ศาลปกครองเพชรบุรีสั่งเพิกถอนโฉนดที่ดินคอนโดหรู วีรันดา หัวหิน

เพชรบุรี 16 ก.ค.- ศาลปกครองเพชรบุรี สั่งเพิกถอนโฉนดที่ดิน 4 แปลงคอนโดหรู วีรันดา หัวหิน  ติดเขาตะเกียบ ออกโดยไม่ชอบ ทับทางสาธารณะเขาตะเกียบ  ระบุ หลักฐานตราจอง ภาพถ่ายทางอากาศ ยืนยันชัดไม่มีส่วนใดของแปลงที่ดินติดชายหาดหัวหิน – เขาตะเกียบ  พร้อมสั่งเทศบาลรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างคืนสภาพถนนให้เสร็จใน 90 วัน


วันนี้ (16 ก.ค.) ศาลปกครองเพชรบุรีมีคำพิพากษาสั่งเพิกถอนโฉนดที่ดินของบริษัท วีรันดา รีสอร์ท แอนด์ สปา จำกัด ผู้ประกอบธุรกิจโรงแรมหรูใน อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ กรณีออกโฉนดที่ดินทับถนน ทางสาธารณะและให้เทศบาลเมืองหัวหินรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างที่รุกล้ำ พร้อมปรับปรุงให้เป็นถนนสาธารณะดังเดิม ภายใน 90 วัน

คดีนี้ นายสมศักดิ์ เขียวขำ พร้อมพวก รวม 6 คน ซึ่งเป็นชาวบ้านในพื้นที่ ยื่นฟ้องอธิบดีกรมที่ดิน เจ้าพนักงานที่ดิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ สาขาหัวหิน  กล่าวหาว่ารังวัดออกโฉนดที่ดิน เลขที่ 9155 ต.หนองแก อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์  รุกล้ำหรือทับทางสาธารณะ บริเวณเลียบชายหาดทะเลหัวหิน  หรือชายหาดสมเด็จพระนเรศวรมหาราช และทางสาธารณะเลียบเชิงเขาตะเกียบ ด้านทิศตะวันตกของเขาตะเกียบ ที่ชาวบ้านและชาวประมงใช้สัญจรมาเป็นเวลานาน  ทำให้ทางสาธารณะส่วนที่อยู่เลียบชายหาดหายไปทั้งหมด รวมทั้ง ส่วนที่เป็นถนนลาดยางถัดไปถูกรุกล้ำจนแคบ   ปัจจุบันบริษัทวีรันดา เจ้าของที่ดินก่อสร้างกำแพงถาวร ล้ำส่วนที่ยังมีสภาพเป็นถนนลาดยางให้แคบไปทางทิศเหนือ รถไม่สามารถวิ่งผ่านได้ จึงขอให้ศาลเพิกถอนโฉนดที่ดิน หรือเปลี่ยนแปลงแก้ไขแนวเขตที่ดินด้านทิศตะวันออกของแปลงที่ดินตามโฉนด เพื่อกันเป็นเขตทางสาธารณะ และเพิกถอนโฉนดที่ดิน ที่ออกทับทางสาธารณะเต็มแปลง


