คมนาคมสางปัญหาส่งมอบพื้นที่ไฮสปีดเชื่อม 3 สนามบิน

กรุงเทพฯ 21 ก.ค. – คมนาคมวางไทม์ไลน์ส่งมอบพื้นที่ไฮสปีดเชื่อม 3 สนามบิน เฟสแรก “สุวรรณภูมิ-อู่ตะเภา” ครบ 100% ภายใน ก.พ. 64 เร่งเคลียร์ผู้บุกรุก-ยกเลิกสัญญาเช่า ฝากเอกชนลุยปรับปรุงสถานี-การให้บริการ-เตรียมพร้อมเดินรถ ก่อนโอนแอร์พอร์ต เรล ลิงก์ ต.ค.ปีหน้า


นายชัยวัฒน์ ทองคำคูณ ปลัดกระทรวงคมนาคม เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะทำงานเร่งรัดการส่งมอบพื้นที่รถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน (ดอนเมือง-สุวรรณภูมิ-อู่ตะเภา) ว่า การประชุมวันนี้ (21 ก.ค. ) ได้รับทราบความคืบหน้าการขอรับจัดสรรงบประมาณรายจ่ายงบกลางประจำปี 2563 ตามที่คณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (กพอ.) ได้พิจารณาเห็นชอบ และอยู่ระหว่างกระบวนการขอรับงบประมาณ ซึ่งเป็นไปตามเงื่อนไขของสำนักงบประมาณที่ได้พิจารณารายละเอียดครบถ้วนทั้งหมดแล้ว อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่าไม่มีอุปสรรคและได้ดำเนินการตามแผนที่กำหนดไว้

ขณะที่การเวนคืนที่ดิน โยกย้ายผู้บุกรุก และยกเลิกสัญญาเช่านั้น การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) เป็นเจ้าภาพดำเนินการ ซึ่งขณะนี้ได้ประชาสัมพันธ์กับผู้ที่ถูกเวนคืนที่ดิน รวมถึงการสำรวจรายละเอียดที่ดิน สิ่งปลูกสร้าง และพืชผล โดยได้มีการตั้งคณะกรรมการกำหนดราคาเบื้องต้น จากนั้นจะประชุมและจ่ายค่าทดแทนทั้งหมด ตามแผนจะใช้วิธีการเจรจา ทั้งนี้ คาดว่าจะทำสัญญาซื้อขายกับผู้ถูกเวนคืนและจ่ายค่าทดแทนภายในเดือนพฤศจิกายน 2563 จากนั้นจะรับมอบที่ดินที่ถูกเวนคืน และส่งมอบที่ดินให้เอกชนคู่สัญญาระยะแรก ช่วงสุวรรณภูมิ-อู่ตะเภาทั้งหมด 100% ภายในเดือนกุมภาพันธ์ 2564 ตามแผน แต่หากเกิดกรณีล่าช้า อาทิ ผู้ถูกเวนคืนยื่นอุทธรณ์อาจต้องใช้เวลาตามขั้นตอน ส่วนเจ้าของที่ดินทักท้วง หรือร้องเรียนจะเคลียร์ให้จบภายในสิงหาคม 2564 ขณะที่การส่งมอบพื้นที่ระยะที่ 2 ช่วงดอนเมือง-สุวรรณภูมิ ใช้เวลาดำเนินการอีก 2 ปี 3 เดือน


นายชัยวัฒน์ กล่าวอีกว่า ในส่วนการโยกย้ายผู้บุกรุกที่มีผลกระทบกับโครงการช่วงดอนเมือง-สุวรรณภูมินั้น มีผู้บุกรุก 267 หลังคาเรือน ช่วงสุวรรณภูมิ-อู่ตะเภา มีผู้บุกรุก 302 หลังคาเรือน ซึ่งขณะนี้ รฟท.อยู่ระหว่างการฟ้องร้องดำเนินคดีกับผู้บุกรุก ขณะที่การยกเลิกสัญญาเช่านั้น มีทั้งสิ้น 213 สัญญา แบ่งเป็น ช่วงดอนเมือง-พญาไท 100 สัญญา จะดำเนินการยกเลิกสัญญาเช่าให้เสร็จภายในธันวาคม 2563 และช่วงลาดกระบัง-อู่ตะเภา 113 สัญญา จะดำเนินการให้เสร็จภายในตุลาคม 2563 

