ก.พลังงานแจง ระบุ กพช.ไม่ได้สั่งทำ EHIA ใหม่

กรุงเทพฯ 20 ก.พ. -กระทรวงพลังงานระบุในขณะนี้ โรงไฟฟ้าถ่านหินกระบี่ยังเดินหน้า หลัง กพช.สั่งปลดล็อคการชะลอโครงการ ระบุ การพิจารณาของ คชก.เหมือนกึ่งทำEHIA ใหม่ ด้าน กฟผ.รอความชัดเจน จาก ครม.พรุ่งนี้


นายสหรัฐ บุญโพธิภักดี รองผู้ว่า การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย(กฟผ.) กล่าวว่า ในส่วนของ กฟผ.รอความชัดเจนจาก ประชุม ค.ร.ม. 21 กพ.  ว่าจะให้ดำเนินการอย่างไร เกี่ยวกับโครงการโรงไฟฟ้าถ่านหินกระบี่ โดยหากให้ถ้าทบทวนรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ (EHIA)ก็ใช้เวลา 1ปีหรือถ้าทำใหม่ก็จะใช้เวลา 2-2.5 ปี ซึ่งก็จะทำให้ล่าช้าจากประมาณการณ์ใหม่ที่เดิมจะก่อสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินกระบี่ให้แล้วเสร็จภายในปลายปี 2564 หรือต้นปี 2565

นายสหรัฐกล่าวว่า หากล่าช้าออกไปอีก ก็นับว่ามีความเสี่ยง เพราะ ความต้องการใช้ไฟฟ้าภาคใต้ขยายตัวร้อยละ 4-5 ต่อปี  ในขณะที่ภาคใต้ตอนล่างรวมถึงด้านอันดามันจำเป็นต้องมีโรงไฟฟ้าหลักเกิดขึ้น จึงจำเป็นต้องสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินกระบี่ 800 เมกะวัตต์และโรงไฟฟ้าถ่านหินเทพา อีก 2,000 เมกะวัตต์ ควบคู่กับการเสริมความมั่นคงโดยการก่อสร้างสายส่งไฟฟ้าจากภาคกลางไปใต้ 500 KV บางสะพาน – หาดใหญ่ กำหนดแล้วเสร็จในปี 2562-2563 จะส่งไฟฟ้าเพิ่มได้ถึง800-900 เมกะวัตต์ จากปัจจุบัน มีสายส่ง 500 kv ไปภาคใต้ ที่ส่งได้เพียง 500-600 เมกะวัตต์ แต่ปัญหา คือ การก่อสร้างสายส่งทั่วประเทศมีความล่าช้าเพราะมีทั้งการต่อต้านจากประชาชนและการเจรจารอนสิทธิ์


“ตอนนี้ทั้งการก่อสร้างสายส่งและโรงไฟฟ้าภาคใต้ มีผู้คัดค้าน หากช้าทั้ง2 เด้งก็นับมีความเสี่ยงมาก หากต้องอาศัยสายส่งเดิมเท่านั้น ต้องระมัดระวังเป็นที่สุด หากเกิดสิ่งไม่คาดฝัน เหมือนปี 2556 ไฟฟ้าก็อาจจะเกิดปัญหาดับ14 จังหวัดภาคใต้ ทางแก้อื่น อาจต้องซื้อไฟฟ้าจากมาเลเซียเพิ่มขึ้น ปัญหาคือราคาแพงตั้งแต่กว่า 2 บาทจนถึง8 ต่อหน่วยและจำกัดเพียง 300 เมกะวัตต์ เท่านั้น”นายสหรัฐกล่าว

กฟผ.2กฟผ 4

นายทวารัฐ สูตะบุตร ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน และโฆษกกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า ในขณะนี้กระทรวงพลังงาน รับทราบเพียงการเดินหน้าตามมติคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ หรือ กพช. 17 ก.พ. โดยมติที่ประชุมปลดล็อค ให้เดินหน้าโรงไฟฟ้ากระบี่ แต่ยังไม่ได้อนุมัติก่อสร้าง เพราะต้องดำเนินการตามกฏหมายด้านสิ่งแวดล้อม คำว่าปลดล็อคหมายถึงก่อนหน้านี้ นายกรัฐมนตรีสั่งชะลอโครงการแล้วตั้ง คณะกรรมการไตรภาคีมาศึกษา มีข้อเสนอหลากหลายเรื่อง กพช.จึงมีมติให้ คณะกรรมการชำนาญการ (คชก.) คณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาตินำข้อเสนอคณะกรรมการไตรภาคี ไปประกอบการพิจารณา ซึ่งเดิม คชก.มีคำถามให้ กฟผ.ตอบ 170-200 คำถาม กฟผ.ก็ต้องตอบให้ชัดเจน ซึ่งขั้นตอนเหล่นนี้ ก็เหมือน กึ่งๆทำอีเอชไอเอใหม่ โดยโครงการจะก่อสร้างได้ก็ต้องผ่านอีกหลายขั้นตอน โดยเฉพาะการอนุมัติจาก คชก. คณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ รวมไปคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน ก็จะมีการรับฟังข้อมูลจากในพื้นที่มาประกอบการให้ใบอนุญาตอีกด้วย ซึ่งขั้นตอนเหล่านี้จะใช้เวลาราว8-12 เดือน.-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

โค้งสุดท้าย ศึกสองนารีชิงเก้าอี้ นายก อบจ.นครฯ

เหลือไม่ถึง 2 วันแล้ว ที่ชาวนครศรีธรรมราชจะได้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ ศึกนี้เป็นการสู้กันเองของพรรคร่วมรัฐบาล ฝ่ายหนึ่งต้องการรักษาฐานที่มั่นไว้ให้ได้ อีกฝ่ายต้องการเจาะฐานให้แตก เพื่อหวังครองที่นั่งการเมืองระดับชาติในสมัยหน้า

ร้อนระอุโค้งสุดท้าย ศึกชิงเก้าอี้ นายก อบจ.อุดรธานี

การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ครั้งนี้ดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครจาก 2 พรรคใหญ่ลงชิงชัย ต่างเร่งเครื่องเต็มที่ในโค้งสุดท้าย การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย.นี้ ใครจะเป็นผู้คว้าชัยชนะและสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญให้จังหวัดอุดรธานี ไปติดตามจากรายงาน

ความเห็นนักวิชาการ คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทย ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง ขณะที่นักวิชาการชี้ว่าไม่ได้พลิกไปจากความคาดหมาย และผลจากคดีนี้ ไม่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนทางการเมือง แต่ก็ยังมีจุดเสี่ยงที่ต้องระวัง