เชียงราย 28 พ.ย.- นายกรัฐมนตรี ลงพื้นที่จังหวัดเชียงราย เป็นประธานเปิดศูนย์เรียนรู้หมู่บ้านปลอดขยะ Zero Waste บ้านโป่งศรีนคร พบประชาชน ทำความเข้าใจ เดินหน้าตามยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี สร้างความเข้มแข็งด้วยตนเอง อย่าสนใจโรดแม็ปการเมือง 2 ปีที่ผ่านมาลดความขัดแย้งได้ วอนอย่าเชื่อคำบิดเบือน ระบุยังมีขยะสังคมอยู่มาก
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 07.00 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นางอรรชกา ศรีบุญเรือง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม และคณะ ออกเดินทางจากกองการบิน ศูนย์การเคลื่อนย้ายกองทัพบก ดอนเมือง กรุงเทพฯ ไปยังท่าอากาศยานนานาชาติแม่ฟ้าหลวง จังหวัดเชียงราย โดยมีนายบุญส่ง เตชะมณีสถิตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงรายให้การต้อนรับ
เมื่อเดินทางถึง นายกรัฐมนตรีและคณะ เดินทางต่อด้วยเฮลิคอปเตอร์ มาถึงโรงเรียนอนุบาลป่าแดด ต.ป่าแดด อ.ป่าแดด จ.เชียงราย เวลา 09.15 น. ก่อนที่นายกรัฐมนตรี เดินทางด้วยรถยนต์ เลขทะเบียน กง 5959 เชียงราย มายังโรงเรียนบ้านโป่ง อ.ป่าแดด จ.เชียงราย โดยมีข้าราชการ นักเรียนและประชาชนให้การต้อนรับ
จากนั้นนายกรัฐมนตรี ได้พบปะพูดคุยกับประชาชน กล่าวตอนหนึ่งว่า ชื่นใจที่ได้รับรอยยิ้มจากทุกคน และได้รับเสียงปรบมือที่ไม่ได้มาจากการบังคับและการซักซ้อม ที่ผ่านมาได้ส่งใจ และสั่งนโยบายลงมาในทุกจังหวัด ซึ่งตนใฝ่ฝันมาตลอดว่าอยากมาพักผ่อนหลังชีวิตเกษียณที่นี่ แต่ 2 ปีกว่าแล้วยังไม่ได้มา วันนี้จึงมาสร้างความเข้าใจว่า เราจะเดินหน้าประเทศกันอย่างไร ตนมาในฐานะชาวบ้าน ไม่ใช่เจ้านาย
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า จากการรายงานของผู้ว่าฯ ได้มองเห็นอนาคตตามยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ที่วันนี้ก้าวสู่ระยะที่ 1 ของช่วง 5 ปี เพื่อให้อีก 20 ปี ประเทศชาติเดินต่อไปได้ และทุกรัฐบาลที่จะเข้ามาก็ต้องอยู่ในกรอบที่วางไว้ สิ่งสำคัญคือการลดความเหลื่อมล้ำให้ทุกคนยืนหยัดด้วยตัวเอง และนำไปสู่การเป็นสมาร์ท ฟาร์มเมอร์ ในการใช้เทคโนโลยีเข้ามาประกอบ เป็นช่องทางให้ประชาชนเข้าถึงด้วยตัวเอง ไม่ใช่รอสภาพอากาศ และรวมกลุ่มให้ได้ และร่วมมือเดินไปด้วยประชารัฐ ที่ประชาชน ประชาสังคมมาก่อน และมีรัฐบาลเป็นคนสนับสนุน เหมือนพระราชดำรัสของพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 ซึ่งการดำเนินการทุกอย่างรัฐบาลไม่ได้บังคับ แต่อยากให้ทุกคนสมัครใจไปสู่สิ่งที่ดีกว่าให้ได้ แต่ที่ผ่านมาก็มีคนพยายามบิดเบือน
