ปิดคดี “โทโมโกะ” ผ่านไป 14 ปี พบคนร้ายไม่ใช่คนไทย

ก.ยุติธรรม 23 ก.ค.-  ปิดคดี “โทโมโกะ” นักท่องเที่ยวชาวญี่ปุ่น ที่ถูกฆ่าในอุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย หลังผ่านมา 14 ปี ตรวจดีเอ็นเอเกือบ 400 ราย สุดท้ายพบโครโมโซมในดีเอ็นเอคนร้ายไม่ใช่คนไทย แต่เป็น 7 กลุ่มชาติพันธุ์ในเอเชียตะวันออก เน้นญี่ปุ่น – จีน เตรียมส่งต่อตำรวจสากล  ด้าน หัวหน้านายตำรวจญี่ปุ่นขอบคุณไทยให้ความสำคัญ รับไปดำเนินการต่อ    ขณะที่ สมศักดิ์” บอกกู้ศักดิ์ศรีชาวสุทัยไม่ทำร้ายนักท่องเที่ยวได้แล้ว


นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม  แถลงความคืบหน้าคดีฆาตกรรม น.ส.โทโมโกะ คาวาชิตะ นักท่องเที่ยวชาวญี่ปุ่น ที่ถูกคนร้ายฆ่าปาดคอ แล้วทิ้งศพไว้ข้างทาง ขณะขี่รถจักรยานไปเที่ยววัดสะพานหิน ภายในอุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย เหตุเกิดเมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน  2550  โดยการแถลงข่าวครั้งนี้ เป็นการแถลงร่วมกับ นายโทโมยูกิ ฟูจิยามะ หัวหน้านายตำรวจญี่ปุ่น เลขานุการเอก และนายฮิโรยูกิ มูระมัตสึ เลขานุการโท และกงสุล  พ.ต.ท.วรรณพงษ์ คชรักษ์ ผู้อำนวยการสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ และ พ.ต. ท.กรวัชร์ ปานประภากร อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ)


นายสมศักดิ์  กล่าวว่า การสืบสวนสอบสวนคดีดังกล่าว ดำเนินการออกเป็น 4 ช่วง หลังเกิดเหตุผ่านมา 14 ปี มีการตรวจดีเอ็นเอบุคคลที่คาดว่าเกี่ยวข้องกับคนร้าย ซึ่งตรวจพบจากขอบกางเกงด้านหลังของ น.ส.โทโมโกะ ประกอบกับขวดน้ำช้างศึก ซึ่งเป็นขวดน้ำที่ผลิตขึ้นในพื้นที่ของตชด. ได้มีการตรวจสอบเจ้าหน้าที่ ตชด. และชาวบ้านละแวกนั้น รวม 200 ราย จนมาถึงวันที่ 24 ก.ค. 2552 ตำรวจได้งดการสืบสวนสอบสวน หลังไม่พบความจริง

นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ต่อมามีการสืบสวนต่อ ช่วงที่ 2 คือ ปี 2556 ที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาได้ของให้ดีเอสไอรับคดีดังกล่าวเป็นคดีพิเศษ เนื่องจากกระทบต่อการท่องเที่ยว เพราะไม่มีนักท่องเที่ยวญี่ปุ่นเดินทางไปเที่ยวที่ จ.สุโขทัย จึงได้มีการตรวจดีเอ็นเอผู้เกี่ยวข้องเพิ่มขึ้นอีก 146 ราย รวมเป็น 336 ราย ก็ยังไม่พบเบาะแส แต่ได้มีการงดการสอบสวนชั่วคราว เมื่อวันที่ 26 กันยายน  2559 แต่การสืบสวนยังดำเนินการต่อ 

นายสมศักดิ์ กล่าวว่า  ช่วงที่ 3 เมื่อปี 2560 มีผู้แจ้งเบาะแสผ่านเว็ปไซต์ดีเอสไอ  ดีเอสไอจึงดำเนินการสอบสวน  โดยได้ตรวจดีเอ็นเอพ่อค้าในพื้นที่เพิ่มอีก 2 ราย และต่อมา ช่วงที่ 4 คือ ปี 2562 ซึ่งเป็นช่วงที่ตนมารับตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม และเป็นชาว จ.สุโขทัย ก็ได้คุยกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ และได้ข้อมูลว่า ผู้ต้องสงสัยน่าจะเป็นคนงานของฟาร์มหมูในละแวกนั้น โดยได้เก็บดีเอ็นเอของญาติคนงานฟาร์มหมู เนื่องจากคนงานฟาร์มหมูคนดังกล่าวเสียชีวิตไปแล้ว จึงได้มีการเก็บดีเอ็นเอพี่ชาย  พี่สาว และลูก ซึ่งครอบครัวดังกล่าวอยู่ที่ไต้หวัน โดยเก็บดีเอ็นเอเพิ่มขึ้นอีก 14 ราย 