ส่วนเหตุผลที่ศาลพิพากษาเพิกถอนโฉนด ระบุว่า เดิมที่ดินพิพาทเป็นตราจองที่ตราว่า “ได้ทำประโยชน์แล้ว” เลขที่ 866 ต.หัวหิน อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ระบุแนวเขตไว้ชัดเจนว่า ทิศตะวันออกและทิศเหนือจดทางสาธารณประโยชน์ สอดคล้องกับรูปแผนที่จำลองของที่ดินแนบท้ายตราจอง  และตามรายงานการวิเคราะห์การใช้ประโยชน์ที่ดินจากภาพถ่ายทางอากาศ ฉบับเดือนมกราคม 2546 ซึ่งได้อ่าน แปลความ วิเคราะห์ภาพถ่ายทางอากาศของที่ดินพิพาทและที่ดินริมคลองตะเกียบ เมื่อปี พ.ศ. 2519 ก่อนเปลี่ยนตราจองเป็นโฉนดที่ดินเลขที่ 9155 ปรากฏให้เห็นชัดเจนว่า เป็นถนนหรือทางสาธารณะ ในลักษณะที่เป็นเส้นสีขาวต่อเนื่องกัน จากแนวเขตที่ดินด้านทิศเหนือของที่ดินแปลงพิพาท เชื่อมต่อไปตามแนวเขตด้านทิศตะวันออกของแปลงที่ดินตลอดแนว และเชื่อมต่อขึ้นไปยังวัดเขาตะเกียบ ในลักษณะเป็นทางสาธารณะสายเดียวต่อเนื่องกันอย่างไม่ถูกตัดตอนจากกัน สอดคล้องกับรายงานผลการตรวจสอบของเทศบาลเมืองหัวหินที่สรุปว่า ทางสาธารณะที่พิพาท เดิมเป็นทางเดินเท้า ผิวหน้าดินที่คั่นอยู่ระหว่างคลองตะเกียบ และแปลงที่ดินโฉนดที่ดินเลขที่ 9155 กับภูเขาตะเกียบ ตลอดตามแนวยาวของแปลงที่ดินดังกล่าวทางด้านทิศตะวันออกของแปลงที่ดิน ซึ่งเป็นทางสาธารณะที่ประชาชนใช้สัญจรต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน  

พยานหลักฐานดังกล่าวจึงแสดงให้เห็นชัดเจนว่า ตราจองของบริษัท วีรันดา   เมื่อครั้งที่เป็นที่ดินตราจอง แนวเขตที่ดินด้านทิศเหนือและด้านทิศตะวันออกของแปลงที่ดิน จะติดกับถนนหรือทางสาธารณะตลอดแนว ไม่มีส่วนใดของแปลงที่ดินติดชายหาดทะเลหัวหิน หรือชายหาดทะเลสมเด็จพระนเรศวรมหาราช บริเวณด้านเหนือของเขาตะเกียบ และไม่มีส่วนใดของแปลงที่ดิน ติดพื้นที่เขาตะเกียบ โดยไม่มีถนนหรือทางสาธารณะกั้นอยู่ แต่เมื่อเปลี่ยนตราจองเป็นโฉนดที่ดินเลขที่ 9155 ทำให้แนวทางสาธารณะสูญหายไปจากหลักฐานโฉนดที่ดินทั้งหมด และมีการระบุแนวเขตด้านทิศตะวันออกของแปลงที่ดินที่ต่อจากชายหาดทะเลในหลักฐานโฉนดที่ดินใหม่ เป็นติดกับพื้นที่เขาตะเกียบทั้งหมด ไม่มีแนวทางสาธารณะตามที่ปรากฏอยู่ในตราจองอีก โดยแนวทางสาธารณะที่หายไป ปัจจุบันเป็นแนวเขตที่ดินด้านทิศตะวันออกของแปลงที่ดินโฉนดที่ดินเลขที่ 80321 ซึ่งตามรายงานผลการรังวัดแนวเขตตามโฉนดที่ดินของบริษัทวีรันดา  อยู่ลึกเข้าไปกินเนื้อที่ของถนนลาดยาง ทำให้บางส่วนของผิวจราจรถนนลาดยางทับซ้อนเข้าไปในเขตหลักหมุดที่ดิน ประมาณ 1.50 – 2.00 เมตร

