สมุทรสาคร 21 ส.ค.- รองผู้ว่าฯ สมุทรสาคร ให้ อบต.พันท้ายนรสิงห์ ออกหนังสือสั่งรื้อถอนแล้ว หลังตรวจสอบล่าสุดพบทรุดตัวเกินค่ามาตรฐาน หวั่นถล่มทั้งอาคาร เตรียมเรียกเจ้าของหอพักรับทราบ 24 ส.ค.นี้ วางแผนรื้อถอนให้รัดกุมและปลอดภัยกับบ้านเรือนใกล้เคียง
เมื่อเวลา 16.00 น. (21 ส.ค.) นายธีรพัฒน์ คัชมาตย์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร เปิดเผยภายหลังร่วมตรวจสอบกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอาคารหอพักสูง 3 ชั้น หมู่ 2 ต.พันท้ายนรสิงห์ อ.เมือง ที่เกิดปัญหาทรุดตัวเมื่อค่ำวันที่ 19 ส.ค.ที่ผ่านมาว่า ล่าสุดพบว่าอาคารทรุดตัวลงไปเกินกว่ามาตรฐานที่กำหนดของวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ซึ่งค่ามาตรฐานในเวลา 24 ชั่วโมง ต้องทรุดตัวไม่เกิน 6 มิลลิเมตร แต่ขณะนี้ค่าที่ตรวจสอบมากถึง 8 มิลลิเมตร อีกทั้งยังพบรอยแตกร้าวผนังอาคารชั้น 2 เพิ่มขึ้น ถือว่าเป็นอันตรายอย่างมาก ดังนั้น อบต.พันท้ายนรสิงห์ จึงประกาศห้ามเข้าตัวอาคารเด็ดขาด และยุติการเคลื่อนย้ายของออกจากห้องพักเมื่อเวลา 18.00 น. ของวันที่ 20 สิงหาคมที่ผ่านมา
นายธีรพัฒน์ กล่าวว่า การดำเนินการต่อไปของอาคารหลังนี้ได้มอบหมายให้ อบต.พันท้ายนรสิงห์ ออกหนังสือคำสั่งรื้อถอนอาคาร ลงวันที่ 21 สิงหาคม 2563 จากนั้นวันจันทร์ที่ 24 สิงหาคม ให้เจ้าพนักงานของ อบต.พันท้ายนรสิงห์ (นายก อบต.) เรียกเจ้าของอาคารมารับทราบหนังสือคำสั่งรื้อถอน เพื่อให้เจ้าของอาคารเร่งหาวิศวกรประเมินงานกับผู้รับเหมาจัดทำออกแบบพร้อมนำเสนอแผนการรื้อให้ อบต.พันท้ายนรสิงห์ ทราบ เพื่อให้ความเห็นชอบในการรื้อถอนต่อไป ส่วนการรื้อถอนจะดำเนินการเมื่อใดหรือใช้ระยะเวลาเท่าใดนั้น ต้องเป็นไปภายหลังจากที่มีการเสนอแบบเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
พร้อมกันนี้รองผู้ว่าฯ ราชการจังหวัดสมุทรสาคร ยังกำชับ อบต.พันท้ายนรสิงห์ว่า แบบที่รื้อถอนนั้น นอกจากจะต้องสร้างความปลอดภัยต่ออาคารหรือบ้านเรือนที่อยู่ข้างเคียงแล้ว ยังควรที่จะต้องสามารถให้เจ้าหน้าที่กู้ภัยเข้าไปนำทรัพย์สินของผู้เช่าอาศัย ที่ยังคงติดค้างอยู่ภายในออกมาได้ด้วย
ส่วนสาเหตุของการทรุดตัว นายธีรพัฒน์ กล่าวว่า จากการตรวจสอบของคณะกรรมการชุดเฉพาะกิจ และข้อสรุปของสำนักควบคุมและตรวจสอบอาคารบ่งชี้ว่า สาเหตุไม่น่าจะมาจากเรื่องของการก่อสร้าง แต่เกิดจาก “การวิบัติของฐานราก” คือ จากข้อเท็จจริงพบว่าฐานรากบริเวณด้านหลังของอาคารอยู่ติดกับแอ่งน้ำ เกิดการทรุดตัวอย่างทันทีทันใด ทำให้เกิดการดึงรั้งของโครงสร้างอาคารบริเวณด้านหน้า ส่งผลให้ฐานรากอาคารส่วนที่เหลือทรุดตัวลงมาทั้งหมด ส่วนการวิบัติของฐานรากจะเกิดจากอะไรนั้นต้องตรวจสอบต่อไป หลังจากที่รื้อถอนอาคารแล้ว.-สำนักข่าวไทย