ำมันใหม่อีกครั้ง หลังต้นปาล์มที่เพิ่งลงทุนปลูกไปก่อนหน้านี้ราว 30 ไร่ ถูกน้ำพัดล้มตายทั้งหมด
น้ำป่าที่ไหลหลากลงมาอย่างแรงจากอุทกภัยในช่วงที่ผ่านมา ไม่เพียงพัดเอาต้นไม้ขนาดใหญ่จำนวนมากจากภูเขา ลงมาทับถมพื้นที่ของชาวบ้านจนมีสภาพอย่างที่เห็น ความแรงของน้ำยังพัดพาเอาดินทรายจากห้วยคลองต่างๆ เข้ามาทับถมพื้นที่ทางการเกษตรของชาวบ้าน สูงขึ้นจากสภาพเดิมมากกว่า 1 เมตร
ผู้ประสบภัยบอกว่า ดินทรายจำนวนมากที่ถูกน้ำพัดมาทับถมพื้นที่สวนปาล์มน้ำมันแทนที่พื้นดินร่วนที่เคยอุดมสมบูรณ์ บางจุดสูงจากเดิมกว่า 1 เมตร ถือว่าเป็นปัญหาสำคัญที่อาจทำให้ปาล์มน้ำมันที่เพิ่งลงทุนซื้อมาปลูกรอบใหม่นี้ไม่ได้ผลเหมือนที่ผ่านๆ มา
เช่นเดียวกับ ฉัตรดี บริพัตร ที่เริ่มกลับเข้าพื้นที่ ไปเก็บเกี่ยวผลปาล์มน้ำมันที่พอเหลือรอดจากน้ำท่วม เล่าว่า พื้นที่สวนปาล์มน้ำมันต้นที่มีมีอายุราว 7 ปีขึ้นไปภายในสวน ขณะนี้ถูกทับถมไปด้วยดินทรายสูงนับ 2 เมตร จนเริ่มกังวลว่าจะทำให้ผลผลิตปาล์มน้ำมันที่เหลือลีบเล็ก และล้มตายในที่สุด หากไม่เร่งปรับสภาพพื้นดินให้กลับมาเป็นเช่นเดิม
สำหรับหมู่ที่ 7 ต.กรุงชิง อ.นบพิตำ จุดนี้ มีอาณาเขตติดกันกับ อ.กาญจนดิษฐ์ จ.สุราษฎร์ธานี โดยน้ำป่าที่ไหลหลากอย่างรุนแรงในช่วงที่ผ่านมา ยังส่งผลให้ลำห้วยหน้าเจ้าฟ้า ที่กั้นอาณาเขตของสองจังหวัดนี้ แยกออกจากเดิมเพิ่มเติมเป็นลำห้วยใหม่ในพื้นที่ดินของชาวบ้านถึง 3 สาย ส่งผลให้ที่ดินกลายเป็นลำห้วยที่ไม่สามารถทำกินได้อีกต่อไป.-สำนักข่าวไทย