รัฐสภา 16 พ.ย.- ประธานกรธ.ยืนยันเขียนกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยกกต.ตามร่างรัฐธรรมนูญ ไม่กลั่นแกล้งใคร แต่ไม่ผ่อนปรนให้กกต.ที่ขาดคุณสมบัติมาลงได้อีก เตรียมเพิ่มแรงจูงใจให้คนแจ้งเบาะแสคนทำผิดเลือกตั้ง
นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) กล่าวเปิดการสัมมนาการรับฟังความคิดเห็นร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) และร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา(ส.ว.) ว่า ร่างรัฐธรรมนูญที่ผ่านประชามติได้กำหนดคุณสมบัติของกกต.ไว้โดยละเอียดครบถ้วนสมบูรณ์ การที่กรธ.ยกร่างกฎหมายประกอบมานั้น ไม่ได้ไปปรับแก้อะไร รวมถึงคุณสมบัติต้องห้ามของกกต.ด้วย เพียงแต่อำนวยความสะดวกให้ประชาชนที่อ่านกฎหมายนี้แล้วไม่ต้องกลับไปพลิกดูรัฐธรรมนูญอีก
ประธานกรธ. กล่าวว่า ยืนยันว่าไม่ได้กลั่นแกล้งใคร เพราะไม่มีเหตุผลที่จะทำเช่นนั้น เช่นเดียวกับบุคคลที่อยู่ในองค์กรอิสระอื่น ที่กำหนดคุณสมบัติหรือลักษณะต้องห้ามเอาไว้ หากมีปัญหาความไม่ชัดเจน จะให้คณะกรรมการสรรหาองค์กรเหล่านั้นเป็นผู้ชี้ขาดว่าใครขาดคุณสมบัติหรือไม่ ส่วนที่เกี่ยวกับการผ่อนปรนสำหรับผู้ที่ขาดคุณสมบัตินั้น เมื่อพิจารณาแล้วยังหาช่องทางไม่ออกว่าจะผ่อนปรนได้อย่างไร เพราะหากรัฐธรรมนูญจะผ่อนปรนให้ เช่นกรณีสนช. รัฐธรรมนูญก็กำหนดไว้ให้
“กรธ.มีงานหนัก ไม่มีเวลาฟุ้งซ่าน คิดอย่างเห็นอกเห็นใจ คิดอย่างใจกว้างเพื่อให้ได้ประโยชน์ที่ดีที่สุดแก่ประชาชนอย่างแท้จริง บางเรื่องเกี่ยวกับกกต.เมื่อคิดไว้แล้วก็จะฟังว่าเขาคิดอย่างไร แล้วเราก็เอามาปรับฟัง ดังนั้น ในการรับฟังความคิดเห็นครั้งนี้ ถ้ามีความเห็นผิดแผกไป ก็ขอให้จดแจ้งมาว่าปัญหาอยู่ที่ไหน และหากคิดวิธีแก้ได้ ก็ช่วยบอกมา จะได้ทำให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น” นายมีชัย กล่าว
นายมีชัย กล่าวว่า ในการพิจารณาของกรธ. ได้เพิ่มบทบาทของกกต.ที่จำเป็นต่อการกำกับดูแลการเลือกตั้ง อาจจะไปไกลถึงขั้นจ่ายเงินให้คนชี้เบาะแส เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน คนที่อยู่เป็นเจ้าหน้าที่จังหวัด หากอยู่นานจะคุ้นเคย อาจจะเกรงใจ และไม่กล้า จึงต้องอาศัยประชาชนเป็นผู้ชี้เบาะแส แต่แน่นอนว่าต้องมีอันตรายในตัวหากกลั่นแกล้งกัน จึงได้เขียนไว้ชัดว่าหากกลั่นแกล้งกัน จะมีโทษสูงมากทั้งพรรคและตัวบุคคล และในส่วนของกกต.นอกจากทำงานเป็นคณะแล้ว ยังมีอำนาจในตัวเองเสมือนผู้พิพากษา เมื่อเวลากกต.เดินทางไปต่างจังหวัดแล้วพบเห็นอะไร จะได้สามารถสั่งการได้ทันเวลา
นายมีชัย ชี้แจงถึงเหตุผลการเพิ่มจำนวนกกต.จาก 5 เป็น 7 คน เพื่อต้องการให้มีคนที่มีความเชี่ยวชาญด้านกฎหมายเข้ามา เพื่อเอาจริงเอาจังกับคนที่ทำผิดกฎหมาย และในการพิจารณาสรรหากกต. ได้ระบุไว้ชัดว่าอย่ามองแต่คนที่มาสมัคร แต่ให้ทำตัวเป็นแมวมองหาคนที่เหมาะสมเข้ามาทำงาน และอย่าใช้แต่วิธีการลงมติอย่างเดียว แต่ขอให้ปรึกษาหารือกัน และจะไม่ให้ลงคะแนนหลายรอบเหมือนอดีต จึงกำหนดไว้ชัดห้ามคนที่ไม่ได้รับเลือกครั้งแรกมาคัดเลือกอีก
“องค์กรอิสระทั้ง 5-6 องค์กรรวมทั้งศาล จะเป็นเสาที่ให้ประเทศเดินไปข้างหน้าอย่างสมเหตุสมผล และมุ่งพัฒนาประเทศชาติได้อย่างเต็มที่ ซึ่งอาจดูรุนแรงเข้มงวด แต่ทั้งหมดเขียนไว้จากปัญหาที่เกิดขึ้นในอดีต พบมาในทุกรูปแบบ จึงได้นำมาประมวลใส่ไว้ในรัฐธรรมนูญ” ประธานกรธ. กล่าว
นายสมชัย ศรีสุทธิยากร กรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) กล่าวว่า การพิจารณาร่างพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยคณะกรรมการการเลือกตั้งนั้น หัวใจหลักคือต้องทำให้การเลือกตั้งมีคุณภาพ จึงต้องพิจาณาข้อบกพร่องการทำงานที่ผ่านมา เพื่อนำมาออกแบบใหม่ และพิจารณาบนพื้นฐานผู้ที่มีประสบการณ์ ขณะที่กกต. มีหน้าที่ทำให้การใช้สิทธิของประชาชนอยู่บนพื้นฐานความเข้าใจ และต้องทำให้การเลือกตั้งสุจริตเที่ยงธรรมเป็นธรรมกับทุกพรรคการเมือง แต่ยอมรับเป็นเรื่องยากที่จะทำให้การเลือกตั้งปราศจากการซื้อสิทธิขายเสียง.-สำนักข่าวไทย