กรมสรรพากร 6 มี.ค. – นายประสงค์ พูนธเนศ อธิบดีกรมสรรพากร กล่าวว่า หลังจากยอดจัดเก็บภาษี 5 เดือนแรก ต่ำกว่าเป้าหมาย 6,000 ล้านบาท จากภาษีปิโตรเลียมหายไป จึงต้องการจัดเก็บภาษีให้ได้ตามเป้าหมายปีนี้ 1.867 ล้านล้านบาท จึงส่งเจ้าหน้าที่ออกตรวจสอบการเสียภาษีของผู้ประกอบการกลุ่มเป้าหมาย กลุ่มมีความเสี่ยง เพื่อเสียภาษีให้ถูกต้องครบถ้วน เช่น ธุรกิจบริการกลางคืน ผับ เธค ร้านอาหาร ทัวร์ศูนย์เหรียญ ในส่วนของร้านอาหาร เพียงส่งคนนั่งรับประทานอาหารตรวจสอบดูรายการเสียภาษีถูกต้องครบถ้วนทุกประเภทหรือไม่ หากเป็นธุรกิจ E-Commerce ติดตามการกดไลค์ ยอดผู้เข้าชม เพื่อเช็ครายได้จากการขายสินค้า เนื่องจากนำเข้าเครื่องตรวจเช็คการขายสินค้าออนไลน์จากต่างประเทศสัปดาห์ที่ผ่านมา เนื่องจากธุรกิจออนไลน์มียอดขายค่อนข้างสูงในปัจจุบัน ทั้งนี้ เพื่อให้กลุ่มธุรกิจที่ต้องการเสียภาษีครบถ้วนถูกต้องเท่าน้ัน
นายประสงค์ กล่าวเพิ่มเติมว่า การยื่นแบบแสดงรายการเสียภาษีประจำปี 2559 ของบุคคลธรรมดาต้องยื่นแบบตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม – มีนาคม 2560 ล่าสุดมีประชาชนยื่นแบบ 3 ล้านราย ขอคืนภาษี 1.7 ล้านราย จากยอดขอคืนภาษีได้คืนเงินให้กับผู้สมัครระบบพร้อมเพย์ 700,000 ราย และคืนเงินผ่านระบบเช็ค 70,000 ราย นับว่าได้มีประชาชนยื่นแบบภาษีผ่านอินเทอร์เน็ตสูงขึ้นเกือบร้อยละ 90 มีเพียงร้อยละ 10 ผ่านระบบเคาน์เตอร์ และยอดการขอคืนภาษีปีนี้น่าจะสูง 40,000 ล้านบาท จากปีก่อนขอคืนภาษี 30,000 ล้านบาท เนื่องจากมีมาตรการส่งเสริมด้านต่าง ๆ ทั้งช้อปช่วยชาติ สินค้าโอทอป ส่งเสริมการท่องเที่ยว ยอมรับว่ากรมสรรพากรต้องการส่งเสริมนโยบาย E-Payment ของรัฐบาลในการลดต้นทุนประเทศ จึงเน้นตรวจสอบการยื่นแบบสำหรับผู้สมัครพร้อมเพย์เป็นอันดับแรก เพราะตรวจสอบแล้วจะคืนเงินได้ประมาณ 3-7 วัน และหากขอคืนผ่านระบบเช็คอาจต้องใช้เวลาประมาณ 15 วัน ในการจัดส่ง
ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม 2560 ได้ส่งเสริมให้นิติบุคคลสมัครระบบพร้อมเพย์ เพื่ออำนวยความสะดวกทั้งการโอนเงิน บริการผ่านภาครัฐ ยืนยันว่าหากกรมสรรพากรต้องการตรวจเช็คข้อมูล ติดตามการเสียภาษีย่อมทำได้ทุกกรณีเมื่อส่งหมายเรียกขอทำการตรวจสอบ แต่ทางการต้องการส่งเสริมให้ทั้งบุคคลธรรมดา นิติบุคคล หันมาใช้ระบบพร้อมเพย์ในการลดการใช้เหรียญและธนบัตร เปลี่ยนมาเป็นระบบออนไลน์ เพื่อลดการทุจริต คอร์รัปชั่นทุกวงการ อีกทั้งการรั่วไหลของภาษีจะมีน้อยลง. – สำนักข่าวไทย