จับแหล่งขายยา-อาหาร-เครื่องสำอางผิด กม.ย่านประตูน้ำ

อย.21 ก.ค.-อย.ร่วมกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ร่วมจับแหล่งขายยา อาหาร เครื่องสำอางผิดกฎหมาย ย่านประตูน้ำ ทั้งไม่มีทะเบียนตำรับยา/ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารสวมเลข อย. /ไม่มีเลข อย.บางรายการเคยตรวจพบสารไซบูทรามีน และเครื่องสำอางที่ไม่มีเลขจดแจ้ง รวมมูลค่าของกลางกว่า 2 แสนบาท



พล.ต.ท.เพิ่มพูน ชิดชอบ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในฐานะหัวหน้าคณะทำงานปราบปรามผลิตภัณฑ์และการบริการด้านสุขภาพที่ผิดกฎหมาย นพ.ไพศาล ดั่นคุ้ม เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) พร้อมด้วย เภสัชกรหญิงสุภัทรา บุญเสริม รองเลขาธิการฯอย. ร่วมกันแถลงผลการตรวจสอบจับกุม แหล่งขายยา อาหาร เครื่องสำอางปลีก-ส่ง ผิดกฎหมาย ย่านประตูน้ำ พบบริษัท โทฟู สกินแคร์ จำกัด (TOFU SKINCARE CO.,LTD.) เลขที่ 645/17 ซอยเพชรบุรี 13 แขวงพญาไท เขตราชเทวี ตรวจสอบ พบการจำหน่ายผลิตภัณฑ์สุขภาพที่ผิดกฎหมาย ทั้งยา อาหารและเครื่องสำอางเป็นจำนวนมาก แบ่งเป็น


1. การขายยาโดยไม่ได้รับอนุญาต และขายยา/ผลิตภัณฑ์สมุนไพรที่ไม่มีทะเบียนตำรับ ดังนี้

1.1 ยาไม่มีทะเบียนตำรับยา เช่น ACORBIC® (C-1000 mg), ACORBIC® ( Extra C)


1.2 ผลิตภัณฑ์สมุนไพรที่ไม่มีทะเบียนตำรับ เช่น สมุนไพรกระชับช่องคลอด ฉลากระบุ แก้ตกขาว  แก้คัน เชื้อรา, ฟ้าทะลายโจร สมุนไพรพรหมรังสี ฉลากระบุ แก้ไข้ แก้ไอ เจ็บคอ ลดความดันสูง แก้เบาหวาน

1.3 ยามีทะเบียนตำรับยา เช่น กลุ่มยาควบคุมพิเศษ Sidegra 50mg (sildenafil 50 mg), กลุ่มยาอันตราย เช่น NOXA 20 (piroxicam 20 mg), Setin (Cetirizine 10 mg) รวมของกลางยาจำนวน 58 รายการ (2,869 กล่อง)

2. การขายเครื่องสำอางที่ไม่มีเลขจดแจ้ง ไม่มีฉลากภาษาไทย และอาจเป็นเครื่องสำอางที่ไม่ปลอดภัยในการใช้ เช่น หมอยันฮี ชุดครีมบำรุงผิวหน้า กล่องฟ้า, ชมพู, เขียว, DR.วุฒิ-ศักดิ์ ชุดครีมบำรุงผิวหน้า หมอวุฒิศักดิ์ เชอรี่+วอตามอน+กลูต้า, WHITE NANO, แป้ง โรลออน Body spray รวมของกลางเครื่องสำอางจำนวน 14 รายการ (788 กล่อง)

3. การขายผลิตภัณฑ์เสริมอาหารปลอม /แสดงฉลากไม่ถูกต้อง และอวดอ้างสรรพคุณเกินจริง เช่น ลดน้ำหนัก ลดพุง สูตรเร่งรัด ผิวขาวใส กำจัดสารพิษตกค้าง สูตรระเบิดไขมัน สูตรสำหรับคนดื้อยา ดังนี้

3.1 กลุ่มผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่แสดงฉลากเพื่อลวง โดยใช้เลขสารบบอาหารปลอม เช่น สมุนไพรลดหน้าท้อง Abdomen Slim, สมุนไพรลดแขน SLIM PERFECT ARM, สมุนไพรอัพไซต์ สูตรเร่งรัด Bigger BooBs Breast Enhancer, ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร Sexy Boom, Idol Berry Plus

3.2 กลุ่มผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่ไม่มีเลขสารบบอาหาร เช่น Vitaccino, DETOX SLIM COFFEE, ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเยสเด้, Gluta Prime Plus+ 2,000,000 MG