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตนพยายามขับเคลื่อนทุกอย่างไม่ใช่ดีแต่พูด แต่ทำอย่างเต็มที่ ส่วนการเดินหน้าประเทศเป็นไปตามขั้นตอนเดิม ขออย่าเชื่อคำบิดบือน แต่ขึ้นอยู่กับประชาชนว่าต้องการให้เดินหน้าประเทศอย่างไร อำนาจอยู่กับประชาชนไม่ได้อยู่ที่ตน และต้องทำให้คนที่เข้ามาทำต่อให้ได้ รัฐบาล คสช. เข้ามาบริหารประเทศ 2 ปี หลายคนบอกยังไม่เห็นประโยชน์ เพราะยังไม่เกิดประโยชน์กับตัวเอง
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า โครงสร้างต่าง ๆ ยังไม่เกิด แต่ขณะนี้รัฐบาลกำลังทำให้เกิดขึ้นแล้ว สิ่งสำคัญคือโครงสร้างทางความมั่นคง ความสงบเรียบร้อยปลอดภัยของบ้านเมือง ต้องสร้างความมั่นคงให้มีเสถียรภาพ ซึ่งตั้งแต่รัฐบาลเข้ามาการทะเลาะเบาะแว้งลดลงได้ ยกเว้นเรื่องส่วนตัว ซึ่งจะกลับไปสู่ความขัดแย้งแบบเก่าอีกไม่ได้ เพราะทุกคนอยู่ใต้ร่มพระบารมีของสถาบันพระมหากษัตริย์ ซึ่งพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 เสด็จสู่สวรรคาลัย ทุกคนเสียใจ แต่ต้องนำสิ่งที่พระองค์ทำกว่า 70 ปีมาทำให้เกิดประโยชน์ ทั้งเรื่องความมั่นคง การรักษาสิ่งแวดล้อมและการพัฒนาคุณภาพชีวิต ซึ่งรัฐบาลก็พยายามนำมาสานต่อ แม้บางเรื่องจะติดขัดเรื่องเวลาและงบประมาณที่มีอยู่ ไม่สามารถทำทั้งหมดได้ จึงต้องมีโรดแมป เป็นแผนที่นำทาง
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ขอทุกคนอย่าสนใจแต่โรดแมปการเมือง ตนไม่มีการเมือง ไม่ต้องการให้ใครมารักตน แต่ต้องการให้รักประเทศ และแผ่นดิน เพราะแผ่นดินให้ที่ยืนและให้อิสระเสรี แม้มีปัญหาอยู่ แต่อยู่ที่การจัดการ จึงอย่าให้ใครบิดเบือนว่าไม่ได้อะไรจากแผ่นดิน และที่ตนบอกว่าขอเวลาอีกไม่นาน แต่ 2 ปีแล้วยังทำไม่ทันเพราะปัญหามีมาก แต่ต้องทำให้เสร็จและอยากให้ใช้โอกาสที่โศกเศร้าเสียใจรวมพลังให้ได้ทุกเรื่อง
“วันนี้ยังมีขยะสังคมอยู่มาก ประชาชนต้องมาเสพขยะเหล่านั้น ผมไม่ต้องการให้เกิดขึ้นอีก ผมต้องปลุกแรงใจของผมเอง ไม่เช่นนั้นคงเลิกไปนานแล้ว หากผมทำดี แต่กลับมาติติงกัน เป็นธรรมดาที่ไม่ชอบ ซึ่งปัญหาที่เกิดขึ้นมีมาตั้งแต่อดีต แต่ผมไม่โทษใคร แต่โทษที่ไม่ได้สร้างการเรียนรู้ และอย่ารังเกียจข้าราชการเพราะการเมืองเป็นคนนำข้าราชการ” นายกรัฐมนตรี กล่าว
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ในช่วงนี้ขอความร่วมมือ และต้องอยู่กับทหารและข้าราชการไปสักพักด้วยความไว้เนื้อเชื่อใจเพื่อเดินหน้าประเทศให้พ้นกับดักที่มีอยู่ขณะนี้รัฐบาลทุ่มเทศักยภาพทุกอย่าง เช่น มาตรการช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อย ซึ่งจะผิดหรือถูกอยู่ที่กฎหมาย และประชาชนได้ประโยชน์ และจะทุจริตไม่ได้ เพราะโอนเงินผ่านบัญชีโดยตรง ซึ่งจะต้องยื่นคำขอด้วยตัวเอง และขอให้ประชาชนบอกข้อเท็จจริงจะได้จัดสรรงบประมาณได้ตรงกลุ่ม
