นนทบุรี 25 พ.ย. – นางนันทวัลย์ ศกุนตนาค อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยว่า จากการออกตรวจสอบราคาสินค้า เพื่อป้องปรามไม่ให้ผู้ประกอบการฉวยโอกาสปรับขึ้นราคาสินค้าจากการปรับเพิ่มค่าจ้างขั้นต่ำ 5-10 บาท ใน 69 จังหวัด ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2560 ซึ่งการปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำดังกล่าวส่งผลกระทบต่อต้นทุนและราคาสินค้าน้อยมาก จึงไม่ใช่เหตุผลที่ผู้ประกอบการจะปรับราคาสินค้า ดังนั้น กรมการค้าภายในจึงได้มีมาตรการกำกับดูแลราคาสินค้าอย่างเข้มงวดทุกช่วงการค้าตั้งแต่ราคาโรงงาน ตัวแทนจำหน่าย ผู้ค้าส่ง ผู้ค้าปลีก รวมทั้งจัดสายตรวจในกรุงเทพฯ 9 สาย และภูมิภาคทั่วประเทศลงพื้นที่ตรวจสอบราคาสินค้าอย่างใกล้ชิดและต่อเนื่อง
ทั้งนี้ จากการศึกษาโครงสร้างต้นทุนของราคาสินค้าจากการปรับเพิ่มค่าจ้างขั้นต่ำต่อราคาจำหน่ายปลีกเบื้องต้น พบว่ามีผลกระทบต่อต้นทุนเพียงร้อยละ 0.01 – 1.02 เช่น อาหาร ปรุงสำเร็จ (ข้าวกะเพรา) จานละ 35 บาท มีผลกระทบร้อยละ 0.31 – 0.57 หรือจานละ 11 – 20 สตางค์เท่านั้น นม UHT กล่องละ 12 บาท มีผลกระทบร้อยละ 0.04 – 0.07 หรือกล่องละ 0.004 – 0.008 บาท (ไม่ถึง 1 สตางค์) ผงซักฟอก ถุงละ 63 บาท มีผลกระทบร้อยละ 0.07 – 0.13 หรือถุงละ 4 – 8 สตางค์เท่านั้น แม้แต่สินค้าเสื้อนักเรียน ซึ่งใช้แรงงานสูงในการตัดเย็บก็ยังมีผลกระทบน้อย เช่น ถ้าราคาตัวละ 180 บาท อาจมีต้นทุนเพิ่มขึ้นประมาณตัวละ 0.94 – 1.74 บาท ดังนั้น ราคาสินค้าไม่ควรมีการปรับขึ้นแต่อย่างใด
นอกจากนี้ การที่รัฐบาลปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำจะทำให้ผู้ใช้แรงงานมีรายได้เพิ่มขึ้นเป็นการเพิ่มกำลังซื้อ ทำให้มีสภาพความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ผู้ประกอบการก็จะสามารถจำหน่ายสินค้าได้เพิ่มขึ้น และเมื่อผลิตมากขึ้นก็จะทำให้ต้นทุนต่อหน่วยสินค้าลดลงอีกด้วย.-สำนักข่าวไทย