3.3 กลุ่มผลิตภัณฑ์เสริมอาหารปลอม โดยแสดงเลขสารบบอาหารผลิตภัณฑ์อื่น เช่น APPLE SLIM DIET, อาหารเสริมลดน้ำหนัก CA NI SLIM BALANCE, กาแฟปรุงสำเร็จชนิดผง ไอดอล สลิม คอฟฟี่ IDOL SLIM COFFEE, ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารสำหรับผิวขาว GLUTA BERRY 200000 MG

รวมของกลางผลิตภัณฑ์อาหาร จำนวน 47 รายการ (5,763 กล่อง/ขวด) เจ้าหน้าที่ได้ยึดของกลางผลิตภัณฑ์ยา ผลิตภัณฑ์สมุนไพร อาหาร และเครื่องสำอางที่ผิดกฎหมายทั้งหมด 119 รายการ จำนวน 9,420 กล่อง/ขวด คิดเป็นมูลค่ากว่า 200,000 บาท และตั้งประเด็นความผิด ดังนี้

1. พระราชบัญญัติยา พ.ศ. 2510

1.1 ขายยาแผนปัจจุบันโดยไม่ได้รับอนุญาต มีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี และปรับไม่เกิน 10,000 บาท

1.2 ขายยาที่ไม่ได้ขึ้นทะเบียนตำรับยา มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 5,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

2. พระราชบัญญัติสมุนไพร พ.ศ. 2562 ขายผลิตภัณฑ์สมุนไพรที่ไม่ขึ้นทะเบียนตำรับ มีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาทหรือทั้งจำทั้งปรับ

3. พระราชบัญญัติเครื่องสำอาง พ.ศ. 2558

3.1 ขายเครื่องสำอางที่ไม่มีการแสดงข้อความภาษาไทยและมีการแสดงฉลากภาษาไทยไม่ครบถ้วน      มีโทษจำคุกไม่เกิน 1 เดือนหรือปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

3.2 ขายเครื่องสำอางที่มิได้จดแจ้ง มีโทษปรับไม่เกิน 20,000 บาท

และหากผลการตรวจวิเคราะห์พบสารห้ามใช้ซึ่งจัดเป็นเครื่องสำอางไม่ปลอดภัยในการใช้ตามมาตรา28 (4)       จะเข้าข่ายการขายเครื่องสำอางที่ไม่ปลอดภัยในการใช้ มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 300,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

4. พระราชบัญญัติอาหาร พ.ศ. 2522

4.1 ขายอาหารปลอมที่มีการแสดงฉลากเพื่อลวง มีโทษจำคุกตั้งแต่ 6 เดือนถึง 10 ปี และปรับตั้งแต่  5,000 บาทถึง 100,000 บาท

4.2 ขายอาหารที่มีการแสดงฉลากไม่ถูกต้อง มีโทษปรับไม่เกิน 30,000 บาท

และหากผลการตรวจวิเคราะห์พบไซบูทรามีน จะมีความผิดฐานขายวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท 1 มีโทษจำคุกตั้งแต่ 4 ปีถึง 20 ปี และปรับตั้งแต่ 400,000 บาทถึง 2,000,000 บาท ตามพระราชบัญญัติวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท พ.ศ. 2559 อีกด้วย

พล.ต.ท.เพิ่มพูน กล่าวว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้มอบหมายให้คณะทำงานปราบปรามผลิตภัณฑ์และการบริการด้านสุขภาพที่ผิดกฎหมายดำเนินการสืบสวนเรื่องดังกล่าวอย่างเร่งด่วน เนื่องจากสถานที่แห่งนี้อยู่ในย่านค้าปลีก – ส่ง สินค้า ซึ่งมีผู้แวะเวียนในแต่ละวันเป็นจำนวนมาก หากพ่อค้าแม่ค้าซื้อผลิตภัณฑ์ดังกล่าวไปขายต่ออาจทำให้ประชาชนจำนวนมากได้รับอันตราย และจะขยายผล เพื่อจับกุมผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องต่อไป โดยการทำงานของคณะทำงานชุดนี้จะเน้นย้ำให้จับกุมผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์สุขภาพไม่ว่าจะเป็นการผลิต นำเข้า หรือจำหน่าย ให้ครอบคลุมในทุกพื้นที่ และประสานการทำงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อคุ้มครองความปลอดภัยของพี่น้องประชาชน

