สธ.เตือนอันตรายจากสูดดมก๊าซหุงต้ม

สธ.21ก.พ.- กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข เตือนอันตรายจากการสูดดมก๊าซหุงต้ม ทำให้ขาดออกซิเจน เสี่ยงหมดสติและอาจเสียชีวิตได้


 

นพ.เจษฎา โชคดำรงสุข อธิบดีกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข(สธ.) กล่าวถึงกรณีมีรายงานข่าวว่ามีเด็กนักเรียน 2 คน ชั้นป.6โรงเรียนแห่งหนึ่ง นำกระป๋องสเปรส์ที่ใช้ในการหุงต้มขนาดเล็ก มาใช้สูดดมจนทำให้เสียชีวิต 1 รายนั้น กรมควบคุมโรคขอให้ข้อมูลถึงอันตรายจากการสูดดมก๊าซหุงต้มว่า ปัจจุบันก๊าซหุงต้มมีทั้งแบบบรรจุถังใช้ตามครัวเรือนหรือกับเครื่องยนต์และแบบกระป๋องสเปรส์ที่นักท่องเที่ยวนำมาใช้หุงต้มขณะทำกิจกรรมแค้มปิ้ง ซึ่งมีส่วนผสมของก๊าซไฮโดรคาร์บอน 2ชนิดคือก๊าซโพรเพนและบิวเทน


 

อันตรายที่เกิดจากสัมผัสก๊าซหุงต้ม อาจก่อให้การเกิดแผลไหม้ ปวดแสบปวดร้อนและมีผลต่อระบบทางเดินหายใจ และตา เช่นเกิดการระคายเคืองที่ระบบทางเดินหายใจและตา โดยเกิดหลอดลมอักเสบ จมูกอักเสบ เยื่อบุตาอักเสบ หากสูดดมเข้าไปจะทำให้ปริมาณก๊าซออกซิเจนในปอดลดลง ส่งผลให้ปริมาณออกซิเจนในเลือดและเนื้อเยื่อต่างๆ ลดลงตามไปด้วย ซึ่งมีผลต่อระบบประสาทส่วนกลาง ทำให้เกิดอาการหายใจสั้น หัวใจ เต้นเร็ว มึนงง ปวดศีรษะ คลื่นไส้ อาเจียน ทรงตัวไม่อยู่ หากขาดออกซิเจนอยู่นาน อาจทำให้เกิดอาการชัก หมดสติ และเสียชีวิตได้

 


ทั้งนี้ ขอแนะนำว่าห้ามนำก๊าซหุงต้มมาสูดดมโดยเด็ดขาด สำหรับผู้ทำงานเกี่ยวข้อง ควรสวมถุงมือและทำงานในที่ที่มีอากาศถ่ายเทได้สะดวกเพื่อลดความเข้มข้นของปริมาณก๊าซหุงต้มที่อาจก่อ ให้เกิดอันตรายได้

ส่วนการปฐมพยาบาล มีดังนี้1.หากสัมผัสกับก๊าซหุงต้มในสภาพของเหลวจะเกิดอาการคล้ายหิมะกัด ต้องรีบทำให้บริเวณที่สัมผัสอบอุ่นขึ้น โดยแช่น้ำร้อนที่อุณหภูมิไม่เกิน 41 องศาเซลเซียส และรีบส่งแพทย์ 2.หากเข้าตาให้ล้างตาด้วยน้ำอุ่นเป็นเวลาอย่างน้อย 15 นาที ถอดคอนแทกส์เลนส์ออก(ถ้ามี) เปิดเปลือกตา โดยให้เปลือกตาอยู่ห่างจากลูกตาเพื่อแน่ใจว่าล้างน้ำอุ่นได้อย่างทั่วถึง และรีบส่งแพทย์ และ 3.หากพบเห็นผู้สูดดมหรือได้รับก๊าซหุงต้มแล้วหมดสติ ต้องเคลื่อนย้ายผู้สูดดมไปยังที่มีอากาศถ่ายเท หากหยุดหายใจหรือหายใจผิดปกติ ให้ผายปอดหรือใช้เครื่องช่วยหายใจ จากนั้นรีบนำส่งแพทย์ทันที

 

‘ที่สำคัญไม่ควรนำสารระเหยดังกล่าวไปใช้ในทางที่ผิด เพราะการเผาไหม้ของก๊าซหุงต้มทำให้เกิดก๊าซหลายชนิดที่อันตรายต่อสุขภาพ  โดยเฉพาะ การสูดดมอาจเกิดการขาดออกซิเจนเฉียบพลัน ทำให้หมดสติหรือเสียชีวิตได้ นอกจากนี้ ยังเป็นอันตรายสะสมระยะยาว เมื่อสูดดมก๊าซจะผ่านจากปอดไปสู่เลือด และจะสะสมในปริมาณสูงที่อวัยวะที่มีไขมันสูง คือสมอง รวมถึงพบการสะสมที่ตับ หัวใจและไต ซึ่งก่อให้เกิดการเสียชีวิตได้ ’อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าว .-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

ล้มล้างการปกครอง

ศาล รธน.มีมติเสียงข้างมากไม่รับคำร้อง “ทักษิณ-พท.” ล้มล้างการปกครอง

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติเสียงข้างมากไม่รับคำร้องของนายธีรยุทธ สุวรรณเกษร ขอให้ศาลวินิจฉัยว่า “ทักษิณ-พรรคเพื่อไทย” ล้มล้างการปกครอง

คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญถกคำร้อง “ทักษิณ-เพื่อไทย” ล้มล้างฯ

จับตา ศาลรัฐธรรมนูญ “รับ/ไม่รับ” คำร้องปม “ทักษิณ-พรรคเพื่อไทย” ใช้สิทธิเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองหรือไม่

อุตุฯ เผยเหนือ-อีสาน อากาศเย็นในตอนเช้า ภาคใต้ฝนตกหนักบางแห่ง

กรมอุตุฯ เผยภาคเหนือ ภาคอีสาน มีอากาศเย็นในตอนเช้า ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนดูแลรักษาสุขภาพเนื่องจากสภาวะอากาศที่เปลี่ยนแปลง ส่วนภาคใต้ มีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง

“เอวา” เสือโคร่งสายแบ๊ว ดาวรุ่งดวงใหม่

หน้าตาที่น่ารักบ้องแบ๊วเหมือนแมวตัวโต ตกหัวใจคนรักสัตว์กันไปเต็มๆ สำหรับน้องเอวา เสือโคร่งสายแบ๊วของเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี นอกจากหน้าตาน่ารักแล้วยังมีความสามารถหลายอย่าง จนกลายเป็นดาวรุ่งดวงใหม่ ที่ผู้คนแห่ไปชมความน่ารักกันอย่างคึกคัก คาดจะช่วยดึงนักท่องเที่ยวไปที่เชียงใหม่ไนท์ซาฟารีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