คมนาคมเปิดแผนอำนวยความสะดวกหยุดยาว 24 – 28 ก.ค.นี้

กรุงเทพฯ 24 ก.ค. – คมนาคม- สนข.สรุปภาพรวมการเดินทาง พร้อมจัดทำมาตรการอำนวยความสะดวกและความปลอดภัยรองรับการเดินทางของประชาชนในช่วงวันหยุดยาว 24 – 28 ก.ค. คาดคนทะลักเดินทางกว่า 9 ล้านคน



นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เป็นประธานการประชุมหัวหน้าหน่วยงานในสังกัดกระทรวงคมนาคม โดยมีนายชยธรรม์ พรหมศร ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) พร้อมด้วยหัวหน้าหน่วยงานในสังกัดกระทรวงคมนาคม หน่วยงานราชการและรัฐวิสาหกิจเข้าร่วม


ทั้งนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมได้เน้นย้ำให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำสาเหตุการเกิดอุบัติเหตุต่าง ๆ มาวิเคราะห์จัดทำเป็นข้อมูล เพื่อนำไปสู่การแก้ไขปัญหาการเกิดอุบัติเหตุในช่วงวันหยุดครั้งต่อไปและมอบหมายให้กรมทางหลวง การทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) เปิดช่องผ่านทางบริเวณด่านเก็บค่าผ่านทางบนถนนมอเตอร์เวย์ และทางด่วนทุกช่องทาง เพื่อบรรเทาการจราจรติดขัดและเร่งระบายรถที่ติดสะสมบริเวณหน้าด่าน พร้อมทั้งมีการติดป้ายประชาสัมพันธ์อย่างชัดเจน

มอบหมายให้กรมทางหลวง กรมทางหลวงชนบท และ กทพ.คืนพื้นผิวจราจร และหยุดงานก่อสร้างจุดต่าง ๆ เพื่อลดปัญหาจราจรติดขัดและเร่งระบายรถจุดที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างต่าง ๆ  จัดทำป้ายบอกระยะจุดพักรถล่วงหน้า เพื่อแจ้งให้ประชาชนทราบถึงระยะของจุดพักรถ บริเวณจุดพักรถ Rest Area บนถนนมอเตอร์เวย์หมายเลข 7 เพื่อให้รถยนต์ที่ไปใช้บริการสามารถใช้ช่องทางด้านขวาได้ มอบหมายให้กรมการขนส่งทางบกขอความร่วมมือไปยังผู้ประกอบการรถบรรทุกให้งดวิ่งช่วงวันหยุดดังกล่าว และทำการจัดระเบียบการจราจรบริเวณจุดขึ้นเนินต่าง ๆ โดยรถบรรทุกต้องวิ่งชิดซ้าย และที่สำคัญให้ยังคงรักษามาตรการเฝ้าระวังโควิด-19 อย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะระบบขนส่งสาธารณะต่าง ๆ

และเพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกในการเดินทางและช่วยลดค่าครองชีพของประชาชน รัฐบาลได้ยกเว้นค่าธรรมเนียมผ่านทางมอเตอร์เวย์ หมายเลข 7 (กรุงเทพฯ – ชลบุรี – พัทยา) และหมายเลข 9 (บางปะอิน – บางพลี)  และยกเว้นค่าผ่านทางพิเศษบูรพาวิถี และทางพิเศษกาญจนาภิเษก รวม 6 วัน ตั้งแต่เวลา 00.01 น. ของวันที่ 24 กรกฎาคม 2563 ถึงเวลา 24.00 น. ของวันที่ 29 กรกฎาคม 2563 รวมทั้งเพิ่มการยกเว้นค่าผ่านทางพิเศษเฉลิมมหานคร ทางพิเศษศรีรัช และทางพิเศษอุดรรัถยา (บางปะอิน – ปากเกร็ด) ตั้งแต่เวลา 00.01 น. ของวันที่ 27 กรกฎาคม 2563 ถึงเวลา 24.00 น. ของวันที่ 28 กรกฎาคม 2563 ด้วย


นายชยธรรม์ กล่าวว่า เนื่องจากวันที่ 27 กรกฎาคม 2563 เป็นวันหยุดราชการชดเชยวันสงกรานต์ ประจำปี  2563 ประกอบกับวันที่ 28 กรกฎาคม 2563 เป็นวันเฉลิมพระชนมพรรษารัชกาลที่ 10 ทำให้มีวันหยุดยาวต่อเนื่องรวม 4 วัน ระหว่างวันที่ 24 – 28 กรกฎาคม 2563 และคาดว่าจะมีประชาชนเดินทางจำนวนมาก 

