นนทบุรี 21 ก.พ. – อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้าแจงกรณีเพย์ออลไม่ส่งผลกระทบต่อการส่งเสริมธุรกิจพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ มั่นใจธุรกิจอี-คอมเมิร์ซไทยยังเข้มแข็ง ชี้หากต้องการเป็นผู้รับชำระเงินทางออนไลน์ต้องได้รับอนุญาตจาก ธปท.ก่อน
น.ส.บรรจงจิตต์ อังศุสิงห์ อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เปิดเผยว่า จากกรณีที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ร้องทุกข์บริษัท เพย์ออล กรุ๊ป จำกัด ว่าประกอบธุรกิจให้บริการเงินอิเล็กทรอนิกส์ (อี-มันนี) โดยไม่ได้รับอนุญาตจาก ธปท.และอาจส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์การส่งเสริมการประกอบธุรกิจพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ (อี-คอมเมิร์ซ) ของไทย โดยกรมพัฒนาธุรกิจการค้าขอชี้แจงว่าอี-มันนีเป็นธุรกิจบริการชำระเงินออนไลน์ ถือเป็นหนึ่งในธุรกิจอี-คอมเมิร์ซและเป็นธุรกิจที่มีส่วนสนับสนุนให้มีการใช้อี-คอมเมิร์ซอย่างสะดวก สมบูรณ์ ครบวงจร และแพร่หลายมากขึ้น ปัจจุบันพบว่าผู้ซื้อสินค้าออนไลน์และผู้ประกอบธุรกิจอี-คอมเมิร์ซไทยส่วนใหญ่ยังใช้บริการการชำระเงินผ่านช่องทางออฟไลน์ เช่น การโอนเงินผ่านธนาคาร หรือ การเก็บเงินปลายทาง ซึ่งการที่เพย์ออลไม่ได้รับอนุญาตให้ประกอบธุรกิจดังกล่าวอาจส่งผลกระทบต่อสมาชิกของเพย์ออลโดยตรง โดยผู้ให้บริการชำระเงินทางออนไลน์ หรืออีมันนีในไทยยังมี 30 ราย ให้คนที่ทำธุรกิจพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์สามารถเลือกใช้ได้
ส่วนกรณีที่จะส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์การส่งเสริมการประกอบธุรกิจพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ไทยหรือไม่นั้น กรมฯ ขอชี้แจงว่ากรณีเพย์ออลจะไม่ส่งผลกระทบต่อการส่งเสริมธุรกิจพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ของไทย เนื่องจากภาครัฐมีมาตรการการส่งเสริมธุรกิจอี-คอมเมิร์ซชัดเจน เช่น การอบรมบ่มเพาะให้ความรู้เพื่อสร้างผู้ประกอบการอี-คอมเมิร์ซรายใหม่ การยกระดับมาตรฐานและสร้างความเชื่อมั่นให้กับธุรกิจอี-คอมเมิร์ซด้วยการออกเครื่องหมายรับรอง DBD Registered และ DBD Verified และการเสริมสร้างโอกาสทางการตลาดให้กับธุรกิจอี-คอมเมิร์ซ ด้วยการจัดงาน Thailand e-Commerce Day มหกรรมลดราคาสินค้าและบริการทางออนไลน์ (Thailand Online Mega Sale) และการประกวดเว็บไซต์พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ดีเด่น (Best e-Commerce Award)
นอกจากนี้ กรมฯ ได้มีการบูรณาการการทำงานร่วมกับสมาคมพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ไทย ผู้ประกอบการอี-คอมเมิร์ซทั้งรายเล็ก-รายใหญ่ รวมทั้งหน่วยงานพันธมิตรต่าง ๆ เช่น สำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (องค์การมหาชน) หรือ สพธอ.อย่างใกล้ชิด โดยร่วมกันกำหนดมาตรการการส่งเสริมธุรกิจอี-คอมเมิร์ซไทยที่เป็นรูปธรรม รวมถึงการให้คำปรึกษาธุรกิจอี-คอมเมิร์ซแก่ผู้ประกอบการไทยเพื่อให้สามารถก้าวสู่ตลาดระดับสากลได้
ทั้งนี้ ข้อมูลของ ธปท.ปัจจุบันอี-มันนีในไทยมีบริการที่แยกตามการขออนุญาต 3 ประเภท คือ 1.บัญชี ก.ให้บริการเฉพาะของนิติบุคคลรายเดียว มีความเสี่ยงจำกัด เช่น บัตรเติมเงินศูนย์อาหาร กฎหมายยกเว้นให้ไม่ต้องขออนุญาต โดยต้องแจ้งให้ ธปท.ทราบเท่านั้น ปัจจุบันมีผู้ให้บริการ 1 ราย 2.บัญชี ข.เป็นบริการอี-มันนีที่ซื้อสินค้าของนิติบุคคลหลายราย สินค้าหลายประเภทแต่ยังจำกัด เช่น บัตรรถไฟฟ้า โดยต้องขึ้นทะเบียนกับ ธปท.ก่อนให้บริการ ซึ่งปัจจุบันมีผู้ให้บริการ 7 ราย 3.บัญชี ค.ต้องมีทุนจดทะเบียนไม่ต่ำกว่า 200 ล้านบาท และเงินที่ประชาชนเติมมาต้องห้ามนำไปใช้อย่างอื่น ต้องฝากธนาคารไว้เท่านั้น เพื่อจะให้บริการภายใต้นิติบุคคลและสามารถซื้อสินค้าได้หลายประเภทภายใต้ระบบการจัดจำหน่ายและให้บริการเดียวกัน เช่น เอ็มเพย์, บัตรแรบบิท เป็นต้น ซึ่งปัจจุบันมีผู้ได้รับอนุญาตจาก ธปท. 22 ราย
อย่างไรก็ตาม กรณีของเพย์ออลเป็นแอพลิเคชั่นของ บริษัท เพย์ออล กรุ๊ป จำกัด ซึ่งจดทะเบียนจัดตั้งบริษัท เมื่อวันที่ 29 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2555 ทุนจดทะเบียน 10,000,000 บาท กรรมการบริษัท 5 คน ประกอบด้วย1. นายรัฐภูมิ โตคงทรัพย์ 2. นายภูมิพัฒน์ ประเสริฐวิทย์ 3. นายธเนศ จัดวาพรวนิช 4. นางสุภัสฐิณี ศรีสะอาด 5. นายชนะศักดิ์ ศรีสอาด โดยอำนาจกรรมการ นายรัฐภูมิ นายธเนศ นายภูมิพัฒน์ กรรมการ 2 ใน 3 คนนี้ลงลายมือชื่อร่วมกันและประทับตราสำคัญของบริษัทที่ตั้ง 230 ถนนรัชดาภิเษก แขวง/เขต ห้วยขวาง กรุงเทพฯการส่งงบการเงิน บริษัทขาดส่งงบการเงินปี 2558 ซึ่งกรมฯ อยู่ระหว่างการแจ้งเตือนให้ปฏิบัติตามกฎหมายจดทะเบียนพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์และได้รับเครื่องหมาย DBD Registered เว็บไซต์ www.payallgroup.com เมื่อวันที่ 28 สิงหาคม 2558 Application : Payall เมื่อวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2560 กรมฯ อยู่ระหว่างการตรวจสอบและประสานข้อมูลจาก ธปท. หากพบว่ามีการกระทำผิดจริงจะดำเนินการเพิกถอนเครื่องหมาย DBD Registered .-สำนักข่าวไทย