กทม.3 ก.พ.- เจ้าหน้าที่เดินหน้าทลายเครือข่ายนายไซซะนะ แก้วพิมพา นักค้ายาเสพติดรายใหญ่ โดนในการประชุมร่วมกันระหว่าง ปส.,ป.ป.ส.และ ป.ป.ง.พรุ่งนี้(6 ก.พ.) จะรู้ชัดจำนวนและมูลค่าทรัพย์สินที่จะอายัด การขอหมายจับเพิ่มและการครอบครองรถหรูแลมโบกินีของเบนซ์ เรซซิ่ง
พล.ต.ต.ชาตรี ไพศาลศิลป์ รองผู้บัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติดหรือ ปส.เปิดเผยความคืบหน้าการดำเนินการกับเครือข่ายนายซะนะ แก้วพิมพา นักค้ายาเสพติดรายใหญ่ว่า แยกเป็น 2 ประเด็น คือเครือข่ายค้ายาเสพติดของนายไซซะนะ ที่เจ้าหน้าที่กำลังสืบสวนเพื่อจับกุมต่อและเรื่องทรัพย์สินของนายไซซะนะ ส่วนใหญ่อยู่ใน สปป.ลาว ซึ่งทางการ สปป.ลาว กำลังดำเนินการ และที่ฝากคนไทยไว้ โดยช่วงเช้าของวันพรุ่งนี้(6 ก.พ.) จะมีการประชุมร่วมกัน 3 ฝ่าย คือ กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติดหรือ ปส. , สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดหรือ ป.ป.ส. และ สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน หรือ ป.ป.ง.ซึ่งจะชัดเจนทั้งจำนวนและมูลค่าของทรัพย์สินที่จะอายัดโดยจะหารือใน 2 ประเด็นคือเครือข่ายนายไซซะนะและนายบอย และประเด็นร้อนกรณีของนายอัครกิตติ์ วิโรจน์เจริญเดช หรือเบนซ์ เรซซิ่ง ที่สื่อให้ความสในและเป็นบุคคลกึ่งสาธารณะ ซึ่งจะต้องทำให้ชัดเจนโดยเร็วที่สุดเพื่อหน่วยงานและตัวของเบนซ์ เรซซิ่ง เอง
พล.ต.ต.ชาตรี ยอมรับว่า ยังมีข้อสงสัยและมีความจำเป็นที่จะต้องเชิญนายอัครกิตติ์ วิโรจน์เจริญเดช หรือเบนซ์ เรซซิ่ง มาให้ปากคำเพิ่มเติม เกี่ยวกับเรื่องของเอกสารที่เจ้าตัวบอกยังหาไม่เจอ แต่หากเบนซ์ พร้อมก่อนเรียก เราก็พร้อมรับข้อมูล กรณีมีข่าวดาราหรือบุคคลสาธารณะเกี่ยวข้อง พล.ต.ต.ชาตรี ชี้แจงว่าเป็นช่วงต้นของการเปิดข้อมูล ซึ่งต้องตรวจสอบว่าเป็นการปรากฏตัวตามคำเชิญเพียงครั้งเดียว หรือเกิดขึ้นซ้ำๆ หากเกิดครั้งเดียวแล้วเชิญมาจะไม่เป็นผลดีกับบุคคลนั้น แต่หากเกิดซ้ำๆต้องเชิญมาให้ปากคำ
พล.ต.ต.ชาตรี กล่าวต่อว่า ในการจับกุมผู้ค้ายาเสพติด เป็นการต่อสู้กันโดยตรงระหว่างเจ้าหน้าที่รัฐกับผู้ร้ายไม่เหมือนคดีอาชญากรรมทั่วไปที่มีผู้ร้องทุกข์ การรวบรวมหลักฐานจึงต้องใช้เวลาและความร่วมมือจากภาคส่วนต่างๆเช่นธนาคาร การออกหมายเรียกใครก็ต้องมั่นใจว่าถ้าไม่มาก็ขอศาลออกหมายจับมาให้ปากคำและนำไปสู่การดำเนินคดียาเสพติดหรือฟอกเงินได้ อย่างไรก็ตามในการประชุมวันพรุ่งนี้(6 ก.พ.)น่าจะชัดเจนทั้งการขอหมายจับเพิ่มและกรณีรถหรูแลมโบกินี.-สำนักข่าวไทย