กทม. 10 มี.ค.-“เบนซ์ เรซซิ่ง” เผยการแยกควบคุมตัวนักโทษ จะต้องมีเอกสารหรือตั้งเรื่องสอบวินัย หากขอไปอยู่คนเดียวไม่สามารถทำได้
นายอริย์ธัช วรโรจน์เจริญเดช หรือ”เบนซ์ เรซซิ่ง” ซึ่งเคยผ่านประสบการณ์ในเรือนจำ ได้ให้สัมภาษณ์หลังการเสียชีวิตของ อดีตผู้กำกับโจ้ ในเรือนจำเกี่ยวกับกรณีการถูกแยกควบคุมในแดน 5 ว่า รายละเอียดเชิงลึกไม่แน่ใจ แต่โดยปกติแล้วการที่จะนำตัวผู้ต้องขังไปแยกขัง หรือขังเดี่ยว จะต้องมีการทำเอกสาร หรือตั้งเรื่องสอบวินัยขึ้นมาจากการกระทำความผิดในเรือนจำ อยู่ดีๆ หากจะไปขออยู่คนเดียวคิดว่าไม่สามารถทำได้ เพราะไม่อย่างนั้นใครที่อยู่อย่างแออัดก็จะสามารถขอได้ทุกคน เพื่อขอไปอยู่คนเดียวจะได้สบาย แต่สุดท้ายแล้วทางเรือนจำควรจะต้องตรวจสอบดูในเรื่องของเอกสารต่างๆ เพราะทุกอย่างไม่สามารถที่จะพูดปากเปล่าได้ ทุกอย่างจะต้องทำบันทึกข้อความเอาไว้ทั้งหมด หากขอไปอยู่จะต้องมีบันทึกข้อความ
“เบนซ์ เรซซิ่ง” กล่าวอีกว่า การนำผู้ต้องขังไปขังซอย อยู่ดีๆ ก็ไม่สามารถกระทำได้เช่นกัน จะต้องทำเรื่องบันทึกและส่งไปตามลำดับชั้นไปถึงผู้อำนวยการ หรือผู้บัญชาการเรือนจำ ว่าผู้ต้องขังรายนั้นได้กระทำความผิดในเรื่องอะไร รอการสอบข้อเท็จจริง ทุกอย่างจะต้องมีเอกสารกำกับไว้ทั้งหมด หากจะบอกปากเปล่าว่าขออยู่คนเดียว แบบนี้ไม่สามารถทำได้
เมื่อถามถึงกรณีผู้ต้องขังที่จะต้องถูกแยกควบคุมหากกระทำความผิด “เบนซ์ เรซซิ่ง” กล่าวว่า โดยปกติแล้วหากตั้งเรื่องสอบวินัยขึ้นมาก็สามารถย้ายไปได้ก่อน ส่วนเรื่องข้อเท็จจริงจะกระทำผิดจริงหรือไม่จริง จะสอบภายหลัง อาจจะเป็นเรื่องของการทะเลาะวิวาท, นำสิ่งของต้องห้ามเข้าไป หรือกระด้างกระเดื่อง สามารถตั้งเรื่องวินัยได้ทั้งหมด และมีความเป็นไปได้ที่จะถูกจับย้ายไป ส่วนกรณีการกระด้างกระเดื่องเป็นเรื่องที่ค่อนข้างกว้างไม่มีอะไรที่มากำกับกรอบในเรื่องนี้ ยกตัวอย่างเช่น หากเดินผ่านผู้คุมไม่ได้ก้มหัวเคารพ เขาก็อาจจะหาว่าเรากระด้างกระเดื่อง ไม่เคารพ ก็จะตั้งเรื่องมาให้เราโดนถูกสอบถูกย้ายแดนก็ได้