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การลงพื้นที่วันนี้ ยินดีที่จะมีการเปิดศูนย์ปลอดขยะที่ได้รับรางวัลพระราชทานจากในหลวงรัชกาลที่ 9 เมื่อปี 2558 ซึ่งถือเป็นต้นแบบไปสู่การขจัดขยะมูลฝอยของประเทศ และสอดคล้องกับนโยบายรัฐบาลที่ถือเป็นวาระแห่งชาติ แต่ต้องคิดต่อยอดต่อไป เพื่อไปสู่การปฏิบัติ และให้ความสำคัญเรื่องการปฏิรูปสิ่งแวดล้อม ซึ่งเชื่อมโยงกันทั้งหมด ขณะที่การสร้างโรงงานขยะยังมีข้อขัดแย้ง แต่ต้องดูว่าเกิดประโยชน์กับคนส่วนใหญ่หรือไม่ โรงงานใดทำไม่ถูกระเบียบก็ต้องปรับปรุง หากไม่ดีขึ้นก็จะสั่งปิด คนที่มีหน้าที่ตรวจสอบอย่าปล่อยปะละเลย หากมีระเบียบและกฎหมายแต่ใช้ไม่ได้ จะมีไว้ทำไม จะเอาแต่สิทธิเสรีภาพร้อยเปอร์เซ็นต์จะเดินไปได้หรือไม่ หากไปได้ ตนคงไม่ต้องมายืนพูดอยู่ตรงนี้ แต่ในอนาคตก็ต้องเดินไปตามนั้น
จากนั้น นายกรัฐมนตรี ได้เยี่ยมชมนิทรรศการสินค้าโอท็อปของจังหวัดเชียงราย ทั้งผ้าทอไทลื้อ ผลิตภัณฑ์แปรรูปจากข้าว และเยี่ยมชมการสาธิตวิธีผลิตข้าวแบบโบราณ ของศูนย์วิปัสสนาสากล ไร่เชิญตะวัน โดยมีพระมหาวุฒิชัย วชิรเมธี (ว.วชิรเมธี) ร่วมบรรยาย โอกาสนี้นายกรัฐมนตรี ได้ร่วมโม่ข้าวกล้อง ฝัดข้าว และตำข้าวด้วยครกกระเดื่องแบบโบราณ และกล่าวว่า อยากให้รักษาของเก่าไว้ อย่าทิ้ง เพราะจะได้เห็นว่าคนโบราณทำข้าวกันอย่างไร ขณะที่กลุ่มตัวแทนชาวนาได้พร้อมใจกันท่องคำขวัญชาวนาว่า “ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน” ให้นายกรัฐมนตรีรับฟัง
จากนั้นนายกรัฐมนตรี ได้ขึ้นรถแทรกเตอร์ฟาร์มเยี่ยมชมหมู่บ้านปลอดขยะ Zero Waste บ้านโป่งศรีนคร พร้อมแวะเยี่ยมชมฐานการเรียนรู้สร้างรายได้จากเศษวัสดุเหลือใช้ ฐานการเรียนรู้กลุ่มอาชีพจักสานไม้ไผ่ ศูนย์การเรียนรู้การท่องเที่ยวบ้านโฮมสเตย์ ก่อนที่จะเป็นประธานเปิดศูนย์เรียนรู้หมู่บ้านปลอดขยะ Zero Waste บ้านโป่งศรีนคร
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ชุมชนบ้านโป่งศรีนครได้บริหารจัดการขยะตามแนวทางของรัฐบาลที่รณรงค์ให้กำจัดอย่างถูกวิธีและนำกลับไปใช้ใหม่ เช่น นำขยะไปทำปุ๋ยอินทรีย์ เพื่อการเพาะปลูกพืชผักสวนครัว และนำขยะไปรีไซเคิลทำเป็นกระเป๋าถือเพื่อจำหน่ายสร้างรายได้ให้กับคนในชุมชน จนได้รับรางวัลชนะเลิศระดับประเทศ จากโครงการประกวดชุมชนปลอดขยะ Zero Waste ประจำปี 2559 เพื่อเป็นตัวอย่างให้แก่จังหวัดอื่นๆ ได้เรียนรู้และนำไปประยุกต์ใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อไป.-สำนักข่าวไทย