ล่าสุด สนข.ได้นำข้อมูลจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาวิเคราะห์และสรุปผลการดำเนินงาน พบว่า ภาพรวมสถิติอุบัติเหตุทางถนนบนโครงข่ายของกระทรวงคมนาคมในช่วงวันหยุดยาวต้นเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ตลอด 4 วัน มีการเกิดอุบัติเหตุ 369 ครั้ง โดยการขับรถเร็วเกินกำหนดถือเป็นสาเหตุหลักของการเกิดอุบัติเหตุสูง ถึงร้อยละ 71 สาเหตุรองลงมาจากตัดหน้ากระชั้นชิดและหลับใน ซึ่งลักษณะของอุบัติเหตุที่เกิดขึ้น 3 ลำดับแรก ได้แก่ รถพลิกคว่ำ รถชนท้าย และรถชนกันหรือเฉี่ยวชน ตามลำดับ  นอกจากนี้ ยังพบว่าถนนทางตรงมีสถิติการเกิดอุบัติเหตุสูงที่สุดถึงร้อยละ 67 เมื่อเทียบกับลักษณะทางประเภทอื่น ๆ สำหรับจังหวัดที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด 3 ลำดับแรก ได้แก่ ชลบุรี 34 ครั้ง สุพรรณบุรี 23 ครั้ง และกรุงเทพมหานคร 21 ครั้ง 

นายชยธรรม์ กล่าวว่า สนข.คาดการณ์ปริมาณการเดินทางของประชาชนด้วยระบบขนส่งสาธารณะในช่วง 5 วัน ระหว่างวันที่ 24- 28 กรกฎาคม 2563 โดยคาดว่าจะมีการจัดบริการขนส่งสาธารณะทั้งทางบก ราง น้ำ และอากาศ รวมประมาณ 230,000 เที่ยว บริการรองรับผู้โดยสาร รวมประมาณ 9 ล้านคน อีกทั้งคาดว่าจะมีผู้เดินทางระหว่างจังหวัดมากขึ้นกว่าช่วงวันหยุดอาสาฬหบูชาและเข้าพรรษาต้นเดือน

โดยการเดินทางในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล รวม 5 วันสะสม จำนวน 6.9 ล้าน (คน – เที่ยว) ได้แก่ 1) รถประจำทาง จำนวน 3.88 ล้าน (คน – เที่ยว) คิดเป็นร้อยละ 56 2) รถไฟฟ้า จำนวน 2.67 ล้าน (คน – เที่ยว) คิดเป็นร้อยละ 43 และ 3) เรือด่วนเจ้าพระยา/คลองแสนแสบ จำนวน 0.07 ล้าน (คน – เที่ยว) คิดเป็นร้อยละ 1 ในส่วนของการเดินทางระหว่างจังหวัดและในจังหวัด รวม 5 วันสะสม จำนวน 2.1 ล้าน (คน – เที่ยว) ได้แก่ 1) รถ บขส./รถหมวด 3 – 4 จำนวน 0.93 ล้าน (คน – เที่ยว) คิดเป็นร้อยละ 44 2) เรือ จำนวน 0.55 ล้าน (คน – เที่ยว) คิดเป็นร้อยละ 26 3) เครื่องบิน จำนวน 0.55 ล้าน (คน – เที่ยว) คิดเป็นร้อยละ 16 และ 4) รถไฟระหว่างเมือง จำนวน 0.28 ล้าน (คน – เที่ยว) คิดเป็นร้อยละ 14

สำหรับมาตรการอำนวยความสะดวกและความปลอดภัยฯ ในช่วงวันหยุดยาวระหว่างวันที่ 24 – 28 กรกฎาคม 2563 จะยังคงดำเนินมาตรการต่าง ๆ ตามแนวทางหลักของช่วงวันหยุดยาวที่ผ่านมา ประกอบด้วย 2 แผนหลัก ได้แก่ แผนรองรับการเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนบุคคลและแผนรองรับการเดินทางด้วยระบบขนส่งสาธารณะ เพื่อให้ประชาชนเกิดความสะดวกและปลอดภัยในการเดินทาง อาทิ การบริการระบบขนส่งสาธารณะต้องเข้าถึงง่าย เพียงพอไม่ล่าช้า ไม่มีผู้โดยสารตกค้าง ไม่โก่งราคา ไม่ทิ้งผู้โดยสาร .-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดังเปิดใช้ชื่อวัดรับบริจาค แต่วัดเบิกไม่ได้

