ทำเนียบรัฐบาล 8 มี.ค.- นายกรัฐมนตรีเปิดสัมมนาวิสัยทัศน์รัฐบาลดิจิทัลประเทศไทย หวังยกระดับงานภาครัฐสู่ยุคดิจิทัลภายใน 5 ปี ย้ำใช้ม. 44แก้ปัญหาประเทศเท่าที่จำเป็น เพียงให้ทุกหน่วยบูรณาการงานร่วมกันได้คล่องตัว
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) เป็นประธานพิธีเปิดงานสัมมนา “วิสัยทัศน์รัฐบาลดิจิทัลประเทศไทย : Thailand Digital Government Vision 2017 – 2021” ณ ตึกสันติไมตรี โดยกล่าวว่า รัฐบาลเล็งเห็นความสำคัญของการนำเทคโนโลยีมาใช้ในการพัฒนาและยกระดับการทำงานของภาครัฐ จึงขอประกาศวิสัยทัศน์ของประเทศไทยในการมุ่งสู่รัฐบาลยุคดิจิทัลในอีก 5 ปี ที่ภาครัฐจะยกระดับการทำงานสู่รัฐบาลยุคดิจิทัลที่มีความบูรณาการ ยึดประชาชนเป็นศูนย์กลางและทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างแท้จริง ประหยัดและคุ้มค่า ให้ตรงกับความต้องการของประชาชนที่มีความเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา
“หวังว่าทุกหน่วยงานจะขับเคลื่อนการทำงานด้วยความุ่งมั่น เอาจริงเอาจังและเป็นไปในทิศทางเดียวกัน เพื่อประโยชน์สูงสุดของประเทศชาติและประชาชนต่อไป ปัจจุบันคนไทยให้ความสำคัญกับเทคโนโลยีมาก เห็นได้จากพฤติกรรมประชาชน ตั้งแต่ตื่นนอนที่ต้องจับโทรศัพท์เป็นสิ่งแรก รัฐบาลจึงเห็นความสำคัญและมอบนโยบายให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม หาแนวทางใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีขับเคลื่อนงานรัฐบาล และพยายามหาวิธีการให้บริการประชาชนเรื่องเทคโนโลยีด้านต่าง ๆ รอบด้านที่สุด” นายกรัฐมนตรี กล่าว
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ขอให้ข้าราชการ บุคลากรภาครัฐทุกระดับร่วมกับขับเคลื่อนการทำงานในกิจเฉพาะให้สำเร็จลุล่วง ขอทุกฝ่ายช่วยกันทำงานเล็กให้กลายเป็นงานชิ้นใหญ่ที่เป็นรูปธรรมให้ได้ เพราะทุกคนเป็นผู้นำในการเปลี่ยนแปลงทั้งสิ้น ร่วมกันลดความขัดแย้ง อะไรทำได้ทำก่อน อะไรขัดแย้งติดขัดวางไว้ก่อนแล้วค่อยย้อนกลับมาแก้ทีละเรื่อง ไม่เช่นนั้นก็ติดปัญหาไปหมด
“วันนี้ขอทุกคนร่วมแรงร่วมใจกับผมไปก่อน ต่อไปมีอีกหลายช่วงอายุที่ต้องใช้เทคโนโลยี เราจึงต้องวางรากฐานการพัฒนาไว้ให้กับคนรุ่นต่อไป ผมเป็นแค่เบบี้บูเมอร์ ผมจะทำได้ดีเท่าที่เราทำได้อย่างไร วันนี้ต้องรู้ว่าประชาชนจะได้อะไรจากดิจิตอล แล้วเราจะให้อะไรกับประชาชน ภายใต้การทำงานในช่วงเข้าสู่ยุคดิจิทัล ภายใน 5ปีนี้” นายกรัฐมนตรี กล่าว
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ในส่วนของกองทัพต้องเรียนรู้และพัฒนาการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีสารสนเทศ ต้องเข้าใจภารกิจของพลเรือน ไม่ใช่เพื่อการปฎิวัติ แต่เพื่อให้เกิดความเข้าใจในการช่วยเหลือและร่วมมือกับทุกภาคส่วน ที่ผ่านมากองทัพก็เป็นหลักในการทำงานมาทุกรัฐบาล
นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่ถูกมองว่าใช้มาตรา 44 แก้ไขผัญหาประเทศมากเกินไป ว่า ที่ผ่านมาใช้กฎหมายเท่าที่จำเป็น ในกรณีที่กฎหมายปกติไม่สามารถบังคับใช้ได้หรือยังไม่มีกฎหมายเรื่องนั้น ๆ ใช้เพียงบูรณาการให้การทำงานของทุกหน่วยงานคล่องตัว ขอคนไทยอย่าโทษกฎหมายว่าแก้ปัญหาไม่ได้ เพราะอยู่ที่คนจะปฎิบัติตามหรือไม่ และขออย่าคล้อยตามกระแสและอย่ากดดันเจ้าหน้าที่ทุกวันว่าจะน็อคเอาท์วันไหน เพราะตอบไม่ได้
“ขอให้เจ้าหน้าที่ทำตามแผนที่วางไว้ อย่ากดดันเจ้าหน้าที่จนทำให้เจ้าหน้าที่ต้องตัดสินใจผิดพลาด ทุกคนต้องคิดว่าเป็นคนไทยด้วยกันทั้งนั้น รัฐบาลต้องรับผิดชอบทุกอย่างอยู่แล้ว จึงต้องทำด้วยความรอบคอบ ยืนยันไม่ได้ใช้กฎหมายมากเกินไป แต่ทุกครั้งที่ใช้เพื่อบูรณาการให้ทุกหน่วยงานทำงานได้และปกป้องเจ้าหน้าที่ รัฐบาลจะทำไรอะไร ต้องคิดให้รอบคอบ ยืนยันว่ารัฐบาลพยายามทำทุกเรื่องให้ดีที่สุด ขอประชาชนวางใจ” นายกรัฐมนตรี กล่าว.-สำนักข่าวไทย