ด้านการขอเข้าพื้นที่ของหน่วยงานในการรื้อย้ายสาธารณูปโภคที่จำเป็น มี 8 หน่วยงานที่ขอรื้อย้ายกรณีเร่งด่วนในพื้นที่ของกรมทางหลวง (ทล.) เช่น กรุงเทพมหานคร (กทม.) การประปานครหลวง การประปาส่วนภูมิภาค กิจการไฟฟ้าของกองทัพเรือ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ ปตท. เป็นต้น โดย ทล.อนุญาตให้ ปตท.เข้าพื้นที่ ช่วงดอนเมือง-พญาไท แล้ว ส่วนอีก 7 หน่วยงาน อยู่ระหว่างพิจารณาอนุญาต โดยสั่งการให้ ทล. แนะนำหน่วยงานที่มาขอเข้าพื้นที่จัดเตรียมเอกสารให้พร้อมและเรียบร้อย เพื่อดำเนินการเสร็จครั้งเดียว อย่างไรก็ตาม หากติดปัญหาอุปสรรคใด ๆ ให้นำมารายงานในที่ประชุมครั้งต่อไป

นอกจากนี้ ในส่วนของการขอขยายเขตทางเพิ่มที่เอกชนต้องเวนคืนที่ดินเพิ่มเติม 6 จุด ได้แก่ สถานีลาดกระบัง, บริเวณจุดตัดทางรถไฟ ช่วงทางออกสนามบินสุวรรณภูมิ, ประตูน้ำของกรมชลประทาน, ช่วงข้ามแม่น้ำบางปะกง โดยต้องทำสะพานรถไฟความเร็วสูงใหม่, ช่วงอุโมงค์เขาชีจรรย์ และบริเวณทางเข้าสนามบินอู่ตะเภา มีผู้ได้รับผลกระทบจากการถูกเวนคืนทั้งสิ้น 48 ราย จำนวน 63 แปลง ขณะนี้อยู่ระหว่างการสำรวจความคิดเห็นประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากการเวนคืนต้องทำให้เสร็จภายในกรกฎาคมนี้ จากนั้นสรุปข้อมูลรับฟังความคิดเห็นสิงหาคม 2563 ทั้งนี้ ต้องพิจารณาผลกระทบสิ่งแวดล้อม (อีไอเอ) ควบคู่ โดยใช้หลักการเวนคืนน้อยที่สุดเท่าที่จำเป็น หากเวนคืนบางส่วน แต่ใช้พื้นที่ไม่ครบแปลงเหลือเศษที่ดิน 20-25 ตารางวาให้เวนคืนทั้งหมด เพื่อใช้สำหรับเขตปลอดทาง ถ้าออกแบบหลบได้ให้กระทำ เพื่อไม่ให้ประชาชนเกิดความเดือดร้อน


นายชัยวัฒน์ กล่าวต่ออีกว่า บริษัท รถไฟความเร็วสูงสายตะวันออกเชื่อมสามสนามบิน จำกัด ยังได้รายงานความก้าวหน้าการดำเนินงานการโอนรถไฟฟ้าแอร์พอร์ต เรล ลิงก์นั้น ประกอบด้วย 5 เรื่อง คือ 1.การตรวจสอบสถานะทางด้านเทคนิคจะเสร็จภายในปลายกรกฎาคมนี้ 2.การเตรียมความพร้อมการเดินรถ 3.การปรับปรุงบริการให้ผู้โดยสาร เช่น การตกแต่งภายในสถานี ทั้งไฟแสงสว่าง ติดระบบเครื่องปรับอากาศ (แอร์) และจัดที่จอดรถ 4.การคืนสภาพทรัพย์สิน โดยการปรับปรุงอาคารสถานี ที่ต้องมั่นคงแข็งแรง และ 5.การปรับระบบเพื่อรองรับการเดินรถ โดยจะใช้ระยะเวลารวมประมาณ 16 เดือน โดยเริ่มตั้งแต่มิถุนายน 2563 และต้องเสร็จสิ้นภายในกันยายน 2564 พร้อมทั้งชำระเงินให้ รฟท. จากนั้นจะส่งมอบรถไฟฟ้าแอร์พอร์ต เรล ลิงก์ และเปิดให้บริการประชาชนอย่างต่อเนื่องช่วงตุลาคม 2564 ทั้งนี้ เชื่อว่าบริษัทดำเนินการอย่างมืออาชีพ เนื่องจากมีการทำแผนไว้อย่างชัดเจน

