ก.ยุติธรรม 28 พ.ย.-รมว.ยุติธรรม สั่งการอธิบดีดีเอสไอ ประสานกับตำรวจและอัยการ เรื่องการจับกุม พระธัมมชโย ล่าสุดเผยยังอยู่ในวัดพระธรรมกาย
พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม (ยธ.) เปิดเผยถึงความคืบหน้าการดำเนินคดีกับ พระธัมมชโย เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย ในความผิดฐานฟอกเงิน และรับของโจร สหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น จำกัด ว่าได้สั่งการให้ พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ไปประสานกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติและอัยการให้เรียบร้อย เพื่อวางแผนการทำงานไปในทิศ ทางเดียวกัน โดยเมื่ออัยการเห็นควรสั่งฟ้อง ต้องเป็นหน้าที่ดีเอสไอต้องทำงานและหาวิธีการจัดการ แนะนำให้พูดคุยกับทางวัดพระธรรมกายให้เรียบร้อยและไม่อยากใช้มาตรการผิดปกติ
ส่วนข้อสงสัยว่าพระธัมมชโยยังอยู่ในวัดหรือไม่นั้น พล.อ.ไพบูลย์ กล่าวว่าสอบถามเจ้าหน้าที่ก็บอกว่ายังอยู่ในวัดพระธรรมกาย ซึ่งการขอหมายค้นต้องทราบที่อยู่ชัดเจน จึงไม่น่าจะมีปัญหาเรื่องหมายค้น หากยืนยันว่ายังอยู่ก็ต้องไปยืนยันกับศาล ถ้ามั่นใจก็ขอหมายค้นตามขั้นตอนของกฎหมาย ซึ่งครั้งที่แล้วก็ไม่มีปัญหาอะไร ทางตำรวจได้กำหนดกรอบเวลาไว้ถึงสิ้นเดือน พ.ย.นี้ ส่วนดีเอสไอจะกำหนดกรอบเวลาหรือไม่ ไม่อยากให้ใช้คำนี้เพราะการทำงานต้องไปทำให้แล้วเสร็จ แต่ขั้นตอนการทำงานต้องวางแผนให้รอบคอบ ไม่ใช่ว่าคือเส้นตาย แต่คือหน้าที่ของดีเอสไอ เมื่ออัยการสั่งฟ้องเรียบร้อยแล้ว ต้องคุยกับอัยการให้เข้าใจว่าจะให้มอบตัวที่ไหน รวมถึงการคัดค้านประกันตัวก็เป็นหน้าที่ของอัยการเพราะคดีถึงที่นั้นแล้ว ดังนั้นหากถามว่าจะเสร็จสิ้นภายในสัปดาห์นี้หรือไม่ต้องถามดีเอสไอว่าประสานกับ ตำรวจและอัยการอย่างไร หากตำรวจได้ตัวก่อน ดีเอสไอก็ต้องประสานเพราะมีหมายจับเหมือนกัน เมื่อเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมก็ต้องปฏิบัติอย่างเท่าเทียมกัน ไม่มีใครมีสิทธิ์ที่จะไม่ทำ มิฉะนั้นจะเป็นการเลือกปฏิบัติและจะกลายเป็นข้อครหาของสังคม ดีเอสไอจะตอบคำถามอย่างไร ท้ายที่สุดแล้วต้องจัดการให้เรียบร้อยตามกระบวนการยุติธรรม
ส่วนอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษปฏิเสธที่จะให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน .-สำนักข่าวไทย