แสดงให้เห็นว่าการรังวัดเพื่อเปลี่ยนตราจองเป็นโฉนดที่ดินเลขที่ 9155 มีการเปลี่ยนแปลงแนวเขตด้านทิศตะวันออกของแปลงที่ดินให้ติดชายหาดทะเล และติดพื้นที่เขาตะเกียบแทน ทำให้ทางสาธารณะกลายเป็นส่วนหนึ่งของที่ดินตามโฉนดที่ดินเลขที่ 81256 และทำให้ทางสาธารณะที่ต่อจากชายหาดทะเลเข้าไปกั้นระหว่างแปลงที่ดินพิพาทกับพื้นที่เขาตะเกียบสูญหายไปทั้งหมด โดยทำให้ถนนหรือทางสาธารณะเป็นส่วนหนึ่งของที่ดินโฉนดที่ดินเลขที่ 81254 เต็มแปลง และเป็นโฉนดที่ดินเลขที่ 82765 เต็มแปลง ทำให้แนวเขตที่ดินด้านทิศตะวันออกของแปลงที่ดินตามโฉนดที่ดินเลขที่ 80321 รุกล้ำทางสาธารณะที่เป็นทางลาดยางปัจจุบันตลอดแนวด้วย การรังวัดเพื่อเปลี่ยนตราจองเป็นโฉนดที่ดินเลขที่ 9155 ทำให้ถนนหรือทางสาธารณะที่เคยมีอยู่ กลายเป็นส่วนหนึ่งของที่ดินพิพาท เป็นการกระทำที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย และทำให้โฉนดที่ดินของบริษัทวีรันดา ที่แบ่งแยกจากที่ดินแปลงดังกล่าวทุกฉบับ ในส่วนที่เคยเป็นถนนหรือทางสาธารณะที่ติดกับแนวเขตที่ดินด้านทิศตะวันออกของแปลงที่ดินตลอดแนว ในส่วนที่เป็นพื้นที่ของโฉนดที่ดินแต่ละฉบับ เป็นโฉนดที่ดินที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย


จึงพิพากษาให้เพิกถอนโฉนดที่ดินของบริษัทวีรันดา  เลขที่ 81256 เฉพาะส่วนที่เป็นพื้นที่แนวเขตที่ดินด้านทิศตะวันออก กว้าง 5 เมตร ที่ติดกับแนวชายหาดทะเล ของแปลงที่ดินดังกล่าวตลอดแนว  โฉนดที่ดินเลขที่ 81254 เต็มแปลง   โฉนดที่ดินเลขที่ 82765 เต็มแปลง และ  โฉนดที่ดินเลขที่ 80321 ต.หนองแก อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ เฉพาะส่วนที่รุกล้ำหรือทับซ้อนกับแนวเขตถนนลาดยางหรือแนวเขตถนนเดิม ตามแนวเขตที่ดินด้านทิศตะวันออกของแปลงที่ดินตลอดแนว เพื่อให้ถนนลาดยางหรือถนนเดิมมีความกว้าง 5 เมตร ตลอดแนวเขตที่ดินดังกล่าวดังเดิม

ให้อธิบดีกรมที่ดินกับพวกรังวัดกันเขตที่ดินด้านทิศตะวันออกของแปลงที่ดินใหม่ เพื่อถอยร่นเข้าไปในแปลงที่ดินของบริษัท วีรันดา  ให้เป็นถนนหรือทางสาธารณะตามผลการเพิกถอนโฉนดที่ดินทั้ง 4 แปลงดังกล่าว โดยให้เจ้าพนักงานที่ดิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ สาขาหัวหิน แจ้งให้นายสมศักดิ์กับพวก เข้าร่วมสังเกตการณ์ รวมทั้ง แจ้งกำหนดนัดการรังวัดพร้อมส่งสำเนาคำพิพากษาให้เทศบาลเมืองหัวหิน สำนักงานเจ้าท่าที่รับผิดชอบในพื้นที่ นายอำเภอหัวหิน ผู้ปกครองท้องที่ หรือหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้ส่งตัวแทนเข้าร่วมดำเนินการ เมื่อดำเนินการแล้วเสร็จ ให้ส่งมอบแนวเขตถนนหรือทางสาธารณะตามผลการรังวัดกันเขตดังกล่าวให้แก่เทศบาลเมืองหัวหิน เพื่อให้เทศบาลเมืองหัวหินเข้ารื้อถอนสิ่งปลูกสร้างที่รุกล้ำทางสาธารณะ และทำการก่อสร้างปรับปรุงให้เป็นถนนสาธารณะดังเดิมต่อไป  ทั้งนี้  ให้ดำเนินการให้แล้วเสร็จ ภายใน 90 วัน นับแต่วันที่มีคำพิพากษา  .- สำนักข่าวไทย   