อย่างไรก็ตาม ในส่วนที่มีความล่าช้าการทำงานนั้น เนื่องจากมีผู้เชียวชาญจากต่างประเทศที่ว่าจ้างมาสำรวจตรวจสอบและวางแผนระบบการพัฒนาแอร์พอร์ต เรล ลิงก์ แต่ติดสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 จึงแนะนำให้ไปตรวจสอบข้อกำหนดในการเข้าประเทศของศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. ว่า บุคคลกลุ่มนี้อยู่ในประเภทที่ ศบค.อนุญาตให้เขอนุญาตเข้าประเทศหรือไม่ แต่ต้องดำเนินการตามกระบวนการมาตรการป้องกันโควิด-19 ของไทย เพื่อลงพื้นที่ดำเนินงานได้คล่องตัว และเป็นไปตามแผน.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ชูความสำเร็จทีมไทยแลนด์ ปิดดีลภาษีสหรัฐที่ 19%

ทำเนียบ 1 ส.ค.-โฆษกรัฐบาล เผย ปิดดีลภาษีนำเข้าสหรัฐสำเร็จที่ 19% เกาะกลุ่มระดับใกล้เคียงกับประเทศในภูมิภาค ชู เป็นอีกหนึ่งความสำเร็จสำคัญของทีมไทยแลนด์ ในแนวทาง Win-Win นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลไทยสามารถเจรจาและบรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับอัตราภาษีนำเข้าต่างตอบแทน (Reciprocal Tariffs) กับสหรัฐอเมริกาได้สำเร็จ โดยขณะนี้ รัฐบาลสหรัฐได้ประกาศแล้วว่าจะเรียกเก็บอัตราภาษีนำเข้าฯ จากสินค้าของไทยในอัตรา 19 % ซึ่งข้อตกลงดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันนี้วันที่ 1 สิงหาคม 2568 เป็นต้นไป นายจิรายุ กล่าวว่า อัตราภาษีดังกล่าวที่ ต่ำกว่า อัตราเดิม 36 % และเกาะอยู่อยู่ในระดับใกล้เคียงกับประเทศในภูมิภาค อาทิ เวียดนาม ฟิลิปปินส์ และญี่ปุ่น สามารถรักษาการแข่งขันได้ เมื่อเทียบกับประเทศอื่นในภูมิภาคอาเซียน ซึ่งได้เจรจากับสหรัฐสำเร็จแล้วก่อนหน้านี้ “การปิดดีลครั้งนี้ของรัฐบาลไทย ในระดับภาษีนำเข้าฯ ไว้ที่ 19% ถือเป็นอีกหนึ่งความสำเร็จสำคัญของทีมไทยแลนด์ ในแนวทาง Win-Win เพื่อรักษาฐานการส่งออกและเสถียรภาพทางเศรษฐกิจของประเทศในระยะยาว ย้ำถึงศักยภาพของประเทศไทยในเวทีการค้าโลก ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงในนโยบายการค้าระหว่างประเทศ” นายจิรายุกล่าว […]