โดยมี กก.4 บก.ปคบ. และ อย. เป็นหน่วยงานหลักในการลงพื้นที่เพื่อทำการสืบสวนและจับกุมผู้กระทำความผิดพร้อมดำเนินการตามกฎหมายให้ถึงที่สุด และขอเตือนผู้ผลิต นำเข้าและจำหน่าย ขอให้ประกอบการอย่างมีคุณธรรม อย่าเห็นแก่ผลกำไร หรือหลอกลวงผู้บริโภคไม่ว่าจะช่องทางใดก็ตาม หากตรวจพบจะต้องถูกดำเนินคดีทางกฎหมายอย่างเด็ดขาด

นพ.ไพศาล กล่าวว่า อย.และสำนักงานตำรวจแห่งชาติให้ความสำคัญและเร่งรัดจัดการปัญหาการผลิต/นำเข้า/จำหน่ายสินค้าที่ผิดกฎหมายเพื่อคุ้มครองความปลอดภัยของผู้บริโภค โดยทำงานร่วมกับ กก4.บก.ปคบ. มาโดยตลอด และจากการตรวจสอบในครั้งนี้พบมีการขายยาโดยไม่ได้รับอนุญาต ขายยา/ผลิตภัณฑ์สมุนไพรที่ไม่มีทะเบียนตำรับ ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่มีการแสดงฉลากเพื่อลวง โดยแสดงเลขสารบบอาหารปลอม หรือไม่มีเลขสารบบอาหาร อวดอ้างสรรพคุณการลดน้ำหนัก และผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางที่ไม่มีเลขจดแจ้งและไม่มีฉลากภาษาไทย และอาจเป็นเครื่องสำอางไม่ปลอดภัยในการใช้ โดยเฉพาะเครื่องสำอางที่ฉลากระบุชื่อ”หมอยันฮี ชุดครีมบำรุงผิวหน้า” ที่พบข้างต้นนั้น อย. และ กก4.บก.ปคบ.ได้เคยเข้าทลายแหล่งผลิตเครื่องสำอางที่ใช้ชื่อดังกล่าว เมื่อวันที่ 29 ตุลาคม 2561 ซึ่งศาลจังหวัดมีนบุรีได้มีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 11 มิถุนายน 2562 ลงโทษผู้ผลิตเครื่องสำอางโดยตัดสินให้จำคุกคนละ 1 ปี 6 เดือน 15 วัน  ปรับคนละ 150,000 บาท

นอกจากนี้แล้วผลิตภัณฑ์เสริมอาหารบางรายการ เช่น Idol Slim Apple, Idol Slim Coffee, Idol Slim Plus หรือ Idol Berry Plus อย. ได้เคยแจ้งเตือนภัย และเป็นผลิตภัณฑ์กลุ่มเสี่ยงที่ไม่ควรบริโภคอย่างยิ่ง เนื่องจากพบการสวมเลขสารบบอาหารของผลิตภัณฑ์อื่น เข้าข่ายเป็นอาหารปลอม และเคยมีผลตรวจวิเคราะห์พบสารไซบูทรามีน ซึ่งปัจจุบันจัดเป็นวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท 1 ผู้ใดผลิตหรือผู้ขายจะได้รับโทษหนักมาก จำคุกสูงสุด 20 ปี และปรับสูงสุดถึง 2,000,000 บาท โดยผลิตภัณฑ์เหล่านี้ อย.และ กก4.บก.ปคบ.ได้เคยจับกุมผู้ผลิตรายใหญ่ไปแล้วเช่นกัน  เมื่อวันที่ 2 ตุลาคม 2561 จึงฝากเตือนไปยังผู้ประกอบการที่ยังลักลอบผลิต นำเข้าหรือขายผลิตภัณฑ์สุขภาพที่ผิดกฎหมายว่า อย.และสำนักงานตำรวจแห่งชาติจะผนึกกำลัง สืบสวนขยายผลหาผู้กระทำผิดเพิ่มเติม และหากตรวจพบจะดำเนินคดีตามกฎหมายอย่างถึงที่สุด 

