กทม.20 ธ.ค.- ในที่สุดเจ้าหน้าที่ก็สามารถนำร่างไร้วิญญาณของคนขับแบคโฮ ออกมาจากใต้ซากอาคารที่ถล่มลงมาในซอยสุขุมวิท 87 ได้แล้ว ส่วนร่างผู้เสียชีวิตรายสุดท้าย ทำได้ค่อนข้างยากลำบาก เพราะถูกแผ่นพื้นคอนกรีต 3 แผ่น หนาแผ่นละ 25 เซนติเมตรทับอยู่
พลตำรวจโทศานิตย์ มหถาวร ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ลงพื้นที่ติดตามความคืบหน้าเหตุอาคารไทยยานยนตร์ มิตซู จำกัด ความสูง 8 ชั้น ในซอยสุขุมวิท 87 ถล่มลงมาระหว่างการรื้อถอน หลังเมื่อเวลา 11.45 น. เจ้าหน้าที่สามารถนำร่างนายบุญแจ้ง เลศละออง อายุ 46 ปี ซึ่งเป็นคนขับรถแบคโฮ ซึ่งศพติดอยู่ในรถ ที่ชั้น 1 ใต้ซากปรักหักพัง โดยต้องขุดลงไปกว่า 3 เมตร จึงนำร่างขึ้นมาได้
พลตำรวจโทศานิตย์ กล่าวว่า แพทย์นิติเวชวิทยา ตรวจสอบสภาพศพ เบื้องต้นคาดว่า นายบุญแจ้ง เสียชีวิตทันทีที่อาคารถล่มลงทับ ส่วนในทางคดี หลังวิศวกรผู้รับเหมาและเจ้าของบริษัทที่รับผิดชอบการรื้ออาคาร เข้ามอบตัว 4 คน ในข้อหากระทำการโดยประมาท จนเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายไปแล้ว หลังจากนี้ตำรวจจะเชิญวิศวกรโยธา มาลงความเห็นเพื่อวิเคราะห์ว่าคดีนี้ควรจะมีผู้ที่เกี่ยวข้องที่ต้องรับผิดชอบเหตุการณ์นี้เพิ่มเติมหรือไม่ ยืนยันว่า ผู้ใดที่มีหน้าที่ต่อการรื้อถอนที่ผิดพลาดครั้งนี้จะต้องได้รับโทษทุกคน ส่วนการเยียวยาครอบครัวของผู้ชีวิต จะประสานกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ มอบเงินช่วยเหลือเยียวยาศพ 100,000 บาท
ด้านนายธเนศ วีระศิริ ที่ปรึกษากรุงเทพมหานคร กล่าวว่า ร่างของนายไพร คะนุนรัมย์ อายุ 38 ปี ผู้สูญหายรายสุดท้าย อยู่ห่างจากร่างของนายบุญแจ้ง ประมาณ 5 เมตร ซึ่งคาดว่าก่อนเกิดเหตุนายไพรน่าจะอยู่ที่ชั้น 4 ของอาคาร จากนี้เจ้าหน้าที่จะนำร่างของนายไพรขึ้นมา แต่มีความยากลำบาก เนื่องจากร่างของนายไพรถูกแผ่นพื้นคอนกรีต 3 แผ่น ความหนาแผ่นละ 25 เซนติเมตรทับอยู่ ทำให้เจ้าหน้าจะต้องใช้ความระมัดระวังในการตัดแผ่นคอนกรีต เพื่อไม่ให้กระทบต่อโครงสร้างอื่น คาดว่าใช้เวลาไม่ต่ำกว่า 6 ชั่วโมงในการเปิดช่องทาง จากนั้นจะประเมินวิธีการนำร่างผู้เสียชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง แต่เบื้องต้นจากการใช้ไฟฉายส่องดูร่างผู้เสียชีวิต พบว่าร่างกายยังอยู่ครบ แต่อาจอยู่ในลักษณะถูกกดทับด้วยคอนกรีตน้ำหนักหลายตัน ซึ่งเจ้าหน้าที่จะพยายามนำร่างผู้เสียชีวิตขึ้นมาในสภาพที่สมบูรณ์ที่สุด เพื่อให้ครอบครัวนำไปประกอบพิธีทางศาสนาต่อไป.-สำนักข่าวไทย