“รวมตลอด 4 ช่วงของการสืบสวนคดีดังกล่าว มีการเก็บดีเอ็นเอได้ 379 ราย เมื่อได้ตรวจสอบ กลับปรากฎว่าไม่ตรงกับดีเอ็นเอที่ขอบกางเกงของ น.ส.โทโมโกะ จึงได้เปลี่ยนการสืบสวนสอบสวนใหม่ โดยนำดีเอ็นเอไปปรึกษากับนักพันธุศาสตร์” นายสมศักดิ์ กล่าว

ด้าน พ.ต.ท.วรรณพงษ์ กล่าวว่า ครั้งล่าสุดเมื่อปี 2562 ได้สกัดโครโมโซมจากดีเอ็นเอที่ขอบกางเกงของ น.ส.โทโมโกะ พบเป็นโครโมโซม Y จำนวน 16 จุด แล้วนำไปพิสูจน์ทางวิชาการ วิเคราะห์ แล้วพบว่า เป็นชาติพันธุ์กลุ่มประชากรในเอเชียตะวันออก ซึ่งมี 7 กลุ่มประเทศ แต่ที่ยืนยันได้คือใน 7 กลุ่มไม่มีประเทศไทย 

ส่วน พ.ต.ท.กรวัชร์ กล่าวว่า คดีนี้เกิดชึ้นที่ประเทศไทย เป็นความรับผิดชอบของทางการไทย เมื่อไม่ปรากฎว่าผลตรวจดีเอ็นเอเป็นของคนไทย ก็จะประสานไปยังตำรวจสากล และตำรวจญี่ปุ่น เพื่อมอบให้ดำเนินการต่อ เพราะว่ากฎหมายและต่างชาติแตกต่างกัน

ขณะที่ นายโทโมยูกิ  กล่าวขอบคุณทางการไทย ที่ให้ความสำคัญกับการสืบสวนคดี แต่น่าเสียดายที่ผลการตรวจดีเอ็นเอไม่สามารถระบุตัวคนร้ายได้  แต่ก็เป็นผลดีของการสืบสวนต่อ ซึ่งทางการญี่ปุ่นยินดีที่จะประสานเรื่องการไขคดีกับดีเอสไอต่อไป  

เมื่อถามว่า ในช่วงเวลาเกิดเหตุ มีผู้ต้องสงสัยใกล้ชิดกับ น.ส.โทโมโกะ เดินทางออกนอกประเทศกี่คน พ.ต.ท.กรวัชร์ กล่าวว่า จากการสืบสวนพบว่า มีผู้ใกล้ชิดกับเหตุการณ์เป็นนชาวญี่ปุ่น เดินทางออกนอกประเทศ 1 ราย ซึ่งชายคนดังกล่าวเป็นเพื่อนกับ น.ส.โทโมโกะ แต่ไม่ให้ความร่วมมือในการตรวจดีเอ็นเอในครั้งนั้น โดยบุคคลดังกล่าวอยู่ที่ญี่ปุ่น และยังมีชีวิตอยู่ เชื่อว่าจะสามารถติดตามตัวมาตรวจดีเอ็นเอได้ ส่วนที่มีการระบุว่า พบชาวเกาหลีใต้เข้าไปเกี่ยวข้องด้วยนั้น ดีเอสไอจะตรวจสอบรายละเอียดอีกครั้ง

นายโทโมยูกิ  กล่าวว่า ผลการวิเคราะห์ฐานข้อมูลดีเอ็นเอของไทย  ทำให้ทราบว่า คนร้ายน่าจะเป็นเชื้อชาติพันธุ์เอเชียตะวันออก และมีความเป็นไปได้ว่าไม่ใช่คนไทย แต่ก็ไม่ได้ตัดสินว่าคนร้ายจะเป็นคนชาติไหน ทางการญี่ปุ่นยินดีที่จะสืบสวนต่อ แต่คดีนี้อยู่ระหว่างการสืบสวน การจะให้ระบุว่า จะบังคับให้ชายญี่ปุ่นคนดังกล่าวมาตรวจดีเอ็นเอได้หรือไม่นั้น ไม่ใช่เวลาที่เหมาะสม 