เภสัชกรหญิงสุภัทรา กล่าวว่า อย.ขอเตือนผู้บริโภค ก่อนซื้อยา ผลิตภัณฑ์สมุนไพร อาหาร เครื่องสำอาง ควรตรวจสอบข้อมูลอนุญาตทาง Oryor Smart Application หรือเว็บไซต์ อย. www.fda.moph.go.th ก่อนทุกครั้ง และอย่าทำร้ายตัวเองด้วยการหลงเชื่อโฆษณาอวดอ้างสรรพคุณที่เกินไปจากความเป็นอาหารหรือเครื่องสำอาง โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่มีการโฆษณาเรื่องลดน้ำหนัก เห็นผลจริง ปลอดภัย ระเบิดไขมันต่าง ๆ ผลิตภัณฑ์เหล่านี้มักพบการลักลอบใส่ยาลดความอยากอาหาร โดยเฉพาะยาไซบูทรามีน ซึ่งผลข้างเคียงที่พบบ่อยได้แก่ ความดันโลหิตสูง หัวใจเต้นเร็ว ปากแห้ง ปวดศีรษะ นอนไม่หลับและท้องผูก และจะเป็นอันตรายมากโดยเฉพาะกับกลุ่มเสี่ยง เช่น ผู้ป่วยโรคหัวใจขาดเลือด ผู้ป่วยที่ควบคุมความดันโลหิตได้ไม่ดี ผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองตีบ ผู้ป่วยโรคตับ ผู้ที่มีโรคต้อหิน   รวมไปถึงหญิงตั้งครรภ์และให้นมบุตร และอาจส่งผลให้โรคประจำตัวที่เป็นอยู่มีอาการแย่ลงหรือเกิดผลข้างเคียงจนถึงแก่ชีวิตได้ ส่วนเครื่องสำอางที่มีการโฆษณาสรรพคุณขาวภายใน 7 วัน ขาวนีออน ขาวออร่า ลดสิว ฝ้า กระ จุดด่างดำ รอยสิว ริ้วรอย มักพบว่ามีสารห้ามใช้ เมื่อใช้ไประยะหนึ่ง ผิวที่ดูขาวจะกลายเป็นดำคล้ำ เป็นฝ้าถาวร หรือเป็นแผลเป็นถาวร ไม่สามารถรักษาให้หายได้ นอกจากนี้การเลือกซื้อยา ควรซื้อจากร้านขายยาที่มีเภสัชกรประจำร้าน อย่าซื้อยาและผลิตภัณฑ์สมุนไพรที่ไม่มีทะเบียนตำรับ หรือซื้อจากแหล่งที่ไม่น่าเชื่อถือ เช่น ตลาดนัด แผงลอย เพราะอาจได้รับยาไม่มีคุณภาพมาตรฐาน ทำให้เกิดผลข้างเคียงที่เป็นอันตรายต่อร่างกาย โดยเฉพาะผู้ที่มีโรคประจำตัว อาจทำให้เกิดการแพ้ยา และเสียโอกาสในการได้รับการรักษาที่ถูกต้องและตรงกับโรค

ขอให้ประชาชนช่วยกันเป็นหูเป็นตา หากพบการลักลอบผลิต นำเข้า จำหน่ายผลิตภัณฑ์สุขภาพที่ผิดกฎหมาย ขอให้แจ้งมาที่สายด่วน อย. 1556 หรือที่อีเมล์ 1556@fda.moph.go.th หรือที่สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดทุกจังหวัด รวมทั้งสามารถร้องเรียนผ่าน Oryor Smart Application หรือเดินทางมาร้องเรียนด้วยตนเอง ที่ศูนย์จัดการเรื่องร้องเรียนและปราบปรามการกระทำผิดกฎหมายเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์สุขภาพ (ศรป.) ได้ทุกวันในเวลาราชการ หรือสายด่วน 1135 กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค เพื่อจะได้ดำเนินการตามกฎหมายต่อไป.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ชูความสำเร็จทีมไทยแลนด์ ปิดดีลภาษีสหรัฐที่ 19%

ทำเนียบ 1 ส.ค.-โฆษกรัฐบาล เผย ปิดดีลภาษีนำเข้าสหรัฐสำเร็จที่ 19% เกาะกลุ่มระดับใกล้เคียงกับประเทศในภูมิภาค ชู เป็นอีกหนึ่งความสำเร็จสำคัญของทีมไทยแลนด์ ในแนวทาง Win-Win นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลไทยสามารถเจรจาและบรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับอัตราภาษีนำเข้าต่างตอบแทน (Reciprocal Tariffs) กับสหรัฐอเมริกาได้สำเร็จ โดยขณะนี้ รัฐบาลสหรัฐได้ประกาศแล้วว่าจะเรียกเก็บอัตราภาษีนำเข้าฯ จากสินค้าของไทยในอัตรา 19 % ซึ่งข้อตกลงดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันนี้วันที่ 1 สิงหาคม 2568 เป็นต้นไป นายจิรายุ กล่าวว่า อัตราภาษีดังกล่าวที่ ต่ำกว่า อัตราเดิม 36 % และเกาะอยู่อยู่ในระดับใกล้เคียงกับประเทศในภูมิภาค อาทิ เวียดนาม ฟิลิปปินส์ และญี่ปุ่น สามารถรักษาการแข่งขันได้ เมื่อเทียบกับประเทศอื่นในภูมิภาคอาเซียน ซึ่งได้เจรจากับสหรัฐสำเร็จแล้วก่อนหน้านี้ “การปิดดีลครั้งนี้ของรัฐบาลไทย ในระดับภาษีนำเข้าฯ ไว้ที่ 19% ถือเป็นอีกหนึ่งความสำเร็จสำคัญของทีมไทยแลนด์ ในแนวทาง Win-Win เพื่อรักษาฐานการส่งออกและเสถียรภาพทางเศรษฐกิจของประเทศในระยะยาว ย้ำถึงศักยภาพของประเทศไทยในเวทีการค้าโลก ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงในนโยบายการค้าระหว่างประเทศ” นายจิรายุกล่าว […]

