กรุงเทพฯ 28 ก.พ. – โพลนักวิเคราะห์การลงทุน คาดดัชนีหุ้นไทยสิ้นปีนี้อยู่ที่ 1,618 จุดปรับขึ้นจากระดับปัจจุบันร้อยละ 3.9
นางภรณี ทองเย็น อุปนายกสมาคมนักวิเคราะห์การลงทุน เปิดเผยผลสำรวจความคิดเห็นของนักวิเคราะห์และผู้จัดการกองทุน จำนวน 27 ราย ซึ่งทำการสำรวจเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ ที่ผ่านมาว่า ผลสำรวจส่วนใหญ่ ร้อยละ 64.25 เห็นว่าตลาดหุ้นไทยยังอยู่ในทิศทางแกว่งตัวขึ้น มีเป้าหมายดัชนีสิ้นปี 2560 จะเฉลี่ยอยู่ที่ 1,618 จุด ปรับตัวขึ้นจากระดับดัชนีเมื่อวานนี้ ร้อยละ 3.9 โดยมีจุดสูงสุดของดัชนีที่ระดับ 1,669 จุด และจุดต่ำสุดที่ 1,453 จุด
โดยปัจจัยที่มีอิทธิพลบวกต่อตลาดมากที่สุด คือ เศรษฐกิจในประเทศ การลงทุนภาครัฐ ความเชื่อมั่นทางด้านเศรษฐกิจ การบริโภคภาคเอกชน และ ปัจจัยการเมืองที่มีแนวโน้มดีขึ้นรวมถึงการเลือกตั้ง ส่วนปัจจัยลบ คือ นโยบายของนายโดนัล ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ ต่อมาตรการกีดกันทางการค้าโลก และการขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ หรือ เฟด ประมาณ 3 ครั้งในปีนี้ ปัญหาการเมืองระหว่างประเทศ และ ความไม่ชัดเจนการเลือกตั้งในหลายประเทศในยุโรป ที่อาจแยกตัวออกจากสภาพยุโรปตามสหราชอาณาจักร
ส่วนอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจในปีนี้คาดว่าจะขยายตัวร้อยละ 3.39 สัดส่วนราคาต่อกำไรสุทธิ หรือ พีอี เรโช อยู่ที่ 14.95 กำไรต่อหุ้นของตลาดเฉลี่ยอยู่ที่ 102.75 บาท และอัตราการเติบโตของกำไรต่อหุ้น อยู่ที่ร้อยละ 9.73 โดยหมวดค้าปลีกส่ง และหมวดพลังงาน มีกำไรต่อหุ้นสูงสุดที่ร้อยละ 19.33 และ 18.24 ส่วนกลุ่มอสังหาริมทรัพย์และพลังงาน มีอัตราการจ่ายเงินปันผลสูงสุด เฉลี่ยที่ร้อยละ 4.57 และ 3.84 โดยเน้นหุ้นที่การเติบโต เช่น PTTGC ,BANPU ,STEC และ SCB
นายรัชกฤษณ์พงศ์ เอกรังสรรค์ เลขาธิการและกรรมการผู้อำนวยการสมาคมนักวิเคราะห์การลงทุน กล่าวว่า ปีนี้การลงทุนอยู่ท่ามกลางความผันผวนสูง นักวิเคราะห์แนะนำให้กระจายการลงทุน โดยลดน้ำหนักการลงทุนในตลาดตราสารหนี้ลงร้อยละ 5 จากสัดส่วนร้อยละ 19 เหลือเพียงร้อยละ 14 เนื่องจากผลตอบแทนของตราสารหนี้ลดลงและเพิ่มน้ำหนักการลงทุนในตลาดหุ้นและกองทุนหุ้นในประเทศ เป็นร้อยละ 42 , หุ้นต่างประเทศ หรือ กองทุนหุ้นต่างประเทศร้อยละ 21 , ทองคำโกลด์ฟิวเจอร์ส ร้อยละ 8 , เงินสดและเงินฝากร้อยละ 11 และกองทุนน้ำมัน กองทุนอสังหาริมทรัพย์ ร้อยละ 4.- สำนักข่าวไทย