ชลบุรี 7 มี.ค. – สำนักข่าวไทยพาไป “อู่ราชนาวีมหิดลอดุลยเดช” อู่ต่อเรือที่ใหญ่และทันสมัยที่สุดของกองทัพเรือ อู่แห่งนี้จะมีขีดความสามารถในการสร้างและซ่อมเรือรบได้มากน้อยเพียงใด
ภายในเนื้อที่ 900 ไร่ ของอู่ราชนาวีมหิดลอดุลยเดช กรมอู่ทหารเรือ ตั้งอยู่ที่ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี มีอู่แห้งที่ได้ชื่อว่าใหญ่ที่สุดในอาเซียน คือมีความกว้างถึง 40 เมตร ยาว 236 เมตร และสูง 18 เมตร มีเครนยักษ์ขนาด 75 ตัน 2 ตัว สามารถรองรับเรือรบขนาดใหญ่ที่มีระวางขับน้ำสูงสุดได้ถึง 25,000 ตัน อาทิ เรือหลวงสิมิลัน เรือหลวงจักรีนฤเบศร เรือหลวงอ่างทอง
ขณะที่เรือรบลำล่าสุดของราชนาวีไทยที่ต่อที่นี่คือ เรือหลวงกระบี่ ซึ่งเป็นเรือตรวจการณ์ไกลฝั่ง ระวางขับน้ำ 1,969 ตัน ปัจจุบันอยู่ระหว่างซ่อมคืนสภาพให้กับเรือหลวงบางปะกง ซึ่งเป็นเรือฟริเกตที่กองทัพเรือจัดหาจากประเทศจีน มาตั้งแต่ปี 2533 และกำลังต่อเรือหลวงตรัง เรือตรวจการณ์ไกลฝั่ง ลำที่ 2
ด้วยความใหญ่ของอู่แห้ง ความพร้อมของเครื่องจักรและกำลังพล รวมถึงการคมนาคมที่สะดวก คือ มีทั้งสนามบิน ท่าเรือน้ำลึก และเส้นทางรถไฟ กองทัพเรือวางแผนที่จะใช้ที่นี่ต่อเรือฟริเกตสมรรถนะสูง ลำที่ 2 เอง หลังลำแรก “เรือหลวงท่าจีน” ซึ่งต่อที่เกาหลีใต้ ได้ทำพิธีปล่อยเรือลงน้ำไปแล้วเมื่อต้นปีที่ผ่านมา
ปัจจุบันอู่ราชนาวีมหิดลอดุลยเดช อยู่ระหว่างก่อสร้างโรงคลุมพ่นทรายทาสี โรงคลุมประกอบตัวเรือ รวมถึงสิ่งอำนวยความสะดวกอื่นๆ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการสร้างเรือ ขณะที่ก่อนหน้านี้ กองทัพเรือได้ส่งกำลังพล 142 คน ไปรับการถ่ายทอดเทคโนโลยีการสร้างเรือฟริเกตสมรรถนะสูงที่เกาหลีใต้ จึงเป็นไปได้สูงว่า ลำที่ 2 ซึ่งคาดว่าจะตั้งชื่อว่า “เรือหลวงประแสร์” จะสร้างในประเทศไทยและต่อโดยคนไทยอย่างแน่นอน. – สำนักข่าวไทย