รพ.สรรพสิทธิประสงค์ แจ้งยกเลิกรับผู้ป่วยกัมพูชาชั่วคราว

อุบลราชธานี 31 ก.ค. – โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี ออกหนังสือขอยกเลิกการให้บริการผู้ป่วยชาวกัมพูชา และยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา เนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งส่งผลต่อความมั่นคงของประเทศ เมื่อวานนี้ (30 ก.ค.) พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ลงพื้นที่เยี่ยมให้กำลังใจผู้ได้รับบาดเจ็บจากสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา พร้อมทั้งให้กำลังใจแก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติ งานด้านการแพทย์และพยาบาล ณ โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี นายแพทย์ มนต์ชัย วิวัฒนาสิทธิพงศ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร ให้การต้อนรับและรายงานความคืบหน้าการดูแลรักษาผู้ได้รับบาดเจ็บ รวมถึงการเตรียมความพร้อมด้านการรักษาพยาบาลรองรับสถานการณ์ฉุกเฉินในพื้นที่ชายแดน รพ.สรรพสิทธิประสงค์ แจ้งยกเลิกรับผู้ป่วยกัมพูชาชั่วคราวขณะที่ในวันเดียวกัน โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ ได้ออกเอกสารขอยกเลิกการให้บริการผู้ป่วยชาวกัมพูชา และยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา ใจความในหนังสือว่า “โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ได้ให้การตรวจรักษาพยาบาลแก่ผู้ป่วยทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ รวมถึงผู้ป่วยชาวกัมพูชาที่เดินทางเข้ามารักษาอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งส่งผลต่อความมั่นคงของประเทศ และจากมติที่ประชุมคณะกรรมการคลินิกพิเศษนอกเวลาราชการ โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ มีมติดังนี้ 1.ยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา และจิตอาสาภาษาต่างประเทศ2.ปิดการให้บริการ SMC Premium ชั่วคราว3.ยกเลิกการรับยาแทน และงดรับเคสใหม่ผู้ป่วยชาวกัมพูชา4.ผู้ป่วยชาวกัมพูชาที่ยังนอนอยู่ในโรงพยาบาลให้จำกัดพื้นที่ชัดเจน ในการนี้ให้มีผลตั้งแต่วันที่ 31 กรกฎาคม 2568 ถึงวันที่ 10 […]

รมช.มท. โฟนอินผู้ว่าฯ อุบลฯ ตอบกลางสภา ยันไม่มีปัญหาเบิกจ่ายงบ

รัฐสภา 31 ก.ค.-สส.ศรีสะเกษ ภูมิใจไทย ทวงถามเงินช่วยเหลือเยียวยาจังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชา ชี้ตั้งแต่วันแรกยังไม่ได้เงินรัฐบาลสักบาท ซัด “ผู้ว่าฯ อุบล” อ้างกลัวติดคุกไม่กล้าเบิกงบ ด้าน รมช.มหาดไทย ต่อสายโฟนอิน ผู้ว่าฯ ตอบกลางสภา ยืนยันไม่มีปัญหาเบิกจ่ายงบ ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่ประธานการประชุม พิจารณากระทู้ถามสดด้วยวาจา โดยนายธนา กิจไพบูลย์ชัย สส.ศรีสะเกษ พรรคภูมิใจไทย สอบถามกรณีเหตุปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งนายกรัฐมนตรี มอบหมาย นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย เป็นผู้ตอบกระทู้ แต่เนื่องจากนายภูมิธรรม ติดภารกิจจึงมอบหมายให้ น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รมช.มหาดไทย ชี้แจงแทน นายธนา กล่าวว่า จากเหตุปะทะบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ส่งผลกระทบต่อประชาชนในพื้นที่ 4 จังหวัดชายแดน ทั้งศรีสะเกษ สุรินทร์ บุรีรัมย์ และอุบลราชธานี ตั้งแต่เกิดเหตุจนถึงขณะนี้ ยังไม่มีงบประมาณจากส่วนกลางลงพื้นที่แม้แต่บาทเดียว ทุกวันนี้เราอาศัยเงินบริจาคเป็นหลัก และนำงบขององค์การปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) […]