รพ.สรรพสิทธิประสงค์ แจ้งยกเลิกรับผู้ป่วยกัมพูชาชั่วคราว

อุบลราชธานี 31 ก.ค. – โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี ออกหนังสือขอยกเลิกการให้บริการผู้ป่วยชาวกัมพูชา และยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา เนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งส่งผลต่อความมั่นคงของประเทศ เมื่อวานนี้ (30 ก.ค.) พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ลงพื้นที่เยี่ยมให้กำลังใจผู้ได้รับบาดเจ็บจากสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา พร้อมทั้งให้กำลังใจแก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติ งานด้านการแพทย์และพยาบาล ณ โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี นายแพทย์ มนต์ชัย วิวัฒนาสิทธิพงศ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร ให้การต้อนรับและรายงานความคืบหน้าการดูแลรักษาผู้ได้รับบาดเจ็บ รวมถึงการเตรียมความพร้อมด้านการรักษาพยาบาลรองรับสถานการณ์ฉุกเฉินในพื้นที่ชายแดน รพ.สรรพสิทธิประสงค์ แจ้งยกเลิกรับผู้ป่วยกัมพูชาชั่วคราวขณะที่ในวันเดียวกัน โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ ได้ออกเอกสารขอยกเลิกการให้บริการผู้ป่วยชาวกัมพูชา และยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา ใจความในหนังสือว่า “โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ได้ให้การตรวจรักษาพยาบาลแก่ผู้ป่วยทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ รวมถึงผู้ป่วยชาวกัมพูชาที่เดินทางเข้ามารักษาอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งส่งผลต่อความมั่นคงของประเทศ และจากมติที่ประชุมคณะกรรมการคลินิกพิเศษนอกเวลาราชการ โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ มีมติดังนี้ 1.ยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา และจิตอาสาภาษาต่างประเทศ2.ปิดการให้บริการ SMC Premium ชั่วคราว3.ยกเลิกการรับยาแทน และงดรับเคสใหม่ผู้ป่วยชาวกัมพูชา4.ผู้ป่วยชาวกัมพูชาที่ยังนอนอยู่ในโรงพยาบาลให้จำกัดพื้นที่ชัดเจน ในการนี้ให้มีผลตั้งแต่วันที่ 31 กรกฎาคม 2568 ถึงวันที่ 10 […]

รมช.มท. โฟนอินผู้ว่าฯ อุบลฯ ตอบกลางสภา ยันไม่มีปัญหาเบิกจ่ายงบ

รัฐสภา 31 ก.ค.-สส.ศรีสะเกษ ภูมิใจไทย ทวงถามเงินช่วยเหลือเยียวยาจังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชา ชี้ตั้งแต่วันแรกยังไม่ได้เงินรัฐบาลสักบาท ซัด “ผู้ว่าฯ อุบล” อ้างกลัวติดคุกไม่กล้าเบิกงบ ด้าน รมช.มหาดไทย ต่อสายโฟนอิน ผู้ว่าฯ ตอบกลางสภา ยืนยันไม่มีปัญหาเบิกจ่ายงบ ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่ประธานการประชุม พิจารณากระทู้ถามสดด้วยวาจา โดยนายธนา กิจไพบูลย์ชัย สส.ศรีสะเกษ พรรคภูมิใจไทย สอบถามกรณีเหตุปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งนายกรัฐมนตรี มอบหมาย นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย เป็นผู้ตอบกระทู้ แต่เนื่องจากนายภูมิธรรม ติดภารกิจจึงมอบหมายให้ น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รมช.มหาดไทย ชี้แจงแทน นายธนา กล่าวว่า จากเหตุปะทะบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ส่งผลกระทบต่อประชาชนในพื้นที่ 4 จังหวัดชายแดน ทั้งศรีสะเกษ สุรินทร์ บุรีรัมย์ และอุบลราชธานี ตั้งแต่เกิดเหตุจนถึงขณะนี้ ยังไม่มีงบประมาณจากส่วนกลางลงพื้นที่แม้แต่บาทเดียว ทุกวันนี้เราอาศัยเงินบริจาคเป็นหลัก และนำงบขององค์การปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) […]