ขณะที่ นายสมศักดิ์  กล่าวย้ำว่า ในการสืบสวนคดี ยืนยันว่าดีเอ็นเอ ที่ตรวจ ไม่มีคนไทยเกี่ยวข้องแน่นอน มั่นใจว่าจะปิดคดี  จ.สุโขทัย เป็นบ้านเกิดของตน การดำเนินการในเรื่องการสืบสวนคดีนี้ และผลที่ออกมา ถือว่าเป็นการกู้ศักดิ์ศรีความเป็นคนสุโขทัย ไม่ทำร้ายนักท่องเที่ยว ทำความชัดเจนให้ปรากฎ  การสอบสวนในเมืองไทยสมบูรณ์ คนไทยรอดตัวแล้ว 

ด้าน นพ.วรวีร์ ไวยวุฒิ ผู้อำนวยการกองมาตรฐานนิติวิทยาศาสตร์และผู้อำนวยการกองสารพันธุกรรม กล่าวว่า น้ำยาใหม่ที่ใช้ตรวจสอบสกัดหารูปแบบสารพันธุกรรม คือ น้ำยา Yfiler Plus   มีระดับผลความแม่นยำ 99.99% ซึ่งผลจากการสกัดดีเอ็นเอขอบกางเกงด้านหลังข้างขวาของ น.ส.โทโมโกะ พบว่าเข้ากับลักษณะพันธุกรรมที่มีเอกลักษณ์ดีเอ็นเอของคนชาติพันธุ์กลุ่มประเทศเอเชียตะวันออก ได้แก่ ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และจีน  แต่มีลักษณะคล้ายคลึงกับชาวญี่ปุ่น และเกาหลีใต้มากกว่า   .- สำนักข่าวไทย   

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ชูความสำเร็จทีมไทยแลนด์ ปิดดีลภาษีสหรัฐที่ 19%

ทำเนียบ 1 ส.ค.-โฆษกรัฐบาล เผย ปิดดีลภาษีนำเข้าสหรัฐสำเร็จที่ 19% เกาะกลุ่มระดับใกล้เคียงกับประเทศในภูมิภาค ชู เป็นอีกหนึ่งความสำเร็จสำคัญของทีมไทยแลนด์ ในแนวทาง Win-Win นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลไทยสามารถเจรจาและบรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับอัตราภาษีนำเข้าต่างตอบแทน (Reciprocal Tariffs) กับสหรัฐอเมริกาได้สำเร็จ โดยขณะนี้ รัฐบาลสหรัฐได้ประกาศแล้วว่าจะเรียกเก็บอัตราภาษีนำเข้าฯ จากสินค้าของไทยในอัตรา 19 % ซึ่งข้อตกลงดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันนี้วันที่ 1 สิงหาคม 2568 เป็นต้นไป นายจิรายุ กล่าวว่า อัตราภาษีดังกล่าวที่ ต่ำกว่า อัตราเดิม 36 % และเกาะอยู่อยู่ในระดับใกล้เคียงกับประเทศในภูมิภาค อาทิ เวียดนาม ฟิลิปปินส์ และญี่ปุ่น สามารถรักษาการแข่งขันได้ เมื่อเทียบกับประเทศอื่นในภูมิภาคอาเซียน ซึ่งได้เจรจากับสหรัฐสำเร็จแล้วก่อนหน้านี้ “การปิดดีลครั้งนี้ของรัฐบาลไทย ในระดับภาษีนำเข้าฯ ไว้ที่ 19% ถือเป็นอีกหนึ่งความสำเร็จสำคัญของทีมไทยแลนด์ ในแนวทาง Win-Win เพื่อรักษาฐานการส่งออกและเสถียรภาพทางเศรษฐกิจของประเทศในระยะยาว ย้ำถึงศักยภาพของประเทศไทยในเวทีการค้าโลก ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงในนโยบายการค้าระหว่างประเทศ” นายจิรายุกล่าว […]

