กระบี่ 27 ก.พ.-หลังสัปดาห์ที่ผ่านมา ผู้ประกอบการท่องเที่ยวและผู้ประกอบการเรือในพื้นที่อุทยานหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี ออกมาชุมนุมเรียกร้องให้อุทยานฯ ทบทวนการปรับขึ้นค่าธรรมเนียมเข้าอุทยานฯ ตั้งแต่ปีที่ผ่านมา โดยระบุว่าส่งผลกระทบให้จำนวนนักท่องเที่ยวที่ลงไปเที่ยวตามเกาะแก่งในพื้นที่อุทยานหาดนพรัตน์ธาราลดลง สำนักข่าวไทยลงพื้นที่ไปตรวจสอบข้อเท็จจริงเรื่องนี้
แหล่งท่องเที่ยวที่สวยงามในพื้นที่อุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี จ.กระบี่ ทั้งเกาะปอดะ เกาะหม้อ เกาะทับ เกาะไก่ และทะเลแหวก ล้วนเป็นจุดหมายปลายทางที่นักท่องเที่ยวจากทั่วโลกเดินทางมาพักผ่อน บรรยากาศฤดูกาลท่องเที่ยวที่นี่จึงเป็นไปอย่างคึกคัก
ตลอดทั้งวันโดยเฉพาะในช่วง 08.00-14.00 น. จะมีเรือหัวโทงและเรือสปีดโบ๊ท นำนักท่องเที่ยวเต็มลำเรือมาส่งที่เกาะปอดะไม่ต่ำกว่า 1,000 คน โดยร้อยละ 70 เป็นนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ทั้งจากเอเชียและยุโรป ที่เหลือเป็นนักท่องเที่ยวชาวไทย แต่สำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติจะต้องจ่ายเงินค่าธรรมเนียมสำหรับขึ้นเกาะ รายละ 400 บาท ขณะที่คนไทยจ่ายเพียง 40 บาท ผู้ประกอบการเรือประมงพื้นบ้านบอกว่า การเรียกเก็บค่าธรรมเนียมที่สูงขึ้น จากเดิม 200 บาท เป็น 400 บาท นับตั้งแต่ปีที่ผ่านมาส่งผลให้นักท่องเที่ยวลดลงประมาณร้อยละ 30 และพบว่านักท่องเที่ยวซึ่งเคยใช้บริการเรือหัวโทงจากหาดอ่าวนางเพื่อลงเกาะไม่ต่ำกว่า 2-3 ครั้ง กลับเหลือแค่ครั้งเดียว หลังมีการขึ้นค่าธรรมเนียม
นายประสาน สะมาน ผู้ประกอบการเรือสปีดโบ๊ท มีความเห็นสอดคล้องกับนายเอกวิทย์ ภิญโญธรรมโนทัย ที่ปรึกษาธุรกิจการท่องเที่ยวและสมาคมโรงแรม จ.กระบี่ เสนอความเห็นเรื่องนี้ว่า อุทยานฯ ควรนำระบบการซื้อขายตั๋วออนไลน์มาใช้ เพื่อให้เกิดความโปร่งใสในเรื่องการจัดเก็บรายได้และหากอุทยานยืนยันว่า ไม่สามารถปรับลดค่าธรมเนียมให้เหลือเท่าเดิมในอัตรา 200 บาทได้ ก็จะต้องปรับปรุงพัฒนาการให้บริการด้านต่างๆ ให้ได้มาตรฐานกว่าที่เป็นอยู่ เพื่อให้คุ้มค่ากับเงินค่าธรรมเนียมที่นักท่องเที่ยวต้องจ่าย โดยเพาะการปรับปรุงเรื่องห้องน้ำ ท่าเรือ รวมถึงทุ่นจอดเรือ ที่ปัจจุบันมีไม่เพียงพอต่อจำนวนเรือที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างไร้การควบคุม
การพิจารณาจะปรับลด หรือคงค่าธรรมเนียมเข้าอุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี ตามข้อเรียกร้องของผู้ประกอบเรือใน จ.กระบี่ หรือไม่นั้น กรมอุทยานฯ ซึ่งมีอำนาจในการตัดสินใจเรื่องนี้ จึงต้องทบทวนให้รอบคอบว่าจะส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยวในระยะยาวหรือไม่ โดยคำนึงถึงผลประโยชน์ของประเทศชาติเป็นสำคัญ.-สำนักข่าวไทย