จ.เชียงใหม่ 24 ก.ค.-นายกฯ เปิดโครงการปลูกป่าและป้องกันไฟป่า ย้ำราชการทำโครงการต้องโปร่งใส ประชาชนได้ประโยชน์ ไม่เดือดร้อน ตัดปัญหาบุกรุก ทำผิดกฎหมาย แนะปลูกไผ่และไม้มีค่า 58 ชนิด สร้างมรดกให้ลูกหลาน เร่งเก็บน้ำช่วงฤดูฝน
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เยี่ยมชมนิทรรศการ โครงการปลูกป่าและป้องกันไฟป่า ที่อุทยานแห่งชาติน้ำตกบัวตอง-น้ำพุเจ็ดสี อำเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่ และรับฟังบรรยายสรุปพร้อมให้คำแนะนำว่า การทำฝายชะลอน้ำ ฝายตกตะกอน และทุก ๆ อย่างต้องทำอย่างรอบคอบ อย่าให้มีปัญหาการดำเนินโครงการใด ๆ อย่าให้ประชาชนเดือดร้อน โดยเฉพาะเรื่องการทำกิน และขอบคุณประชาชนทุกคนที่ให้ความร่วมมือการดำเนินโครงการต่าง ๆ
“การปลูกป่า ปลูกต้นไม้ต้องติดตาม อย่าปล่อยให้ตายแล้วค่อยมาปลูกใหม่จะต้องดูแล และขอให้ไปดูเรื่องการปลูกไผ่เพิ่มขึ้น ต้องทำให้ครบวงจรโดยเฉพาะอุตสาหกรรมไม้ไผ่ ต้องปลูก แปรรูป จำหน่าย เพื่อสร้างรายได้ให้กับประชาชน เราต้องคำนึกถึงป่าไม้ สิ่งแวดล้อมและประชาชนไปพร้อม ๆ กัน” นายกรัฐมนตรี กล่าว
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ขอบคุณประชาชนที่ให้ความร่วมมือ เราต้องสืบสานและต่อยอดพระราโชบายของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และดีใจที่ข้าราชการ ผู้นำชุมชน และท้องถิ่นร่วมมือกันและคิดอย่างเป็นระบบ เมื่อเราพูดถึงป่า เราต้องพูดถึงน้ำควบคู่กันไป เพราะจุดมุ่งหมายของการรักษาป่าคือเราต้องการมีน้ำ และประชาชนได้ประโยชน์จากป่าและน้ำ พร้อมขอให้รณรงค์เพิ่มเติมปลูกไม้มีค่า 58 ชนิดเพื่อเป็นมรดกให้ลูกหลาน
“ไม่ใช่ว่าคนอยู่กับป่าไม่ได้ สุดท้ายก็จะเกิดปัญหา มีการบุกรุก หาประโยชน์แบบผิดกฎหมาย สุดท้ายก็เกิดเหตุการณ์คนจนต้องติดคุก เพราะเขาไม่สามารถไปหาประโยชน์จากป่าได้ ขอให้ข้าราชการต้องคิดใหม่ทำใหม่ อย่าทำในรูปแบบเดิม ๆ จะทำอะไร ต้องคิดถึงประชาชนเป็นหลัก สอบถามความต้องการของประชาชน เน้นความโปร่งใสให้เกิดการยอมรับ” นายกรัฐมนตรี กล่าว
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ส่วนการแก้ปัญหาน้ำมีหลายอย่าง ต้องกลับมาคิดกันใหม่ อย่าทำเฉพาะโครงการใหญ่เพียงอย่างเดียว เราต้องทำโครงการเล็กควบคู่กันไปเพราะจะทำได้ง่ายกว่า เช่น การจูงน้ำเราต้องเร่งทำ เพราะขณะนี้ฝนตกใต้เขื่อนและนอกเขตชลประชนทาน ดังนั้น ช่วงที่เหลืออีก 2 เดือนจะทำอย่างไรเก็บน้ำในฤดูฝนให้ได้มากที่สุด อย่าปล่อยให้เสียเปล่า และรณรงค์ให้ขุดบ่อในบ้านร่วมมือกันทำแบบจิตอาสา
จากนั้นนายกรัฐมนตรี กล่าวถวายพระพรพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษา 68 พรรษา 28 กรกฎาคม 2563 และเปิดโครงการปลูกป่าและป้องกันไฟป่า โดยนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงให้ความสำคัญเรื่องน้ำและป่า เนื่องจากการสูญเสียพื้นที่ป่าต้นน้ำเป็นสาเหตุหลักที่แท้จริงของปัญหาอุทกภัยและภัยแล้งที่เกิดขึ้นในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา โดยพระราชทานแนวพระราชดำริตลอดจนพระราชทานทรัพย์สินส่วนพระองค์ เพื่อเยียวยาผลกระทบจากปัญหาอุทกภัยและภัยแล้งในหลายพื้นที่ และเพื่อให้ทุกภาคส่วนร่วมกันแก้ไขปัญหาอย่างรวดเร็วและยั่งยืน จึงมีพระมหากรุณาธิคุณมอบหมายให้ศูนย์อำนวยการใหญ่จิตอาสาพระราชทานเป็นหน่วยงานหลักในการประสานกับทุกหน่วยงาน เพื่อร่วมดำเนินการโครงการปลูกป่าและป้องกันไฟป่า
“รัฐบาลน้อมนำแนวพระราชดำริการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ โดยเฉพาะทรัพยากรป่าไม้มาใช้เป็นแนวทางการกำหนดและขับเคลื่อนนโยบาย โดยผลการดำเนินงานอนุรักษ์และฟื้นฟูทรัพยากรป่าไม้ที่ผ่านมาตั้งแต่ ปี 2557 จนถึงปัจจุบันได้หยุดยั้งการบุกรุกทำลายทรัพยากรป่าไม้ของกลุ่มนายทุนและผู้มีอิทธิพล ยึดคืนพื้นที่ป่ามาได้อย่างต่อเนื่อง ตลอดจนได้น้อมนำแนวทางการอนุรักษ์ทรัพยากรป่าไม้ โดยให้คนอยู่กับป่าอย่างสมดุลและยั่งยืน ส่งเสริมให้ภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมบริหารจัดการ ซึ่งผลสัมฤทธิ์จากทรัพยากรป่าไม้และพื้นที่สีเขียวที่เพิ่มขึ้น จะส่งเสริมให้พี่น้องประชาชนอยู่ในสิ่งแวดล้อมที่ดีและมีคุณภาพชีวิตที่ดีต่อไป” นายกรัฐมนตรี กล่าว
นายกรัฐมนตรีกล่าวเชิญชวนประชาชนและหน่วยงานทุกภาคส่วนปลูกต้นไม้ทั่วประเทศ เพื่อถวายแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ซึ่งเป็นกิจกรรมที่ทุกคนจะได้ร่วมมือกันแสดงออกถึงความจงรักภักดี ช่วยกันทำดี ฟื้นฟูป่า ปลูกป่า โดยร่วมมือกันตามนโยบายของรัฐบาล คือรวมไทยสร้างชาติที่ทุกคนต้องมีส่วนร่วม ในโอกาสนี้นายกรัฐมนตรีและคณะ ร่วมปลูกต้นสัก ปลูกกล้วยไม้ (เขากวางอ่อน) พร้อมกับเยี่ยมชมฝายชะลอน้ำ และทำโป่งเทียม โดยนายกรัฐนตรีได้ทักทายกับประชาชนจิตอาสาตลอดการทำกิจกรรม.-สำนักข่าวไทย