รพ.สรรพสิทธิประสงค์ แจ้งยกเลิกรับผู้ป่วยกัมพูชาชั่วคราว

อุบลราชธานี 31 ก.ค. – โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี ออกหนังสือขอยกเลิกการให้บริการผู้ป่วยชาวกัมพูชา และยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา เนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งส่งผลต่อความมั่นคงของประเทศ เมื่อวานนี้ (30 ก.ค.) พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ลงพื้นที่เยี่ยมให้กำลังใจผู้ได้รับบาดเจ็บจากสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา พร้อมทั้งให้กำลังใจแก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติ งานด้านการแพทย์และพยาบาล ณ โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี นายแพทย์ มนต์ชัย วิวัฒนาสิทธิพงศ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร ให้การต้อนรับและรายงานความคืบหน้าการดูแลรักษาผู้ได้รับบาดเจ็บ รวมถึงการเตรียมความพร้อมด้านการรักษาพยาบาลรองรับสถานการณ์ฉุกเฉินในพื้นที่ชายแดน รพ.สรรพสิทธิประสงค์ แจ้งยกเลิกรับผู้ป่วยกัมพูชาชั่วคราวขณะที่ในวันเดียวกัน โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ ได้ออกเอกสารขอยกเลิกการให้บริการผู้ป่วยชาวกัมพูชา และยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา ใจความในหนังสือว่า “โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ได้ให้การตรวจรักษาพยาบาลแก่ผู้ป่วยทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ รวมถึงผู้ป่วยชาวกัมพูชาที่เดินทางเข้ามารักษาอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งส่งผลต่อความมั่นคงของประเทศ และจากมติที่ประชุมคณะกรรมการคลินิกพิเศษนอกเวลาราชการ โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ มีมติดังนี้ 1.ยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา และจิตอาสาภาษาต่างประเทศ2.ปิดการให้บริการ SMC Premium ชั่วคราว3.ยกเลิกการรับยาแทน และงดรับเคสใหม่ผู้ป่วยชาวกัมพูชา4.ผู้ป่วยชาวกัมพูชาที่ยังนอนอยู่ในโรงพยาบาลให้จำกัดพื้นที่ชัดเจน ในการนี้ให้มีผลตั้งแต่วันที่ 31 กรกฎาคม 2568 ถึงวันที่ 10 […]

รมช.มท. โฟนอินผู้ว่าฯ อุบลฯ ตอบกลางสภา ยันไม่มีปัญหาเบิกจ่ายงบ

รัฐสภา 31 ก.ค.-สส.ศรีสะเกษ ภูมิใจไทย ทวงถามเงินช่วยเหลือเยียวยาจังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชา ชี้ตั้งแต่วันแรกยังไม่ได้เงินรัฐบาลสักบาท ซัด “ผู้ว่าฯ อุบล” อ้างกลัวติดคุกไม่กล้าเบิกงบ ด้าน รมช.มหาดไทย ต่อสายโฟนอิน ผู้ว่าฯ ตอบกลางสภา ยืนยันไม่มีปัญหาเบิกจ่ายงบ ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่ประธานการประชุม พิจารณากระทู้ถามสดด้วยวาจา โดยนายธนา กิจไพบูลย์ชัย สส.ศรีสะเกษ พรรคภูมิใจไทย สอบถามกรณีเหตุปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งนายกรัฐมนตรี มอบหมาย นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย เป็นผู้ตอบกระทู้ แต่เนื่องจากนายภูมิธรรม ติดภารกิจจึงมอบหมายให้ น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รมช.มหาดไทย ชี้แจงแทน นายธนา กล่าวว่า จากเหตุปะทะบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ส่งผลกระทบต่อประชาชนในพื้นที่ 4 จังหวัดชายแดน ทั้งศรีสะเกษ สุรินทร์ บุรีรัมย์ และอุบลราชธานี ตั้งแต่เกิดเหตุจนถึงขณะนี้ ยังไม่มีงบประมาณจากส่วนกลางลงพื้นที่แม้แต่บาทเดียว ทุกวันนี้เราอาศัยเงินบริจาคเป็นหลัก และนำงบขององค์การปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) […]