ทูตไทยตอบโต้กัมพูชา หลังยกกรณีปัญหาชายแดนที่ยูเอ็น

นิวยอร์ก 31 ก.ค. – เอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรไทยประจำองค์การสหประชาชาติ โต้ผู้แทนกัมพูชา ซึ่งหยิบประเด็นชายแดนไทย-กัมพูชา ขึ้นพูดผิดกาลเทศะ ผิดวาระ ในที่ประชุมสหประชาชาติ วาระสำคัญของการประชุมระดับสูงระหว่างประเทศในเวทีสหประชาชาติ ที่นครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐ เมื่อวานนี้ คือการผลักดันเพื่อระงับข้อพิพาทปัญหาปาเลสไตน์โดยสันติวิธี แต่ปรากฏว่านาย เจีย แก้ว เอกอัครราชทูตกัมพูชาประจำสหประชาชาติ กลับพูดในประเด็นที่ไม่เกี่ยวข้องกับวาระการประชุม โดยพาดพิงถึงไทยเกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา นายเชิดชาย ใช้ไววิทย์ เอกอัครราชทูต ผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ จึงกล่าวตอบโต้โดยชี้แจงข้อมูลความจริงในประเด็นที่กัมพูชาละเมิดข้อตกลงหยุดยิง โดยระบุว่า เป็นที่น่าเสียดายที่มีคณะผู้แทนหยิบยกประเด็นที่ไม่เกี่ยวข้องขึ้นมาในที่ประชุม ซึ่งเป็นเวทีที่หลายฝ่ายรอคอย และมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการสนับสนุนจากประชาคมระหว่างประเทศต่อการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและปาเลสไตน์อย่างเป็นธรรม ถาวร และครอบคลุม ผ่านแนวทางสันติวิธีโดยการดำเนินการตามแนวทางสองรัฐ นายเชิดชาย กล่าวในที่ประชุมว่า ประเทศไทยไม่ได้มีเจตนาจะนำเรื่องทวิภาคีเข้าสู่เวทีสำคัญดังกล่าว แต่ต้องขอชี้แจงข้อเท็จจริงเพื่อป้องกันความเข้าใจผิด โดยย้ำว่าเมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2568 ไทยและกัมพูชา ได้บรรลุข้อตกลงหยุดยิง โดยได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ในฐานะประธานอาเซียน แต่หลังจากที่ข้อตกลงหยุดยิงมีผลบังคับใช้ในวันที่ 29 กรกฎาคม อีกฝ่ายกลับใช้อาวุธข้ามพรมแดน และบุกรุกเข้ามาในดินแดนของไทยอีกครั้ง ซึ่งถือเป็นการละเมิดข้อตกลงอย่างร้ายแรง ประเทศไทยจึงขอเรียกร้องให้ประเทศเพื่อนบ้านปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัด และยืนยันความมุ่งมั่นของไทยที่จะใช้กลไกทวิภาคีที่มีอยู่ในการแก้ไขปัญหา หลีกเลี่ยงการเผยแพร่ข้อมูลที่เป็นเท็จหรือทำให้เข้าใจผิด และให้มีส่วนร่วมด้วยเจตนาดี.-810.-813.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

