อิมแพ็ค เมืองทองธานี 15 ก.พ.- นายกฯ ย้ำเตรียมประเทศเข้าสู่ยุค 4.0 เน้นพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ควบคู่การใช้นวัตกรรม เดินหน้าปรองดอง ขอนักลงทุนมั่นใจไทยเสถียรภาพมั่นคง
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.)เป็นประธานเปิดงานสัมมนา “ Opportunity Thailand” พร้อมทั้งปาฐกถาพิเศษในหัวข้อ “โอกาสกับประเทศไทย 4.0” ซึ่งจัดโดยคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน(บีโอไอ) มีภาคเอกชน นักลงทุนชาวไทยและต่างประเทศเข้าร่วม กว่า 2,700 คน
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า สถานการณ์ของโลกที่ผันผวนส่งผลกระทบทุกด้าน ทำให้แต่ละประเทศต้องปรับตัว รักษาความมั่นคง ซึ่งไทยได้เร่งสร้างความเข้มแข็งอย่างยั่งยืนในการพัฒนาเศรษฐกิจฐานราก และการวางแผนการพัฒนาอนาคตประเทศในระยะ 20 ปีอย่างมีทิศทางที่ชัดเจน นอกจากนี้ยังปรับเปลี่ยนโมเดลเศรษฐกิจ เพื่อให้เหมาะกับสถานการณ์ทางเศรษฐกิจในแต่ละช่วง โดยเริ่มจาก Thailand 1.0 ที่เน้นเกษตรกรรมแบบดั้งเดิมไปสู่ Thailand 2.0 ที่เน้นอุตสาหกรรมเบา
“Thailand 3.0 ในปัจจุบันเน้นอุตสาหกรรมหนักและ Thailand 4.0 ในอนาคตจะขับเคลื่อนเศรษฐกิจอย่างเต็มรูปแบบ ด้วยการพึ่งพานวัตกรรม องค์ความรู้ ความคิดสร้างสรรค์และเทคโนโลยี มีเป้าหมายเพื่อสร้างความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ และศักยภาพการแข่งขันของประเทศอย่างยั่งยืนระยะยาว การก้าวพ้นกับดักรายได้ปานกลาง การแก้ไขปัญหาความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจ โดยน้อมนำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาใช้ควบคู่ เพื่อนำพาประเทศไทยสู่ ความมั่นคง มั่งคั่งและยั่งยืน” นายกรัฐมนตรี กล่าว
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การปฏิรูปโครงสร้างเศรษฐกิจครั้งใหม่ ไปสู่โมเดลใหม่ที่เรียกว่า ประเทศไทย 4.0 เป็นเศรษฐกิจที่เน้นคุณค่าและขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรม หัวใจสำคัญคือการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ เพื่อเตรียมไปสู่การเป็นคนไทย 4.0 มีทักษะความรู้ ความสามารถให้เท่าทันต่อความเป็นไปของโลกปัจจุบันรองรับความต้องการของตลาดและผู้ประกอบการที่จะมาลงทุน
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รัฐบาลยังพยายามผลักดันให้ไทยเป็นศูนย์กลางด้านการค้าการลงทุนของภูมิภาค คือการส่งเสริม 10 อุตสาหกรรมเป้าหมายแห่งอนาคต เช่น อุตสาหกรรมยานยนต์สมัยใหม่ อุตสาหกรรมหุ่นยนต์ อุตสาหกรรมเกษตรและเทคโนโลยีชีวภาพ เป็นต้น โดยการนำวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี นวัตกรรม และความคิดสร้างสรรค์มาเป็นตัวขับเคลื่อน และยกระดับภาคเศรษฐกิจเดิมที่มีพื้นฐานดีและมีจุดแข็งอยู่แล้ว
“ส่งเสริมผู้ประกอบการรุ่นใหม่สตาร์ทอัพ ซึ่งเป็นปัจจัยหนึ่งนำไปสู่การปฏิรูปโครงสร้างเศรษฐกิจไทยทั้งระบบ โดยทั้งหมดต้องเชื่องโยงกับอาเซียน และประเทศเพื่อนบ้านแบบเป็นคลัสเตอร์ เอื้อต่อการทำธุรกิจสร้างโอกาสการลงทุนมากขึ้น อย่างนโยบายการพัฒนาพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออกที่จะทำให้เสร็จช่วงเเรกในปี 2560 โดยให้เป็นพื้นที่ที่ดีที่สุดในอาเซียน นอกจากนี้จะพัฒนาด้านสาธารณูปโภค ระบบคมนาคมขนส่งและโลจิสติกส์ด้วย”นายกรัฐมนตรี กล่าว
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่าา ขอให้มั่นใจว่าสิ่งที่รัฐบาลทำอยู่ในขณะนี้ จะเดินต่อไปในอีก 20 ปีข้างหน้าตามยุทธศาสตร์ชาติ และจะออกกฎหมายมาช่วยบังคับ จะสนับสนุนการเข้ามาลงทุนในการประกอบธุรกิจอย่างเต็มที่ หากติดขัดสามารถแจ้งได้ นอกจากนี้จะสร้างความโปร่งใส เป็นธรรม หากพบการทุจริตคอรัปชั่นจะดำเนินคดีเด็ดขาด
“ขณะนี้ 3 สถาบันหลักของประเทศมีครบแล้ว การยึดมั่นและรักษาทั้ง 3 สถาบันถือเป็นการปรองดองอีกทางหนึ่ง และขอให้ทุกคนรักษาสถานการณ์เช่นนี้ต่อไปได้ ถือเป็นพื้นฐานการปรองดองที่สำคัญ ความปรองดองต้องเดินหน้าต่อไป เชื่อว่าจะไม่มีปัญหา เพราะมีคณะกรรมการบริหารราชการแผ่นดินตามกรอบการปฏิรูปประเทศ ยุทธศาสตร์ชาติ และการสร้างความสามัคคีปรองดอง (ป.ย.ป.)มาช่วยขับเคลื่อน การทำงานของรัฐบาลที่ลดความเหลื่อมล้ำคือการสร้างบรรยากาศแห่งความปรองดองที่แท้จริง ขณะนี้ประเทศไทยมีเสถียรภาพและความมั่นคง จึงอยากสร้างความมั่นใจให้กับนักลงทุน และขอเชิญชวนให้มาลงทุนในไทย” นายกรัฐมนตรี กล่าว.-สำนักข่าวไทย