ทูตไทยตอบโต้กัมพูชา หลังยกกรณีปัญหาชายแดนที่ยูเอ็น

นิวยอร์ก 31 ก.ค. – เอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรไทยประจำองค์การสหประชาชาติ โต้ผู้แทนกัมพูชา ซึ่งหยิบประเด็นชายแดนไทย-กัมพูชา ขึ้นพูดผิดกาลเทศะ ผิดวาระ ในที่ประชุมสหประชาชาติ วาระสำคัญของการประชุมระดับสูงระหว่างประเทศในเวทีสหประชาชาติ ที่นครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐ เมื่อวานนี้ คือการผลักดันเพื่อระงับข้อพิพาทปัญหาปาเลสไตน์โดยสันติวิธี แต่ปรากฏว่านาย เจีย แก้ว เอกอัครราชทูตกัมพูชาประจำสหประชาชาติ กลับพูดในประเด็นที่ไม่เกี่ยวข้องกับวาระการประชุม โดยพาดพิงถึงไทยเกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา นายเชิดชาย ใช้ไววิทย์ เอกอัครราชทูต ผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ จึงกล่าวตอบโต้โดยชี้แจงข้อมูลความจริงในประเด็นที่กัมพูชาละเมิดข้อตกลงหยุดยิง โดยระบุว่า เป็นที่น่าเสียดายที่มีคณะผู้แทนหยิบยกประเด็นที่ไม่เกี่ยวข้องขึ้นมาในที่ประชุม ซึ่งเป็นเวทีที่หลายฝ่ายรอคอย และมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการสนับสนุนจากประชาคมระหว่างประเทศต่อการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและปาเลสไตน์อย่างเป็นธรรม ถาวร และครอบคลุม ผ่านแนวทางสันติวิธีโดยการดำเนินการตามแนวทางสองรัฐ นายเชิดชาย กล่าวในที่ประชุมว่า ประเทศไทยไม่ได้มีเจตนาจะนำเรื่องทวิภาคีเข้าสู่เวทีสำคัญดังกล่าว แต่ต้องขอชี้แจงข้อเท็จจริงเพื่อป้องกันความเข้าใจผิด โดยย้ำว่าเมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2568 ไทยและกัมพูชา ได้บรรลุข้อตกลงหยุดยิง โดยได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ในฐานะประธานอาเซียน แต่หลังจากที่ข้อตกลงหยุดยิงมีผลบังคับใช้ในวันที่ 29 กรกฎาคม อีกฝ่ายกลับใช้อาวุธข้ามพรมแดน และบุกรุกเข้ามาในดินแดนของไทยอีกครั้ง ซึ่งถือเป็นการละเมิดข้อตกลงอย่างร้ายแรง ประเทศไทยจึงขอเรียกร้องให้ประเทศเพื่อนบ้านปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัด และยืนยันความมุ่งมั่นของไทยที่จะใช้กลไกทวิภาคีที่มีอยู่ในการแก้ไขปัญหา หลีกเลี่ยงการเผยแพร่ข้อมูลที่เป็นเท็จหรือทำให้เข้าใจผิด และให้มีส่วนร่วมด้วยเจตนาดี.-810.-813.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

กองทัพภาคที่ 2 แชร์ข้อมูลอาวุธไฮเทคสำหรับยิงโดรน

นครราชสีมา 2 ส.ค.-กองทัพภาคที่ 2 แชร์ข้อมูลอาวุธสำหรับกำจัดโดรนโดยเฉพาะ ซึ่งล่าสุดได้ทดสอบระบบ ณ กองบิน 1 ศูนย์ทดสอบอาวุธทางอากาศ เรียบร้อยแล้ว ด้านชาวอุดรธานี แห่บริจาคหนังสติ๊กพร้อมลูกแก้ว ตามที่ทหารขอมาจำนวนมาก หลังทหารกัมพูชายังก่อกวน ยั่วยุ ทั้งขว้างก้อนหินใส่ และมีโดรนปริศนามาบินอีก จากกรณีที่ช่วงนี้ มีการตรวจพบโดรนไม่ทราบฝ่าย เข้ามาบินตรวจการณ์ในพื้นที่ที่ตั้งทางทหาร ทำให้หลายฝ่ายมีความกังวล และสงสัยว่าอาจเป็นภัยคุกคามร้ายแรงจากประเทศเพื่อบ้าน ที่กำลังมีปัญหาระหว่างประเทศกับประเทศไทย ทำให้เมื่อวานเพจกองทัพภาคที่ 2 ได้แชร์ข้อมูลอาวุธสำหรับกำจัดโดรนโดยเฉพาะ ซึ่งล่าสุดได้มีการทดสอบระบบ ณ กองบิน 1 ศูนย์ทดสอบอาวุธทางอากาศ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยเมื่อวานนี้ (1 ส.ค.68) เฟซบุ๊กเพจ กองทัพภาคที่2 ได้แชร์ข้อมูลเพจ SMART Soldiers Strong ARMY พร้อมระบุข้อความว่า “หากศัตรูซ่อนตัวในเงามืด เราจะเป็นแสงที่มองเห็นมันก่อนใคร”เลเซอร์พร้อมยิง — ทหารไทยพร้อมรบโดยอาวุธชนิดนี้ คือ Directed Energy Weapon หรือ (DEW) เป็นอาวุธยุคใหม่ที่กองทัพอากาศไทยพัฒนาขีดความสามารถอย่างต่อเนื่อง […]