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

โปรดเกล้าฯ ครม. “อนุทิน” รายชื่อตรงตามโผ

กทม. 19 ก.ย.-โปรดเกล้าฯ ครม. “อนุทิน” นั่งนายกฯ ควบมหาดไทย พร้อมตั้ง รองนายกฯ 6 คน รมต.สำนักนายกฯ 4 คน ขณะรายชื่อตรงตามโผ ไม่มีเปลี่ยนแปลง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (19 ก.ย. 68) เวลา 09.30 น. เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ประกาศ สำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง แต่งตั้งคณะรัฐมนตรี โดยพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า ตามที่ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ตามประกาศลงวันที่ 7 กันยายนพุทธศักราช 2568 แล้วนั้น บัดนี้ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ได้เลือกผู้ที่สมควรดำรงตำแหน่ง รัฐมนตรีเพื่อบริหารราชการแผ่นดินสืบต่อไปแล้ว อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 158 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย จึงทรงพระกรุณาโปรดเก้าแต่งตั้งรัฐมนตรีดังต่อไปนี้ นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ […]

“เจ๊ปอง” น้ำตาคลอ เปิดใจหลังศาลฎีกาตีกลับยกฟ้อง

กรุงเทพฯ 19 ก.ย. – “เจ๊ปอง” น้ำตาคลอ เปิดใจหลังศาลฎีกาตีกลับยกฟ้อง เชื่อ 15 ปีที่ผ่านมา เป็นบทเรียนของชีวิต หลังจากนี้จะใช้ชีวิตของตัวเองอุทิศให้ประชาชนและประเทศชาติ ชี้ขึ้นอยู่กับสถานการณ์บ้านเมืองว่าจะออกมาเคลื่อนไหวอีกหรือไม่ น.ส.อัญชะลี ไพรีรัก สื่อมวลชนอาวุโส กล่าวขอบคุณกระบวนการยุติธรรม และศาลด้วยที่ความเมตตากับตนเอง ที่ผ่านมาเราต่อสู้ด้วยความบริสุทธิ์ยุติธรรม สำหรับการตัดสินในวันนี้ทำให้รู้สึกโล่งใจ ดีใจทำให้เรารู้ว่าหลังจากนี้เราจะใช้ชีวิตของเราอย่างไรต่อ เพราะถือว่าเป็นคดีสุดท้าย 15 ปีที่ผ่านมา เป็นบทเรียนของชีวิต ต่อจากนี้เป็นต้นไปขอทำหน้าที่สื่อมวลชนที่ดีเป็นประโยชน์ต่อพี่น้องประชาชน เป็นประโยชน์กับประเทศชาติ มันเป็นสิ่งที่ดีที่สุดชีวิตนี้จะอุทิศให้กับพี่น้องประชาชนและประเทศชาติ พร้อมบอกว่าเป็นคดีสุดท้ายใน 20 ปี ตลอด 20 ปีที่ผ่านมา เราใช้วิชาชีพของตัวเองใช้ความเชี่ยวชาญของตัวเองรับใช้พี่น้องประชาชน ถือว่าเป็น 20 ปี ที่คุ้มมาก พี่น้องประชาชนให้กำลังใจเราเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะคนที่ร่วมมือกับเราในการแสวงหาข้อมูล เรารู้สึกว่ามีคนรักเรามาก และความจริงมีเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น เรานำเสนอความจริง เมื่อถามว่าที่ผ่านรู้สึกอย่างไรได้มีเตรียมใจไว้หรือไม่ น.ส.อัญชะลี ระบุว่า ทุกอย่างเตรียมความพร้อม ทุกอย่างไม่ต้องแอบทำใจ หากเราสู้จนถึงที่สุดแล้วอะไรจะเกิดขึ้นก็ต้องเกิด ขอบคุณทุกหน่วยงานที่เคยช่วยเหลือทั้งในเรื่องเอกสาร หรืออื่นๆ ส่วนเหตุผลที่ศาลพิจารณายกฟ้องในคดีนี้ คือ ศาลเห็นว่าพยานให้การไม่ตรงกันในหลายประเด็นทั้งพยานวัตถุ […]