EOD เร่งกู้ระเบิดตกค้าง-พิสูจน์กลิ่นศพทหารกัมพูชา

สุรินทร์ 4 ส.ค. – ตลอดทั้งวัน ชุด EOD ตรวจสอบพื้นที่ตามแนวปะทะ อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ พบวัตถุระเบิดและลูกกระสุนปืนใหญ่ตกค้างรวมกว่า 140 ลูก ใน 34 จุด ขณะที่กลิ่นศพทหารกัมพูชา ยังไม่ส่งผลกระทบฝั่งไทย แต่ชาวบ้านในพื้นที่ยืนยันมีกลิ่นจริง ตลอดทั้งวัน ชุดเก็บกู้วัตถุระเบิด หรือ EOD ของตำรวจตระเวนชายแดนที่ 21 และตำรวจภูธรพนมดงรัก รวมถึง ศูนย์ปฏิบัติการทุ่นระเบิดแห่งชาติ หรือ TMAC เข้าตรวจสอบพื้นที่ตามแนวปะทะใน อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ หลังสถานการณ์ปะทะสงบลง โดยพบวัตถุระเบิดและลูกกระสุนปืนใหญ่ตกค้างรวมกว่า 140 ลูก ใน 34 จุด หัวหน้าชุดเก็บกู้วัตถุระเบิดให้ข้อมูลว่า ระเบิดส่วนใหญ่ทำงานไปแล้ว เหลือเพียง 7 จุดที่ยังคงอยู่ระหว่างการเก็บกู้ แต่มีบางจุดที่เจ้าหน้าที่ยังไม่สามารถเข้าปฏิบัติงานได้ เนื่องจากอยู่ติดแนวชายแดน และอาจสร้างความเข้าใจผิดให้กับทหารทั้ง 2 ฝ่ายที่ยังคงตรึงกำลังอยู่ในพื้นที่ อีกทั้งสภาพพื้นที่เป็นโคลนตม ทำให้บางจุดลูกระเบิดฝังลึกมาก ทำให้การเก็บกู้ยากลำบาก จึงทำได้เพียงล้อมรั้วแสดงสัญลักษณ์ให้ทราบ เพื่อความปลอดภัยและไม่ให้ผู้คนเข้าใกล้ […]

มทภ.2 หวัง GBC ได้ข้อสรุปที่ดี ลั่นไม่ถอยกำลังทหาร

กองทัพบก 4 ส.ค. – แม่ทัพภาค 2 ลั่น ไม่ถอยกำลังทหาร หวังถก GBC ได้ข้อสรุปที่ดี แต่ยังคาดหวังอะไรไม่ได้หากสองประเทศยอมรับเงื่อนไขซึ่งกันและกันก็จบง่าย พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 กล่าวถึงการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไปชายแดนไทย-กัมพูชา (GBC) ที่ประเทศมาเลเซีย ว่า ขณะนี้ยังไม่ทราบว่าคุยเรื่องอะไรกัน แต่ก็คาดหวังว่าจะเป็นไปในทิศทางที่ดี หาข้อตกลงร่วมกันให้ดีที่สุด ส่วนที่หลายฝ่ายมีความกังวลสถานการณ์ชายแดน หลังวันที่ 7 สิงหาคม จะมีความตึงเครียดนั้น พล.ท.บุญสิน กล่าวว่า ทุกอย่างขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของผู้นำทั้งสองประเทศ จะเจอกันตรงจุดไหน หากยอมรับเงื่อนไขซึ่งกันและกัน ก็จบง่าย ซึ่งตอนนี้ยังคาดเดาอะไรไม่ได้ ว่าผลจะออกมาอย่างไร เมื่อถามว่า ประเด็นเรื่องการถอนกำลัง พล.ท.บุญสิน ยืนยันว่า “กองทัพไม่ถอย เพราะเรารุกในเขตพื้นที่อธิปไตยของเรา” สำหรับการดูแลชายแดนไทย-กัมพูชา กองทัพทั้งสองประเทศได้ปฏิบัติตามข้อตกลงการหยุดยิง ที่สองรัฐบาลได้พูดคุยกันไว้เพื่อความสงบสุขบริเวณชายแดน ซึ่งเราพยายามทำให้ดีที่สุด แต่ยอมรับว่า มีปัญหาเรื่องโดรนไม่ทราบฝ่าย ซึ่งกองทัพภาคที่ 2 ได้บูรณาการหน่วยงานทุกภาคส่วน เพื่อแก้ไขปัญหาในพื้นที่ ซึ่งปัจจุบันสถานการณ์ดีขึ้น รวมถึงการติดตามกลุ่มบุคคลที่ทำตัวเป็นสายลับ และไส้ศึก […]