โฆษก ทบ. ซัดเขมรบิดเบือน กล่าวหาไทยทำร้าย 2 ทหารเขมร

2 ส.ค. – โฆษกกองทัพบก ซัด เขมรบิดเบือน กล่าวหาไทยทำร้าย 2 ทหารเขมรจนพิการและมีปัญหาทางจิต ยันมีหลักฐานชัดทำทุกอย่างภายใต้กติกาสากล จากกรณี สื่อกัมพูชาปั่นข่าวหนักโจมตีกล่าวหาไทย อ้างว่าปฏิบัติโหดกับ 2 ทหารกัมพูชาที่ถูกส่งกลับ จนพิการและมีปัญหาทางจิต พร้อมจะยื่นเรื่องถึงยูเอ็นนั้น ล่าสุดเมื่อเวลา 11.08 น. วันที่ 2 ส.ค.68 พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก กล่าวว่า กรณีที่ทหารไทยจับกุม และควบคุมตัว ทหารกัมพูชา ภายหลังจากข้อตกลงหยุดยิง โดยกล่าวหาว่าไทยทำร้ายร่างกายอย่างไม่เป็นธรรมทำก่อนส่งกลับนั้น เป็นเพียงคำกล่าวหา บิดเบือนจากฝ่ายกัมพูชา และการหยุดยิงแบบฉับพลัน แต่สถานการณ์ความขัดแย้งที่มีการใช้อาวุธต่อกัน ยังไม่สิ้นสุดลงอย่างแท้จริงตามกฎหมายสากล กระบวนการฝ่ายทหารในการควบคุมตัวไว้ก่อน จึงยังสามารถทำได้ตามอนุสัญญาเจนีวา พล.ต.วินธัย กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ในส่วนของกองทัพบก มีแผนและพร้อมที่จะเชิญองค์กรระหว่างประเทศ เช่น ICRC มาดูความเป็นอยู่ของเชลยศึกที่ถูกควบคุมตัว ซึ่งอยู่ในกรอบการดำเนินการตามขั้นตอนของอนุสัญญาเจนีวาอย่างสมบูรณ์ และชัดเจน หากกังวลเรื่องความเป็นอยู่ เพราะรู้เท่าทันว่าฝ่ายกัมพูชาจะนำเรื่องนี้ไปบิดเบือนทำลายความน่าเชื่อถือฝ่ายทหารไทย ทางผู้แทน UNHCR และ ICRC จึงสามารถขอเข้ามาดูได้ […]