เมื่อถามถึงกรณีที่ทางราชทัณฑ์ ออกมาชี้แจงว่า ผู้กำกับโจ้มีประเด็นปัญหาการกระทบกระทั่งกับเจ้าพนักงานเรือนจำ เมื่อวันที่ 8 มกราคม 2568 ได้นำกล้องถ่ายรูปของเรือนจำไปถ่ายภาพโดยไม่ได้รับอนุญาต เจ้าพนักงานเรือนจำ จึงยึดคืน แต่ผู้ต้องขังไม่ส่งคืน มีการพูดจาโต้เถียงกัน โดยไม่มีเหตุการณ์ทำร้ายร่างกาย เรือนจำจึงได้ตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริง กรณีผู้ต้องขังถูกกล่าวหาว่ากระทำผิดวินัย ข้อหาแสดงกิริยาและวาจาไม่เหมาะสมต่อเจ้าพนักงาน ซึ่งเป็นไปตามระเบียบของเรือนจำ เรื่องอยู่ระหว่างดำเนินการสอบข้อเท็จจริง จึงต้องดำเนินการย้ายผู้ต้องขังจากแดน 7 ไปยังแดน 5 เมื่อวันที่ 10 มกราคม 2568 ทาง “เบนซ์ เรซซิ่ง” กล่าวว่า ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงแสดงว่าต้นเรื่องมาจากการที่ผู้กำกับโจ้แอบเอากล้องถ่ายรูปไปถ่าย จะต้องมีการทำบันทึกขึ้นมา จะต้องนำเอกสารส่วนนั้นมาชี้แจงไปเลยว่าได้มีการกระทำผิดจริง เอากล้องถ่ายรูปมาแอบถ่ายแล้วก็ตั้งเรื่องถูกย้าย ซึ่งปกติกล้องถ่ายภาพภายในเรือนจำจะมีสำหรับใช้ในงานราชการไว้ถ่ายรูปหรือบันทึก แต่โดยปกติจะไม่ได้ให้ผู้ต้องขังใช้ หรืออาจจะมีกรณีที่ได้รับอนุญาตจากเจ้าหน้าที่ให้มาช่วยเหลืองาน คอยมาถ่ายงานในบางกรณี
ถามถึงประเด็นหากมีปัญหากับผู้คุม หรือเพื่อนผู้ต้องขังด้วยกัน จะส่งผลให้มีความเครียดจนกดดันหรือไม่ “เบนซ์ เรซซิ่ง” กล่าวว่า แน่นอน เพราะว่า เวลาเรามีปัญหากับผู้คุมหรือเพื่อนผู้ต้องขังด้วยกันเอง สมมติว่าเราไปร้องเรียนหรือเห็นใครทำไม่ดี ก็จะถูกเพ่งเล็งเป็นพิเศษ แล้วอาจจะถูกบีบให้ความเป็นอยู่ยากไปกว่าเดิม
เมื่อถามถึงประเด็นผ้าขนหนูภายในเรือนจำ “เบนซ์ เรซซิ่ง” กล่าวว่า ภายในเรือนจำมีทั้งแจกให้ด้วยและซื้อเอง แต่มองว่าในประเด็นเรื่องผ้าที่ช่วงแรกออกมาพูดว่าเป็นผ้าผืนเล็ก ตอนหลังเป็นภาพผืนใหญ่ ส่วนตัวมองว่าไม่ใช่สาระสำคัญ เพราะว่าสิ่งที่ถูกต้องคือ ทางราชทัณฑ์เองควรจะชี้แจง หรือออกมาบอกเลยว่า ผ้าผืนนั้นเป็นอย่างไร นำออกมาโชว์เลย จะได้ไม่ต้องมาวิพากษ์วิจารณ์กันว่า ผ้าผืนเล็กจะแขวนได้หรือไม่ เพราะหากว่าโปร่งใสไม่มีอะไรที่จะต้องปิดบังก็นำรูปมาให้ดูไปเลย.-419.-สำนักข่าวไทย