เมืองทองธานี 15 ก.พ. – พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวในการจัดนิทรรศการและงานสัมมนาระดับชาติในประเทศ ภายใต้ชื่อ “โอกาสทางการลงทุนในประเทศไทย” (Opportunity Thailand) ว่า ต้องการย้ำความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนไทยและต่างชาติต่อการเดินหน้าพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ โดยเฉพาะการพัฒนาพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (EEC) จะเกิดขึ้นอย่างแน่นอน เนื่องจากมีข้อผูกมัดกับยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี แผนพัฒนาและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 12-15 เพื่อต้องการสร้างเมืองใหญ่รองรับการเติบโต การแก้ไขอุปสรรค เพื่ออำนวยความสะดวกการลงทุนให้กับนักธุรกิจและเชื่อมโยงกับการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษ และย้ำว่ารัฐบาลต้องการดูแลความโปร่ง เป็นธรรม ลดปัญหาคอรับชั่น
ทั้งนี้ เพื่อเตรียมความพร้อมของประเทศไทยในการเป็นศูนย์กลางของภูมิภาค (Gateway of Asean) รวมทั้งเป็นแหล่งรองรับการลงทุนชั้นนำของโลก เพื่อต้องการเน้นย้ำให้ต่างชาติมองเห็นภาพจำลองของไทยในช่วง 10 ปีข้างหน้า การสัมมนาครั้งนี้เชิญนักธุรกิจที่มีชื่อเสียงระดับโลกหลายภูมิภาคขึ้นเวทีเสวนาและร่วมรับฟังกว่า 3,000 คน เพื่อบรรยายให้นักลงทุนต่างชาติมองเห็นศักยภาพโอกาสการลงทุนและความพร้อมของไทยในอนาคต
นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ปาฐกถาพิเศษ ในหัวข้อ “การเติบโตของเศรษฐกิจไทยท่ามกลางความผันผวนเศรษฐกิจโลก” ว่า จากความผันผวนของเศรษฐกิจโลกทั้งนโยบายทรัมป์ การออกจากสหภาพยุโรป (อียู) ของอังกฤษ ความเป็นหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจของกลุ่มเอเชีย จึงต้องร่วมมือกันเพื่อรองรับความผันผวนของกลุ่มประเทศอื่น ถักทอเป็นห่วงโซ่ใหม่ที่เข้มแข็ง รับมือการเปลี่ยนแปลงของกระแสโลกใหม่ การต่อยอดศูนย์กลางการผลิตยานยนต์ การเชื่อมโยงแหล่งท่องเที่ยวของประเทศเพื่อนบ้าน การพัฒนาทางการแพทย์ครบวงจร การพัฒนาอากาศยานเชื่อมโยงการท่องเที่ยวและลงทุน จุดแข็งของไทย คือ สถานที่ตั้งของไทย เอื้ออำนวยทุกด้าน ไทยมุ่งมั่นพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ถนน รถไฟทางคู่ ไอที ท่าเรือ เทคโนโลยี สนามบิน
นายสมคิด กล่าวว่า การพัฒนา EEC ใช้งบประมาณรัฐบาล การร่วมลงทุนกับเอกชนรูปแบบ PPP และกลางปีนี้กองทุนไทยแลนด์ฟิวเจอร์ฟันด์เตรียมขายหน่วยลงทุนให้ประชาชนและนักลงทุนไทยและต่างชาติ ขณะนี้รัฐบาลเร่งแก้ปัญหา อุปสรรค สร้างความโปร่งใส โดยเฉพาะการจัดซื้อจัดจ้างในอุตสาหกรรมการบิน เชื่อมั่นว่านโยบายเหล่านี้จะร่วมกับประเทศเพื่อนบ้าน ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง ร่วมกับกลุ่มประเทศ CLMV เพื่อดึงดูดการท่องเที่ยวจากทั่วโลก เพื่อร่วมกันเติบโต โดยไทยพร้อมเป็นประตูเข้าสู่ภูมิภาค ขณะนี้จีดีพีไทยคาดว่าเติบโตร้อยละ 3.5-4 หลังจาก 2 ปีที่ผ่านมาเติบโตจากร้อยละ 0.8 เพิ่มมาเป็น 2.8 ในปี 2559 ไทยมีทุนสำรองระหว่างประเทศสูงถึง 200,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ภาระหนี้สาธารณะต่อจีดีพีร้อยละ 45 ยังอยู่ในสัดส่วนกู้เงินมาพัฒนาประเทศได้
“บ้านเมืองสงบ การเมืองมีเสถียรภาพ ประชาชนมีขวัญกำลังใจ ประชาชนได้ชื่นชมในหลวงรัชกาลที่ 10 และพระสังฆราชองค์ใหม่ จากผลสำรวจของเจโทรวัดความเชื่อมั่นของนักลงทุนญี่ปุ่นล่าสุดดีขึ้นมาก ด้วยความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่างชาติให้ความสำคัญกับการเมืองมีเสถียรภาพ นโยบายไม่เปลี่ยนแปลง มีการปฏิรูปด้านต่าง ๆ ช่วงนี้จึงเป็นโอกาสสำคัญในการสร้างเศรษฐกิจของประเทศ โอกาสในอนาคตกำลังเข้ามาสู่ประเทศไทย แต่ไทยต้องการพันธมิตรผู้รู้ใจและยินดีต้อนรับนักลงทุนต่างชาติเข้ามาร่วมเป็นหุ้นส่วนพัฒนาประเทศไทยครั้งนี้ รัฐบาลขอดูแลนักลงทุนอย่างดีที่สุด” นายสมคิด กล่าว.-สำนักข่าวไทย