ชาวบ้านร่วมวางดอกไม้ไว้อาลัยเหตุกัมพูชายิงจรวดใส่ร้านสะดวกซื้อ

ศรีสะเกษ 2 ส.ค.-เช้านี้บรรยากาศที่ปั๊มน้ำมันบ้านผือ อ.กันทรลักษ์ เต็มไปด้วยความสลด ชาวบ้านร่วมกิจกรรมวางดอกไม้แสดงความไว้อาลัยผู้เสียชีวิต จากเหตุถูกกัมพูชายิงจรวดใส่ และจับกลุ่มพูดคุยกันถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ชาวบ้านจากหมู่บ้านต่างๆในอำเภอกันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ทยอยเดินทางมาที่ปั๊ม ที่ถูกกัมพูชาโจมตีโดยการยิงจรวด BM-21 ใส่ เมื่อวันที่24 กรกฎาคมที่ผ่านมา โดยจรวจตกใส่บริเวณร้านสะดวกซื้อ ส่งผลให้มีประชาชนเสียชีวิต 8 ราย และบาดเจ็บอีก 15 คน ในจำนวนผู้เสียชีวิตมีแม่และลูกวัย 8 ขวบ ชาวบ้านร่วมกันเขียนข้อความแสดงความไว้อาลัย ก่อนร่วมกันนำข้อความพร้อมดอกไม้ชูขึ้น เพื่อเป็นการแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ ว่าการที่ทหารกัมพูชาโจมตีพื้นที่พลเรือนถือเป็นการกระทำที่ไร้มนุษยธรรม จากนั้นได้รวมกันนำดอกไม้ไปวางเพื่อแสดงความไว้อาลัยบริเวณด้านหน้าร้านสะดวกซื้อที่ถูกกัมพูชายิงจรวดใส่ นอกจากชาวบ้านแล้วยังมีเจ้าหน้าที่หน่วยงานต่างๆทั้งฝ่ายปกครอง ตำรวจ ทหาร ที่มาร่วม วางดอกไม้ แสดงความไว้อาลัย ตัวแทนชาวบ้านบอกว่า การร่วมวางดอกไม้ในครั้งนี้เพื่อต้องการให้ผู้เสียชีวิตไปสู่ภพภูมิที่ดี พร้อมขอประณามกัมพูชา ที่เลือกยิงเป้าหมายเป็นประชาชน ทั้งที่ตำบลเมืองถือเป็นพื้นที่สีเขียว แต่ยังมีกระสุนตกใส่ และการที่เป็นพื้นที่สีเขียว จึงไม่ได้มีการอพยพประชาชน หากตกใส่หมู่บ้าน เชื่อว่าจะมีความสูญเสียเกิดขึ้นมากกว่านี้.-สำนักข่าวไทย

กองทัพบก ยกระดับมาตรการรับมือภัยคุกคามจากโดรน

กทม. 2 ส.ค.-กองทัพบกบูรณาการทุกภาคส่วน ยกระดับมาตรการรับมือภัยคุกคามจากโดรน หลังพบมีความพยายามบินตรวจการณ์ที่ตั้งทางทหาร ตามที่สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย ได้ออกประกาศ เมื่อวันที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ.2568 เรื่องห้ามมิให้ผู้ใดบังคับหรือปล่อยอากาศยานซึ่งไม่มีนักบิน หรือ “โดรน” ที่ควบคุมการบินจากภายนอก, ทุกวัตถุประสงค์การใช้งาน, และทุกพื้นที่ทั่วราชอาณาจักรโดยเด็ดขาด เพื่อป้องกันผลกระทบต่อความมั่นคงของประเทศจากสถานการณ์ชายแดนไทย–กัมพูชาในปัจจุบัน ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ฝ่ายทหารหรือหน่วยงานด้านความมั่นคงที่ได้รับมอบหมาย มีอำนาจในการใช้ระบบต่อต้านโดรน (Anti-Drone System) รวมถึงสามารถดำเนินการทำลายโดรนจากภาคพื้นดินได้ทันที ในการนี้ พลเอก พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการศูนย์ปฏิบัติการกองทัพบก/รองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร ได้สั่งการให้ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 1 ถึง 4 และกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 1 ถึง 4 ดำเนินมาตรการตามแนวทางดังต่อไปนี้ •ให้กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัด โดยมีรองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัด (ฝ่ายทหาร) เป็นผู้รับผิดชอบในการหารือและประสานการปฏิบัติกับส่วนราชการ หน่วยงาน และภาคเอกชนที่เกี่ยวข้อง โดยให้ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาคเป็นผู้ทำหน้าที่ควบคุมและวางแผนภาพรวมในการป้องกันและต่อต้านการใช้โดรนไม่ทราบฝ่าย •ให้บูรณาการร่วมกับหน่วยงานในพื้นที่ ได้แก่ จังหวัด ตำรวจภูธรจังหวัด หน่วยงานความมั่นคง ภาคเอกชน และส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง พร้อมทั้งจัดตั้งชุดเคลื่อนที่เร็ว ประกอบด้วยกำลังจากฝ่ายพลเรือน ตลอดจนตำรวจจากสถานีตำรวจภูธร […]