ทูตไทยตอบโต้กัมพูชา หลังยกกรณีปัญหาชายแดนที่ยูเอ็น

นิวยอร์ก 31 ก.ค. – เอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรไทยประจำองค์การสหประชาชาติ โต้ผู้แทนกัมพูชา ซึ่งหยิบประเด็นชายแดนไทย-กัมพูชา ขึ้นพูดผิดกาลเทศะ ผิดวาระ ในที่ประชุมสหประชาชาติ วาระสำคัญของการประชุมระดับสูงระหว่างประเทศในเวทีสหประชาชาติ ที่นครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐ เมื่อวานนี้ คือการผลักดันเพื่อระงับข้อพิพาทปัญหาปาเลสไตน์โดยสันติวิธี แต่ปรากฏว่านาย เจีย แก้ว เอกอัครราชทูตกัมพูชาประจำสหประชาชาติ กลับพูดในประเด็นที่ไม่เกี่ยวข้องกับวาระการประชุม โดยพาดพิงถึงไทยเกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา นายเชิดชาย ใช้ไววิทย์ เอกอัครราชทูต ผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ จึงกล่าวตอบโต้โดยชี้แจงข้อมูลความจริงในประเด็นที่กัมพูชาละเมิดข้อตกลงหยุดยิง โดยระบุว่า เป็นที่น่าเสียดายที่มีคณะผู้แทนหยิบยกประเด็นที่ไม่เกี่ยวข้องขึ้นมาในที่ประชุม ซึ่งเป็นเวทีที่หลายฝ่ายรอคอย และมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการสนับสนุนจากประชาคมระหว่างประเทศต่อการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและปาเลสไตน์อย่างเป็นธรรม ถาวร และครอบคลุม ผ่านแนวทางสันติวิธีโดยการดำเนินการตามแนวทางสองรัฐ นายเชิดชาย กล่าวในที่ประชุมว่า ประเทศไทยไม่ได้มีเจตนาจะนำเรื่องทวิภาคีเข้าสู่เวทีสำคัญดังกล่าว แต่ต้องขอชี้แจงข้อเท็จจริงเพื่อป้องกันความเข้าใจผิด โดยย้ำว่าเมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2568 ไทยและกัมพูชา ได้บรรลุข้อตกลงหยุดยิง โดยได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ในฐานะประธานอาเซียน แต่หลังจากที่ข้อตกลงหยุดยิงมีผลบังคับใช้ในวันที่ 29 กรกฎาคม อีกฝ่ายกลับใช้อาวุธข้ามพรมแดน และบุกรุกเข้ามาในดินแดนของไทยอีกครั้ง ซึ่งถือเป็นการละเมิดข้อตกลงอย่างร้ายแรง ประเทศไทยจึงขอเรียกร้องให้ประเทศเพื่อนบ้านปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัด และยืนยันความมุ่งมั่นของไทยที่จะใช้กลไกทวิภาคีที่มีอยู่ในการแก้ไขปัญหา หลีกเลี่ยงการเผยแพร่ข้อมูลที่เป็นเท็จหรือทำให้เข้าใจผิด และให้มีส่วนร่วมด้วยเจตนาดี.-810.-813.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

มทภ.2 ยันไม่เคยสั่งกำลังพลไปเก็บศพเขมร อย่าเชื่อข่าวปลอม

5 ส.ค. – แม่ทัพภาคที่ 2 ยืนยันไม่เคยมีคำสั่งให้กำลังพลไปเก็บศพชาวกัมพูชา บริเวณชายแดน ขออย่าหลงเชื่อข่าวปลอม เมื่อวันที่ 5 ส.ค.68 พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 เปิดเผยว่า จากกรณีที่สื่อโซเชียลมีเดียได้ลงข้อความอันเป็นเท็จ ที่ทำให้พี่น้องประชาชนเข้าใจผิดว่า แม่ทัพภาคที่ 2 ได้สั่งให้กำลังพลไปเก็บศพชาวกัมพูชาที่อยู่บริเวณชายแดนนั้น ตนยืนยันว่าไม่เป็นความจริง และไม่เคยมีคำสั่งให้กำลังพลไปปฏิบัติอย่างนั้น ผู้เสียชีวิตนั้นเป็นชาวกัมพูชา ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับทางประเทศไทย “ผมไม่เคยมีคำสั่งแบบนี้ และขอยืนยันว่า ข่าวที่ออกมานั้นเป็นข่าวปลอม ขอให้พี่น้องประชาชนอย่าได้หลงเชื่อ“ แม่ทัพภาคที่ 2 กล่าว.-313-สำนักข่าวไทย