สำนักโฆษก กห. พาย้อนเหตุการณ์ยุคเขมรแดงปี 1979-1980

4 ส.ค.- เตือนความจำเขมร! สำนักโฆษกกระทรวงกลาโหม โพสต์ย้อนเหตุการณ์ไทยช่วยเขมร ยุคเขมรแดง ปี 1979-1980 เปิดประตูรับคนเขมรเป็นที่พึ่งสุดท้าย-เปิดค่ายพักพิงแบบไม่ลังเล วันนี้(4 ส.ค.2568) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เพจสำนักโฆษกกระทรวงกลาโหม ได้เผยแพร่ข้อมูลการช่วยเหลือของฝ่ายไทยที่มีต่อชาวกัมพูชาในยุคเขมรแดง โดยข้อความระบุว่า จากคนที่หนีตายสู่คนที่หันปากกระบอกปืนกลับมา” เมื่อ ‘เขมร’ ลืมทุกอย่างที่ไทยเคยมอบให้ ปี 𝟏𝟗𝟕𝟗… ชาวกัมพูชานับแสน นับล้าน วิ่งหนีตายจากนรกบนดินที่ชื่อว่า “เขมรแดง” ข้ามพรมแดนมายังไทย ในสภาพหมดเรี่ยวแรง หิวโหย และเกือบสิ้นลมหายใจ คนไทยเปิดประตูให้เขาพักพิง ตอนนั้นประเทศไทยไม่ได้เป็นเพียง “เพื่อนบ้าน” แต่กลายเป็น “ที่พึ่งสุดท้าย” เราส่งอาหาร เราเปิดค่ายพักพิง เราช่วยเหลือทั้งในนามรัฐบาล องค์กรพัฒนาเอกชน และแม้แต่ชาวบ้านธรรมดา ๆ ที่ยอมแบ่งข้าวเพียงคำเดียวให้ผู้ลี้ภัยชาวกัมพูชา การอพยพที่ไม่มีแผนที่เริ่มตั้งแต่ต้นปี 𝟏𝟗𝟕𝟗 จนถึงต้นยุค 𝟏𝟗𝟖𝟎𝐬 มีชาวกัมพูชาจำนวนมหาศาล บางแหล่งบอกว่ารวมกันถึง 𝟔 แสนถึง 𝟖 แสนคน อพยพอย่างไร้ทิศทางบางคนเดินเท้าเป็นร้อยกิโลเมตรจากกลางประเทศกัมพูชา หลายคนไร้เอกสาร ไม่มีอาหาร ไม่มีเป้าหมาย […]

กต. จัดบรรยายสรุปแก่คณะทูตและองค์การระหว่างประเทศ

ก.ต่างประเทศ 4 ส.ค.-กต. จัดบรรยายสรุปแก่คณะทูตและองค์การระหว่างประเทศเกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา คาดแจงข้อมูลที่บิดเบือน หลังกัมพูชาปล่อยเฟคนิวส์ต่อเนื่อง ด้าน “มาริษ” ย้ำไทยไม่ได้เริ่มก่อน ยึดแก้ปัญหาผ่านกลไกทวิภาคี เรียกร้องกัมพูชายึดหลักสันติวิธี-จริงใจ นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เป็นประธานบรรยายสรุปแก่คณะทูตและองค์การระหว่างประเทศเกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ร่วมกับ นายปิยภักดิ์ ศรีเจริญ อธิบดีกรมเอเชียตะวันออก และ นางสาวพินทุ์สุดา ชัยนาม อธิบดีกรมองค์การระหว่างประเทศ ณ ห้องนราธิป กระทรวงการต่างประเทศ โดยคาดว่าจะเป็นการชี้แจงข้อเท็จจริงภายหลังจากที่ฝ่ายกัมพูชามีการให้ข้อมูลที่บิดเบือนอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ก่อนการบรรยาย นายมาริษ กล่าวเปิดโดยขอบคุณผู้ที่เข้าร่วมรับฟังการบรรยายในวันนี้ พร้อมชี้แจงถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา และท่าทีของไทยต่อกรณีดังกล่าว โดยตนตั้งใจจะแบ่งการบรรยายเป็น 2 ประเด็นหลัก คือ 1. การเจรจาหยุดยิงที่มาเลเซียเมื่อวันที่ 28 ก.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งไทยขอประท้วงต่อฝ่ายกัมพูชากรณีที่ละเมิดกฎหมายมนุษยชนและใช้ความรุนแรง โดยมีเป้าหมายแบบไม่เลือกเป้าและโจมตีไปที่พลเรือน รวมถึงการใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ซึ่งขัดต่อหลักการของอนุสัญญาออตโตวา ในขณะที่ไทยปฏิบัติตามข้อตกลงอย่างเคร่งครัด จึงหวังเป็นอย่างยิ่งให้กัมพูชาปฏิบัติตามข้อตกลงดังกล่าวอย่างจริงใจด้วยเช่นกัน ภายใต้กลไกทวิภาคีที่มีอยู่ ส่วนประเด็นที่ 2 คือการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป หรือ GBC ระหว่างวันที่ 4-7 สิงหาคม […]