ศาลฎีกานัดฟังคำพิพากษาคดีม็อบพันธมิตรบุกยึด NBT ปี51

ศาลอาญา 19 ก.ย. – วันนี้ที่ศาลอาญา รัชดา ได้นัดฟังคำพิพากษาศาลฎีกา หรือคดีแกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยหรือ พธม. นำผู้ชุมนุมบุกยึดสถานีโทรทัศน์แห่งประเทศไทย หรือ NBT เมื่อวันที่ 26 สิงหาคม 2551 หรือเมื่อ 17 ปีก่อน ในช่วงระหว่างการชุมนุมขับไล่รัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช ในขณะนั้น ซึ่งศาลอาญานัดฟังคำพิพากษาในเวลา 10:00 น. โดยคดีดังกล่าวมีจำเลย 4 คน ได้แก่ น.ส.อัญชะลี ไพรีรัก, นายภูวดล ทรงประเสริฐ, นายยุทธิยง ลิ้มเลิศวาที และนายชิติพัทธ์ ลิ้มทองกุล ซึ่งเป็นน้องชายของนายสนธิ ลิ้มทองกุล อดีตแกนนำ พธม. ทั้งหมดถูกฟ้องในความผิดฐานร่วมกันมั่วสุมตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป อั้งยี่ซ่องโจร บุกรุก และทำให้เสียทรัพย์ เนื่องจากปรากฏหลักฐานว่า จำเลยทั้งห้าเป็นระดับหัวหน้าและผู้สั่งการให้กระทำความผิด ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้ได้มีจำเลยอีก 1 คน คือ นายสมเกียรติ […]

‘มาครง’ เตรียมเสนอหลักฐานยืนยัน ‘บริฌิตต์’ เป็นหญิงไม่ใช่ชาย

ปารีส 19 ก.ย. – ประธานาธิบดีเอมมานูเอล มาครง ผู้นำฝรั่งเศส และบริฌิตต์ ภริยา เตรียมเสนอหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ต่อศาลสหรัฐเพื่อพิสูจน์ว่าบริฌิตต์เป็นผู้หญิงจริงๆ ไม่ใช่ผู้ชาย ทนายความของประธานาธิบดีมาครงและบริฌิตต์ บอกว่า ทั้งคู่จะยื่นเอกสารเหล่านี้ในคดีหมิ่นประมาทที่ทั้งสองได้ยื่นฟ้อง แคนแดซ โอเวนส์ อินฟลูเอนเซอร์ฝ่ายขวาชาวอเมริกัน ที่เผยแพร่ความเชื่อของตนผ่านทางสื่อและรายการพ็อคแคสต์ของตนเองว่าบริฌิตต์ เกิดมาเป็นผู้ชาย ซึ่งเรื่องนี้ทำให้เธอเสียใจและไม่สบายใจอย่างมากกับข้อกล่าวหาดังกล่าว และเรื่องนี้รบกวนจิตใจของประธานาธิบดีฝรั่งเศส แม้จะไม่ได้ทำให้มาครงสมาธิหลุดจากภารกิจหน้าที่ของเขาในฐานะผู้นำประเทศ แต่มันก็เป็นเรื่องรบกวนจิตใจของคนที่ต้องรับผิดชอบทั้งเรื่องครอบครัวและเรื่องงาน ซึ่งตัวประธานาธิบดีก็ไม่มีข้อยกเว้น ในส่วนของการยื่นหลักฐานต่อศาลนั้น ทนายความของมาครงและภริยาบอกว่า ทั้งคู่พร้อมที่จะแสดงหลักฐานอย่างชัดเจนทั้งในภาพรวมและในรายละเอียด รวมถึงคำให้การจากผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งจะเป็นลักษณะทางวิทยาศาสตร์เพื่อพิสูจน์ว่าข้อกล่าวหานั้นเป็นเท็จ แม้จะเป็นกระบวนการที่บริฌิตต์จะต้องเผชิญต่อหน้าสาธารณชนอย่างเปิดเผย แต่เธอก็ยินดีที่จะทำ เธอตัดสินใจแน่วแน่แล้วว่าจะทำทุกอย่างที่จำเป็นเพื่อทำให้เรื่องนี้กระจ่าง สำหรับประเด็นเรื่องบริฌิตต์ เป็นผู้ชาย ถูกเผยแพร่ครั้งแรกตามสื่อออนไลน์ของฝ่ายขวาและกลุ่มต่อต้านวัคซีนในฝรั่งเศสตั้งแต่ปี 2021 ต่อมา แคนแดซ โอเวนส์ อดีตนักวิจารณ์ของเดลี่ไวร์ (Daily Wire) สำนักข่าวสายอนุรักษ์นิยมของสหรัฐฯ ซึ่งมีผู้ติดตามบนโซเชียลมีเดียหลายล้านคน ได้เผยแพร่มุมมองของตนเองหลายครั้งว่า บริฌิตต์ เป็นผู้ชาย ที่มีชื่อว่า ฌอง-มิเชล ทรอกโนซ์ (Jean-Michel Trogneux) ก่อนที่จะแปลงเพศในเวลาต่อมา ถึงขั้นอ้างว่าเธอพร้อมเดิมพันชื่อเสียงในอาชีพทั้งหมดของเธอกับข้อกล่าวหานี้ ส่งผลให้มาครงและภริยายื่นฟ้องต่อศาลสหรัฐฯ […]

