วัดพระธรรมกาย 18 ก.พ.- กรมสอบสวนคดีพิเศษ นำผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบอุปกรณ์ทางการแพทย์ พร้อมเริ่มตรวจค้นรอบนอกวัดพระธรรมกาย พบพระสงฆ์สัญชาติอื่น 3 รูป เร่งหาความเชื่อมโยงพระธัมมชโย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศวัดพระธรรมกาย บริเวณหน้าประตู 7 ภายหลังจากกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ยุติภารกิจเข้าตรวจค้นภายในวัดพระธรรมกายเมื่อวานนี้ (17 ก.พ.) ยังคงมีเจ้าหน้าที่ตำรวจจากกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 จังหวัดพระนครศรีอยุธยา จำนวน 1 กองร้อย มาสับเปลี่ยนตรึงกำลังบริเวณหน้าประตู 7 เพื่อติดตามสถานการณ์และดูแลความเรียบร้อย โดยไม่อนุญาตให้รถยนต์ส่วนบุคคล หรือบุคคลภายนอกผ่านเข้าออกภายในวัดได้
ขณะที่ถนนคลองหลวง บริเวณหน้าประตู 7 ตามปกติจะมีด่านของเจ้าหน้าที่ทหาร คอยตรวจรถยนต์ที่สัญจรไปมาผ่านในพื้นที่รอบวัดพระธรรมกาย แต่ขณะนี้ ไม่มีการตั้งด่านตรวจรถยนต์เหมือน 2 วันที่ผ่านมาแล้ว
ด้านพระสนิทวงศ์ วุฑฒิวังโส ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารองค์กรวัดพระธรรมกาย เปิดเผยว่า การตรวจค้น 2 วันที่ผ่านมาเป็นไปด้วยความเรียบร้อย เจ้าหน้าที่ได้ปฏิบัติหน้าที่เป็นอย่างดี ขณะที่ทางวัดให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่เป็นอย่างดีเช่นเดียวกัน พร้อมขอบคุณคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติที่กังวล เรื่องคำสั่งของ คสช.มาตรา 44 เพื่อควบคุมพื้นที่รอบวัดพระธรรมกาย จึงได้เดินทางมาเฝ้าระวังและดูแลการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ ทางวัดจึงได้ชี้แจงกับคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนฯ ว่าเจ้าหน้าที่ทหารและตำรวจปฎิบัติหน้าที่เป็นอย่างดีและมีความสุภาพเรียบร้อย
พระสนิทวงศ์ กล่าวด้วยว่า ยังขอให้ คสช.และรัฐบาลพิจารณายกเลิกคำสั่งตามมาตรา 44 เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับการปฏิบัติตนตามกิจของพระสงฆ์ รวมถึงสามเณร ที่ช่วงนี้จะต้องเดินทางออกจากวัดเพื่อไปสอบโอเน็ต อีกทั้งยังขอให้เจ้าหน้าที่อนุญาตให้สามารถลำเลียงเสบียงอาหารเข้ามาภายในบริเวณวัดได้ เนื่องจากในพื้นที่ของวัดมีศิษย์ยานุศิษย์จำนวนมาก และไม่ได้สำรองเสบียงอาหารไว้ พร้อมยืนยันว่าไม่ได้พบกับพระธัมมชโยมา 8-9 เดือนแล้ว เนื่องจากไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการดูแลสุขภาพของพระธัมมชโย แต่มีหน้าที่ดูแลสื่อมวลชนเท่านั้น ส่วนศิษย์ยานุศิษย์ที่เดินทางมาที่วัดก็มาเพื่อสวดมนต์ เนื่องจากมีความเป็นห่วงวัดพระธรรมกาย โดยอาจมีการปักหลักสวดมนต์ในพื้นที่รอบวัด แต่ยืนยันไม่ได้เป็นการก่อม๊อบหรือขัดขวางการทำงานของเจ้าหน้าที่
ส่วนกรณีที่ดีเอสไอพบการกักตุนน้ำมันภายในวัดพระธรรมกายเป็นจำนวนมากนั้น พระสนิทวงศ์ กล่าวว่า ยังไม่ทราบข้อมูล ขอไปตรวจสอบรายละเอียดก่อน ซึ่งอาจจะเป็นน้ำมันรถที่ทางวัดได้เก็บไว้ เนื่องจากทางวัดมีรถยนต์หลายคัน
“วันนี้เจ้าหน้าที่ดีเอสไอได้นำผู้เชี่ยวชาญเข้าไปตรวจสอบเครื่องไฮเปอร์แบริกที่ติดตั้งอยู่ภายในตึกดาวดึงษ์ ขอยืนยันว่าไม่ใช่เครื่องเบบี้เฟส แต่เป็นเครื่องที่ช่วยเรื่องสุขภาพ เนื่องจากพระธัมมชโยมีอาการป่วยคือการอุดตันของเส้นเลือด จึงทำให้ขาบวมอย่างที่เป็นข่าว ส่วนอุโมงค์ใต้อาคารภาวนา 60 ปีที่เจ้าหน้าที่ไปตรวจสอบเมื่อวานนี้ เป็นเพียงใต้ถุนอาคารที่ไว้เก็บปั้มน้ำเท่านั้น” พระสนิทวงศ์ กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ดีเอสไอ นำโดย พันตำรวจตรีสุริยา สิงหกมล รองอธิบดีดีเอสไอ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) กระทรวงสาธารณสุข และเจ้าหน้าที่กระทรวงพลังงาน นำกำลังเข้าตรวจค้นภายในอาคารดาวดึงส์ ภายหลังใช้อำนาจตามมาตรา 44 อายัดอาคารเพื่อตรวจสอบ โดยเจ้าหน้าที่ได้เข้าตรวจค้นห้องที่รักษาอาการอาพาทของพระธัมมชโย พบเตียงนอน ถังออกซิเจน และเครื่องไฮเปอร์แบริคแชมเบอร์ ซึ่งเป็นเครื่องที่ใช้รักษาอาการอาพาทของพระธัมมชโย และยังพบเอกสารใบส่งมอบเครื่องดังกล่าว และอุปกรณ์การแพทย์หลายรายการจากโรงพยาบาลยันฮีในปี 2552 และปี 2557 อีกด้วย โดยการเข้าตรวจสอบครั้งนี้มีแพทย์ของวัดพระธรรมกายมาเป็นผู้ให้ข้อมูลทั้งหมด และหลังจากนี้ทาง อย.จะตรวจสอบและนำข้อมูลที่ได้ไปตรวจสอบก่อนส่งผลสรุปให้กับเจ้าหน้าที่ดีเอสไออีกครั้ง
นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ดีเอสไอ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) ลงพื้นที่ตรวจสอบหมู่บ้านสวนตะวันธรรม ริมคลอง 2 โดยได้เข้าตรวจสอบบ้านเลขที่ MS-24 เนื่องจากมีข่าวว่าพระธัมมชโยหลบหนีไปซ่อนตัวอยู่ภายในบ้านหลังดังกล่าว โดยเบื้องต้นพบพระสัญชาติอื่น 3 รูป ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง จึงเข้าตรวจสอบ และดำเนินการตามขั้นตอน ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบหลักฐานอื่น ๆ ที่อาจเกี่ยวกับพระธัมมชโยอย่างละเอียด หลังจากนั้นจะสรุปผลการตรวจสอบและชี้แจงต่อสื่อมวลชน.-สำนักข่าวไทย