กรุงเทพฯ 9 มี.ค. -ราคาน้ำมันในไทยเตรียมปรับลดหลังราคาน้ำมันดิบตลาดโลกลดลงต่ำสุดในรอบปี ราคาผันผวนหลังเดือนมกราคมพุ่งขึ้นประกอบกับการใช้น้ำมันยังเพิ่มขึ้นส่งผลมูลค่าการนำเข้าเพิ่มขึ้น 25,538 ล้านบาทหรือร้อยละ 67.9
นายสุชาติ ระมาศ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ การตลาดขายปลีก บมจ.ปตท. กล่าวว่า ปตท.กำลังพิจารณาจะปรับลดราคาน้ำมันขายปลีกหน้าสถานีบริการ ใน 1-2 วันนี้ ซึ่งล่าสุด ค่าการตลาดกลุ่มเบนซินใกล้เคียง 2 บาท/ลิตร แต่ค่าการตลาดดีเซล ยังคงปริ่ม ๆ อยู่ที่ประมาณ 1.60 บาท/ลิตร ซึ่งค่าการตลาดที่สูงขึ้นมาจากราคาน้ำมันตลาดโลกที่ช่วงนี้ลดลงต่อเนื่อง และส่งผลให้ราคาอ้างอิงที่ตลาดสิงคโปร์สะท้อนตาม โดยล่าสุด วานนี้(8 มี.ค.)ราคาตลาดเวสต์เท็กซัสสหรัฐลดลงเกือบ 3 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล ปิดที่ 50.28 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล เป็นราคาลดลงต่ำสุดในรอบปี เพราะพบว่าสตอกน้ำมันสหรัฐสูงขึ้นกว่าคาดการณ์ อย่างไรก็ตาม คาดว่าเป็นช่วงสั้นๆเท่านั้น ทาง ปตท.ยังไม่ปรับลดคาดการณ์ที่ ประเมินว่า ราคาน้ำมันดิบตลาดดูไบปีนี้อยู่ที่ประมาณ50 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล สูงขึ้นกว่าปี 2559 ที่ 41.30 ดอลลาร์/บาร์เรล
“ราคาน้ำมันขณะนี้ผันผวน ลดลงเพราะสตอกสหรัฐที่เพิ่มขึ้น แต่หากเศรษฐกิจสหรัฐดีขึ้นการใช้ก็จะเพิ่มขึ้น และต้องดูว่ากลุ่มผู้ผลิตน้ำมันทั้งโอเปก และนอกโอเปก เช่นรัสเซียจะลดกำลังผลิตหรือไม่ ทิศทางราคาปีนี้จึงค่อนข้างผันผวน”นายสุชาติกล่าว
ด้านบมจ. ไทยออยล์ ระบุว่า ราคาน้ำมันดิบสหรัฐปรับตัวลดลงต่ำสุดในรอบปีนี้ หลังถูกกดดันจากปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐ ที่ปรับตัวสูงขึ้น หลังสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐฯ (EIA) รายงานปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐ ประจำสัปดาห์ สิ้นสุดวันที่ 3 มีนาคม 25 60 ปรับตัวสูงขึ้นประมาณ 8.2 ล้านบาร์เรลไว้ ไปแตะที่ระดับ 528.4 ล้านบาร์เรล ซึ่งสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ว่าจะปรับเพิ่มขึ้นเพียง 2 ล้านบาร์เรล นับเป็นการปรับตัวเพิ่มขึ้นติดต่อกันเป็นเวลา 9 สัปดาห์ และถือว่าปรับตัวสูงสุดนับตั้งแต่เก็บสถิติมา นอกจากนี้ ปริมาณน้ำมันดิบสหรัฐ ณ จุดส่งมอบน้ำมันดิบคุชชิ่ง รัฐโอกลาโฮมา ปรับตัวสูงขึ้น 867,000 บาร์เรลนอกจากนี้ ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินในตะกร้าหลัก หลังนักลงทุนคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนนี้
นายสุชาติ กล่าวด้วยว่า ยอดขายน้ำมันของ ปตท.ในช่วง 2 เดือนแรกของปีนี้ ยอมรับว่า ทรงตัวไม่ได้ขยับสูงขึ้นอย่างมีนัยยะสำคัญเหมือนปีที่แล้ว ซึ่งน่าจะเป็นผลมาจากการปรับตัวเข้าสู่สมดุลของการใช้พลังงาน หลังจากกลุ่มผู้ใช้ก๊าซทั้งแอลพีจีและเอ็นจีวี หันกลับมาใช้น้ำมันในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาแล้ว ประกอบกับราคาน้ำมันปีนี้ขยับเพิ่มขึ้นกว่าปีที่แล้ว การใช้น้ำมันจึงอยู่ในภาะวะทรงตัว
กรมธุรกิจพลังงาน รายงานสถานการณ์การใช้น้ำมัน เดือนมกราคม 2560 พบว่า กลุ่มเบนซิน อยู่ที่ 28.34 ล้านลิตรต่อวัน เทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน เพิ่มขึ้นร้อยละ 3.1 (น้ำมันทุกตัวเพิ่มขึ้นยกเว้นแก๊สโซฮอล์91 อยู่ที่ 10.57 ล้านลิตรต่อวันลดลงร้อยละ 3.2 เนื่องจากมีผู้หันมาใช้แก๊สโซฮอล์ 95 มากขึ้นหลังราคาสูงกว่าเพียงลิตรละ 27 สตางค์) ขณะที่การใช้ดีเซลเฉลี่ยอยู่ที่ 61.18 ล้านลิตรต่อวัน ลดลงร้อยละ 1.9 ,การใช้ก๊าซแอลพีจีเฉลี่ยอยู่ที่ 17.16 ล้านกิโลกรัมต่อวัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 2.4
ส่วนปริมาณการนำเข้าน้ำมันดิบเดือนมกราคม อยู่ที่ 975 ล้านลิตร เฉลี่ยวันละ 160.5 ล้านลิตร หรือ 1,009,430 บาร์เรลต่อวัน คิดเป็นมูลค่าการนำเข้ารวม 63,145 ล้านบาท โดยพบว่าเดือนมกราคม ปริมาณนำเข้าเพิ่มขึ้น 234 ล้านลิตร คิดเป็นร้อยละ 4.9 มูลค่าการนำเข้าเพิ่มขึ้น 25,538 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 67.9เนื่องจากความต้องการใช้เพิ่มขึ้นและสะท้อนตามทิศทางราคาน้ำมันตลาดโลกที่ปีนี้ขยับขึ้น-สำนักข่าวไทย