แม่วัย17ปีเข้าให้ปากคำบ่ายนี้เหตุทำแท้งลูกทิ้งถังขยะ

กรุงเทพฯ 22 ก.พ.- ตำรวจเตรียมแจ้งข้อหาทำแท้งแม่วัย 17 ปีกินยาขับเลือดก่อนนำศพลูกวัย 8 เดือนทิ้งถังขยะ ส่วนข้อหาฆ่าคนตายโดยไตร่ตรองไว้ก่อนรอผลนิติเวชและสอบปากคำบ่ายวันนี้ คาดเกิดความเครียดเพราะสามีติดคุก


พันตำรวจเอกสิงห์ สิงห์เดช ผู้กำกับการสน.คันนายาว กล่าวถึงความคืบหน้าคดีแม่วัย 17 ปีก่อเหตุกินยาขับเลือดในครรภ์ก่อนนำศพไปทิ้งถังขยะหน้าหมู่บ้านเอื้ออาทรย่านรามอินทราเมื่อ 19 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมาว่า  มูลเหตุของเรื่องนี้มาจากปัญหาสังคม เพราะแฟนหนุ่มของหญิงสาวที่ทำแท้งถูกจับกุมคดีครอบครองยาไอซ์ 11 กรัม ไว้เพื่อเสพและจำหน่ายเมื่อวันที่ 11 มกราคม ที่ผ่านมา อาจเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดความเครียด จึงตัดสินใจซื้อยาขับเลือดมากินเพื่อทำแท้ง

ขณะที่มารดาของเยาวชนหญิงวัย 17 ปี แจ้งวันนี้บุตรสาวจะออกจากโรงพยาบาลและในเวลาเวลา 13.00 น.จะพาบุตรสาวเข้าให้ปากคำกับพนักงานสอบสวน  ซึ่งหากเยาวชนหญิงยอมรับ ว่าได้กินยาขับเลือดเพื่อทำแท้งบุตรในครรภ์จริง ตำรวจก็สามารถแจ้งข้อกล่าวหาได้ทันที เบื้องต้นจะแจ้งข้อหา มาตรา 301 ทำแท้งลูก มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี ปรับ 6,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ส่วนข้อหาฆ่าคนตายโดยไตร่ตรองไว้ก่อนและซ่อนเร้นอำพรางศพต้องรอผลการสอบสวนและผลการชันสูตรพริกศพจากแพทย์นิติเวชโรงพยาบาลตำรวจเสียก่อน  ส่วนขั้นตอนการสอบสวนต้องมีสหวิชาชีพเข้ามาร่วมสอบปากคำด้วย แต่ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความพร้อมของเด็กหญิงวัย 17 ด้วย


S__3186806    ขณะที่บิดาสามีของเยาวชนวัย 17 ปี เปิดใจกับสื่อมวลชนว่า สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องที่รับไม่ได้ จนถึงขณะนี้ 4 วันแล้ว ยังไม่กล้าบอกบุตรชายที่ถูกจับกุมตัวในข้อหาครอบครองยาเสพติด ซึ่งถูกควบคุมตัวอยู่ในเรือนจำ หวั่นกระทบสภาพจิตใจ ส่วนสาเหตุที่ต้องนำคลิปดังกล่าวมาลงโซเชียล เพียงเพื่อต้องการให้เป็นอุทาหรณ์สำหรับสังคม ว่าเหตุการณ์ลักษณะนี้ไม่ควรเกิดขึ้น และที่ผ่านมาตนเป็นคนพาลูกสะใภ้วัย 17 ไปฝากครรภ์ที่โรงพยาบาลด้วยตนเอง ซึ่งหากหลานคนนี้คลอดออกมาก็พร้อมเลี้ยงดูไม่คิดทอดทิ้ง  ยอมรับหลังทราบว่าลูกสะใภ้เข้าโรงพยาบาลได้เดินทางไปหาและสอบถามถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่ลูกสะใภ้ไม่ตอบคำถามใดๆ ยืนยันไม่มีเจตนาจะเอาผิดทางอาญากับลูกสะใภ้ แค่ต้องการให้เรื่องดังกล่าวเป็นอุทาหรณ์สอนใจทุกคนในสังคมไทยเท่านั้น รวมถึงเป็นบทเรียนสำคัญและราคาแพงสำหรับครอบครัวของตนเองด้วย.-สำนักข่าวไทย

 

 


 

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ตัดไฟแก๊งคอลเซ็นเตอร์

PEA ตัดไฟแก๊งคอลเซ็นเตอร์บริเวณชายแดนไทย-เมียนมา 5 จุด

เริ่มแล้ว การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (PEA) รับนโยบาย สมช.สั่งตัดไฟฟ้าแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในฝั่งเมียนมา 5 จุด เมื่อเวลา 09.00 น. วันนี้

บุกจับกำนันหญิงแหนบทองคำ ฉ้อโกง 41 ล้าน

ตำรวจพิษณุโลกเปิดปฏิบัติการ “หักขาไก่” นำ 10 หมายจับ รวบตัว “กำนันหญิงแหนบทองคำ” ประธานกองทุนหมู่บ้าน กับคณะกรรมการกองทุนฯ ร่วมฉ้อโกงประชาชน หลังชาวบ้าน 140 ราย แจ้งความ มูลค่าความเสียหาย 41 ล้านบาท

ชาวเมียวดีหวั่นถูกตัดไฟฟ้า เตรียมเทียนไข-ไฟโซลาร์เซลล์

ชาวบ้านเมียวดี ฝั่งเมียนมา ตรงข้ามชายแดนแม่สอด จ.ตาก หวั่นไทยตัดไฟฟ้า กระทบวงกว้าง เตรียมเทียนไข-ไฟโซลาร์เซลล์-เครื่องปั่นไฟ รับมือ ด้าน PEA ชี้ตัดไฟเมียนมาอาจสูญเปล่า หากไม่พิจารณาให้ครบถ้วน

ข่าวแนะนำ

นายกฯ​ ยกคณะเยือนจีน หารือความร่วมมือรอบด้าน

นายกรัฐมนตรี​ ยกคณะเยือนจีนอย่างเป็นทางการ หารือความร่วมมือรอบด้าน แก้ไขปัญหาแก็งคอลเซ็นเตอร์-อาชญากรรมข้ามชาติ ย้ำไทยปลอดภัยพร้อมต้อนรับนักท่องเที่ยวจีนตลอดปี สานต่อ​รถไฟความเร็วสูง-แลนด์บริดจ์ ขณะที่เตรียมรับแพนด้ายักษ์คู่ใหม่​ และจะไปให้กำลังใจนักกีฬาไทยแข่งเอเชียนเกมส์ฤดูหนาว

ยายวัย 85 ดีใจได้เงินคืน ถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกโอน 2 ล้าน

อายัดบัญชี อดีตข้าราชการครูวัย 85 ปี ดีใจได้เงินคืน หลังถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์อ้างเป็นเจ้าหน้าที่ ก.คลัง หลอกโอนเงิน 2 ล้านบาท

รถทัวร์ชนต้นไม้

รถทัวร์ กทม.-เชียงใหม่ ตกร่องถนนชนต้นไม้ ดับ 2 เจ็บกว่า 30

รถโดยสารกรุงเทพฯ-เชียงใหม่ ขับส่ายไปมา ก่อนเสียหลักตกร่องกลางถนนพุ่งชนต้นไม้ใหญ่ เสียชีวิต 2 ราย เจ็บกว่า 30 คน สาเหตุอยู่ระหว่างตรวจสอบ