บช.ก. 6 ส.ค. – “บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดัง เปิดรับบริจาค ใช้บัญชีชื่อวัด แต่หมอดูเบิกได้คนเดียว ตามกฎหมายทำไม่ได้ ต้องนำบัญชีมาตรวจสอบเส้นเงิน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกรณีที่มีหมอดูชื่อดังได้เปิดรับบริจาคเงินโดยใช้บัญชี ชื่อวัดพระบาทน้ำพุ แต่คนที่สามารถถอนเงินออกจากบัญชีได้คือหมอดูคนดังกล่าว ทำให้ประชาชนเกิดข้อสงสัยว่า ทำไมเปิดรับบริจาคใช้ชื่อวัดแต่วัดถอนเงินไม่ได้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ตอนนี้มีผู้เสียหายได้มาร้องขอความเป็นธรรมที่ กองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม เรื่องหมอดูคนดังกล่าว และได้มีการพูดคุยกับผู้กำกับกอง 1 ซึ่งกำลังตรวจสอบอยู่ มีการอ้างว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาส อยู่ระหว่างการตรวจสอบ และจะต้องมีการเช็คว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และเจ้าอาวาสนำเงินไปใช้อะไร เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีนี้จะเข้าข่ายคดีฉ้อโกงหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่า คิดว่าน่าจะเข้าข่ายคดีฉ้อโกง แต่ก็ต้องตรวจสอบดูว่าเงินที่รับบริจาคมาเอาไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และถ้าเอาไปให้จริง เจ้าอาวาสนำเงินไปใช้จ่ายอะไรบ้าง ผู้สื่อข่าวถามอีกว่ากรณีที่หมอดูคนดังกล่าว นำชื่อวัดมารับบริจาคเงินแต่หมอดูคนดังกล่าวกับเบิกเงินได้คนเดียว ทั้งที่ชื่อในบัญชีที่รับบริจาคเป็นชื่อวัดกระทำได้หรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่าทำไม่ได้ ถ้าใช้ชื่อบัญชีรับบริจาคเป็นชื่อวัดก็ต้องนำเงินไปให้วัดแล้วคนที่เบิกได้ก็ต้องเป็นวัดเท่านั้น เพราะเป็นเงินวัด เดี๋ยวจะต้องมีการนำบัญชีดังกล่าวมาตรวจสอบว่าเงินที่เข้าในบัญชีเท่าไหร่และวัดได้เท่าไหร่ และการรับบริจาคในลักษณะนี้ ต้องมีกรรมการวัดในการตรวจสอบบัญชี ให้ละเอียด ไม่ใช่อยากรับบริจาคก็จะทำได้เลย. -415-สำนักข่าวไทย

บุกค้นบริษัท ยึดโดรน-อุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น

กทม. 6 ส.ค.-ตำรวจกองปราบ ร่วมกับ กสทช. บุกค้นบริษัทใน จ.สมุทรปราการ ยึดโดรน และอุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น ตำรวจกองบังคับการปราบปราม ร่วมกับเจ้าหน้าที่ กสทช. และพนักงานสืบสวนจังหวัดสมุทรปราการ เข้าตรวจค้นบริษัทแห่งหนึ่ง ในอำเภอเมืองสมุทรปราการ หลังพบขัอมูลว่ามีบริษัทแห่งนี้ผลิตอุปกรณ์ และมีอากาศยานไร้คนขับโดรนไว้จำนวนมาก ต่อมาเมื่อแสดงหมายเพื่อขอตรวจค้น นายกฤษนันท์ ได้แสดงตัวเป็นกรรมการผู้จัดการของบริษัทดังกล่าว เป็นผู้นำตรวจค้น จากการตรวจค้นพบอากาศยานไร้คนขับ หรือโดรน 29 เครื่อง, กระเป๋าตรวจจับสัญญาณ 38 อัน, ปืนรบกวนสัญญาณ 129 กระบอก, เครื่องรบกวนสัญญาณ 16 เครื่อง, รถตู้สำหรับตรวจจับและรบกวนสัญญาณ 1 คัน และอุปกรณ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอีก 50 รายการ โดยของกลางทั้งหมดจะถูกนำไปเก็บไว้ที่กองบังคับการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อนำไปตรวจสอบความถี่ และเอกสารที่เกี่ยวข้อง สำหรับบริษัทดังกล่าว ตำรวจให้ข้อมูลว่า มีเจ้าของโรงงานเป็นคนสัญชาติสิงคโปร์ และมีกรรมการเป็นชาวไทยร่วมด้วย ประกอบกิจการผลิตอุปกรณ์ และอากาศยานไร้คนขับโดรน.-สำนักข่าวไทย

มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงิน

กทม 5 ส.ค.-มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงินอีก “ขจรเกียรติ” ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา ผงาดคุมที่ดิน “เชษฐา” คุม ปภ. โยก “ภาสกร” นั่งผู้ว่าฯ ระยอง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ กระทรวงมหาดไทย เตรียมเสนอให้ ครม.พิจารณาเห็นชอบรวม 5 ตำแหน่ง ประกอบด้วย นายพรพจน์ เพ็ญพาส อธิบดีกรมที่ดิน เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายเชษฐา โมสิกรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายขจรเกียรติ รักพานิชมณี ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา เป็นอธิบดีกรมที่ดิน นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นผู้ว่าฯ ระยอง และนายไตรภพ วงศ์ไตรรัตน์ ผู้ว่าฯ ระยอง เป็นผู้ว่าฯ เพชรบุรี.-319.-สำนักข่าวไทย

เปิดปฏิบัติการค้น 200 จุด ล่าพระทำผิดกฎหมาย

กทม. 5 ส.ค.-ตำรวจสอบสวนกลาง เปิดปฏิบัติการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ลุยค้น 200 จุดทั่วประเทศ ไล่ล่าจับพระทำผิดกฎหมาย 181 เป้าหมาย ล่าสุดจับพระวัดดังย่านคลอง 6 ปทุมธานี พบเอี่ยวองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ในฐานะหัวหน้าศูนย์ป้องกันปราบปรามภัยคุกคามและเสริมสร้างความมั่นคงทางพระพุทธศาสนา สั่งการ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. นำกำลังเจ้าหน้าที่หน่วยงานในสังกัด บช.ก. เปิดปฏิบัติการกวาดลานวัด เข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย กว่า 200 จุด เพื่อจับกุมผู้ต้องหาคดีต่างๆ อาทิ ยักยอกทรัพย์ ฟอกเงิน เมาแล้วขับ หรือ มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการยาเสพติด รวมไปถึงองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ที่หลบหนีมาบวชเป็นพระซ่อนตัวตามวัดต่างๆ ทั่วประเทศ โดยกลุ่มผู้ต้องหาที่เป็นเป้าหมายหลักของปฏิบัติการครั้งนี้ มีด้วยกันทั้งหมด 181 ราย แบ่งเป็น ผู้ต้องหาที่ยังมีสถานะเป็นพระ 154 ราย ในจำนวนนี้มีพระตำแหน่งสูงสุดเป็นระดับเจ้าอาวาส ส่วนผู้ต้องหาที่เคยเป็นพระแต่สึกไปแล้วมีทั้งหมด 27 ราย ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการเข้าดำเนินการจับกุม อย่างไรก็ตามขณะนี้มีรายงานว่า จากปฏิบัติการดังกล่าวขณะนี้เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาคนสำคัญได้รายหนึ่งแล้ว […]

ข่าวแนะนำ

ศาลอาญาฯ อนุญาตปล่อยตัวชั่วคราว “ไฮโซลูกนัท”

กรุงเทพฯ 7 ส.ค. – ศาลอาญาพระโขนง อนุญาตปล่อยตัวชั่วคราว “ไฮโซลูกนัท” ตีราคาประกัน 100,000 บาท หลังตำรวจนำตัวฝากขัง คดียาเสพติด และ พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ พนักงานสอบสวน สน.คลองตัน ยื่นคำร้องต่อศาลอาญาพระโขนง ฝากขังครั้งที่ 1 นายธนัตถ์ หรือ ไฮโซลูกนัท อายุ 33 ปี ผู้ต้องหาคดีกระทำผิดเกี่ยวกับยาเสพติด และ พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ โดยศาลอนุญาตฝากขังตามคำร้อง ซึ่งวันนี้ผู้ต้องหาได้ยื่นคำร้องขอปล่อยชั่วคราว ศาลพิจารณาแล้วมีคำสั่งอนุญาตปล่อยตัวชั่วคราว ตีราคาประกัน 100,000 บาท โดยผู้ต้องหานำเงินสดเป็นหลักประกันตนเอง.-สำนักข่าวไทย