ทหารไทยยอมรับได้กลิ่นศพทหารกัมพูชาจริง

ศรีสะเกษ 5 ส.ค. – วันนี้ยังมีการเก็บกู้ระเบิดที่กัมพูชายิงเข้ามาในพื้นที่พลเรือนฝั่งไทย ส่วนเมื่อคืนนี้ (4 ส.ค.) เป็นคืนแรกของการประชุม GBC ชุด ชรบ.หมู่บ้านแนวชายแดน อ.กันทรลักษ์ จึงออกตรวจตราเข้มข้น ขณะที่ทหารแนวหน้ายอมรับได้กลิ่นศพทหารกัมพูชาจริง ทีมข่าวมีโอกาสได้พูดคุยกับทหารที่ปฏิบัติหน้าที่ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา สอบถามถึงเรื่องที่กำลังเป็นประเด็น คือกลิ่นศพของทหารกัมพูชา ทหารยอมรับว่ามีกลิ่นจริง และมีศพทหารกัมพูชาถูกทิ้งไว้จริง แต่ไม่สามารถทำอะไรได้ เพราะอยู่ในระหว่างการปฏิบัติหน้าที่ หากมีหน้ากากอนามัยเชื่อว่าจะช่วยบรรเทาได้บ้าง อย่างไรก็ตาม ขณะนี้มีหน้ากาก N95 ส่งถึงพื้นที่บ้างแล้ว พร้อมขอบคุณพี่น้องประชาชนที่ส่งกำลังใจ ทหารยังพร้อมปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มกำลังความสามารถ วันนี้ทีมข่าวยังเกาะติดภารกิจเก็บกู้ระเบิดที่กัมพูชายิงใส่พื้นที่พลเรือนของไทยใน อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ จุดแรก จรวด BM-21 ถูกกัมพูชายิงตกใส่ลงทุ่งนาของชาวบ้าน พื้นที่ ต.ทุ่งใหญ่ เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม วันเดียวกับที่ยิงใส่ปั๊ม ปตท.บ้านผือ โดยห่างกันราว 1 กิโลเมตร ส่วนอีกจุดเป็นการทำลายลูกจรวด PG-7 ที่ถูกยิงจากเครื่องยิงจรวด RPG ตกลงในสวนยางพาราของชาวบ้าน ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ ที่ถูกพบในสภาพพร้อมทำงาน จุดนี้อยู่ห่างจากชายแดนกัมพูชาเพียง […]

เปิดศักยภาพ Gripen เขี้ยวเล็บใหม่กองทัพอากาศไทย

5 ส.ค. – เปิดคุณสมบัติโดดเด่นของ “กริพเพน” เครื่องบินรบฝูงใหม่ ซึ่งกองทัพอากาศและประเทศไทยกำลังจะทำสัญญาจัดซื้อจากสวีเดน .-สำนักข่าวไทย

มทภ.2 ขึ้นภูมะเขือ ย้ำกำลังพลไม่ประมาท นำร้องเพลงชาติไทย

5 ส.ค.- แม่ทัพภาค 2 ตรวจเยี่ยมภูมะเขือ ย้ำกำลังพลไม่ประมาท ปกป้องอธิปไตย พร้อมร่วมร้องเพลงชาติ เมื่อเวลา 17.00 น. วันที่ 5 ส.ค.68 พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ลงพื้นที่หน่วยเฉพาะกิจที่ 1 กองกำลังสุรนารี พื้นที่ภูมะเขือ อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ โดยได้ทำการเดินลาดตระเวน ตรวจเยี่ยมให้กำลังใจกำลังพลที่วางกำลังฐานปฏิบัติการ ทั้งนี้ มีพระสงฆ์จำนวน 3 รูปจากวัดใกล้เคียง มารอแม่ทัพภาคที่ 2 เพื่อมอบวัตถุมงคลและให้กำลังใจในการปฏิบัติหน้าที่ พร้อมให้พรกำลังพลทุกนาย ให้แคล้วคลาดปลอดภัยจากอันตรายต่างๆ จากนั้นแม่ทัพภาคที่ 2 ได้ฟังบรรยายสรุปสถานการณ์ในพื้นที่ภูมะเขือ โดยเน้นย้ำให้อยู่ในความไม่ประมาท ปฏิบัติหน้าที่รักษาอธิปไตยของชาติ ด้วยความปลอดภัยและให้ดูแลรักษาสุขภาพให้ดี จากนั้น พล.ท.บุญสิน ได้ให้กำลังพลเปลี่ยนธงชาติไทยผืนใหญ่กว่าเดิม นำร้องเพลงชาติบนยอดภูมะเขือร่วมกัน ก่อนเดินทางกลับได้มอบเครื่องอุปโภคบริโภคและถ่ายรูปร่วมกับกำลังพล -สำนักข่าวไทย