รมว.ต่างประเทศ ย้ำทูตไทยทั่วโลกแจงผลประชุม GBC

7 ส.ค. – รมว.ต่างประเทศ ถกทูตไทยทั่วโลก ชื่นชมผลประชุม GBC กำชับทูตไทยทั่วโลกทำงานเชิงรุก เดินหน้าชี้แจงข้อเท็จจริง บนพื้นฐานของหลักฐานเชิงประจักษ์ ชี้ “ความจริงจะชนะทุกสิ่ง” นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เป็นประธานการประชุมแบบออนไลน์ ร่วมกับ เอกอัครราชทูตไทย ผู้แทนสถานเอกอัครราชทูต และคณะผู้แทนถาวรไทยในต่างประเทศจาก 70 ประเทศทั่วโลก และกรมต่างๆ เพื่อชี้แจงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ทั้งผลการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป General Border Committee หรือ GBC ที่ประเทศมาเลเซีย พร้อมมอบนโยบายและแนวทางในการดำเนินการของกระทรวงฯ และสำนักงานในต่างประเทศ เพื่อแก้ไขปัญหาสถานการณ์ชายแดนดังกล่าวอย่างบูรณาการร่วมกัน นายมาริษ กล่าวถึงผลของการประชุม GBC และข้อตกลงที่เห็นพ้องร่วมกันทั้ง 13 ข้อ ว่าเป็นพัฒนาการและก้าวสำคัญสำหรับการเจรจาการหยุดยิง บรรลุเป้าหมายที่ต้องการในเบื้องต้น ซึ่งต้องขอบคุณมาเลเซีย สหรัฐอเมริกา และจีน ณ ที่นี้ด้วย โดยกระทรวงพร้อมให้การสนับสนุนกระทรวงกลาโหมในการดำเนินการเจรจาต่อไป ซึ่งที่ผ่านมาได้สนับสนุนการดำเนินงานของกระทรวงกลาโหม และทำงานร่วมกันอย่างใกล้ ตั้งแต่การเป็นฝ่ายเลขาฯ การร่างเพื่อเสนอกรอบข้อตกลง โดยหลังจากนี้ไทยพร้อมเปิดรับการเจรจาทวิภาคีผ่านช่องทางทางการทูต เพื่อสนับสนุนภารกิจของกระทรวงกลาโหม ภายใต้เงื่อนไขว่าฝ่ายกัมพูชาเคารพและดำเนินการตามข้อตกลงของการเจรจาหยุดยิงต่อไป […]

ชาวบ้านยังไม่วางใจ แม้บรรลุข้อตกลงหยุดยิง

อุบลราชธานี 7 ส.ค. – ชาวบ้านในพื้นที่ชายแดน จ.อุบลราชธานี ยังไม่วางใจสถานการณ์ แม้ผลประชุม GBC ไทย-กัมพูชา ทั้ง 2 ชาติเห็นพ้องข้อตกลงหยุดยิงแล้ว ค่ำคืนนี้หลายหมู่บ้านยังคงมีคำเตือนให้ออกนอกพื้นที่ หลังบางส่วนทยอยกลับเข้ามา .-สำนักข่าวไทย

กต.อัปเดตสถานการณ์ไทย-กัมพูชา กับทูตไทยทั่วโลก

กระทรวงการต่างประเทศ 7 ส.ค. – กต. นำผลประชุม GBC อัปเดตสถานการณ์ไทย-กัมพูชา กับทูตไทยทั่วโลก เพื่อชี้แจงรัฐบาล-องค์การระหว่างประเทศ พร้อมประเมินระดับความเข้าใจของนานาชาติถึงสถานการณ์ ป้องกันการบิดเบือนข้อมูล นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ แถลงข่าวเกาะติดพัฒนาการสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา โดยได้สรุปผลการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (General Border Committee : GBC) ไทย-กัมพูชา สมัยวิสามัญ ซึ่งนำโดย พลเอก ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม หัวหน้าคณะผู้แทนไทย โดยมีผู้แทนจากมาเลเซีย สหรัฐอเมริกา และจีน ร่วมสังเกตการณ์ ซึ่งการประชุมเป็นกลไกหารือทวิภาคีระหว่างไทย-กัมพูชา ทั้งนี้ ก่อนการประชุม GBC ประธาน GBC ของทั้ง 2 ฝ่าย ได้เข้าเยี่ยมคารวะ นายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย โดยได้ยืนยันว่ามาเลเซีย รวมถึงประเทศสมาชิกอาเซียนต่างๆ เห็นตรงกันว่าสนับสนุนให้ใช้กลไกทวิภาคีแก้ไขปัญหาระหว่างไทย-กัมพูชา สอดคล้องกับท่าทีของไทย ทั้ง 2 ฝ่ายตกลงปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัด โดยไม่เสริมกำลังเพิ่ม หลีกเลี่ยงการกระทำที่ยั่วยุทั้งทางการทหาร […]