ข่าวแนะนำ

เปิดแนวต้านน้ำหล่มสัก ผลักดันแผนแก้น้ำท่วมซ้ำซาก

เพชรบูรณ์ 22 ก.ย. – แม้ว่าน้ำที่ท่วมชุมชนและย่านการค้าในเขตเทศบาลเมืองหล่มสัก ที่เพชรบูรณ์ จะลดลงแล้ว แต่ทิ้งความเสียหายเป็นวงกว้าง โดยเฉพาะย่านการค้าเก่าแก่ที่เจอน้ำท่วม 2 รอบในช่วง 3 สัปดาห์ เรียกว่ายังไม่ทันได้ฟื้นฟูความเสียหายจากน้ำท่วมรอบแรกเสร็จ ต้องมาเจอน้ำท่วมซ้ำอีก ขณะที่หลายคนกังวลและต้องเตรียมรับมือกับพายุที่คาดว่าจะเข้ามาในช่วงปลายสัปดาห์นี้ พร้อมเรียกร้องให้เร่งป้องกันและหาแนวทาง แก้ปัญหาระยะยาว ไม่ให้หล่มสักกลายเป็นพื้นที่น้ำท่วมซ้ำซาก .-สำนักข่าวไทย

ฝนถล่มเชียงใหม่ ประกาศปิดน้ำตกแม่สา ส่วนวัดผาลาด เตือนน้ำป่าหลาก

เชียงใหม่ 22 ก.ย.-ฝนถล่มเชียงใหม่ อุทยานฯ ดอยสุเทพ-ปุย ประกาศปิดน้ำตกแม่สา อ.แม่ริม ชั่วคราว หลังน้ำป่าไหลหลาก ส่วนวัดผาลาด แจ้งเตือนชาวบ้านรับมือน้ำป่าหลากลงน้ำตกผาลาด ช่วงบ่ายวันนี้ ( 22 กันยายน) เกิดฝนตกหนักในหลายพื้นที่ของจังหวัดเชียงใหม่ เพจเฟซบุ๊ก อุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุย ได้โพสต์ข้อความประกาศปิดน้ำตกแม่สา ในอำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ ชั่วคราว เพื่อความปลอดภัยของนักท่องเที่ยว เนื่องจากเกิดเหตุน้ำป่าไหลหลากลงมาจนน้ำมีสีน้ำตาลขุ่น กระแสน้ำไหลแรงและเชี่ยวกราก โดยจะปิดน้ำตกแม่สาตั้งแต่วันนี้จนกว่าสถานการณ์จะเข้าสู่สภาวะปกติ ขณะที่พระมหาสง่า ไชยวงค์ เจ้าอาวาสวัดผาลาด ก็ได้โพสต์คลิปภาพวิดีโอ พร้อมข้อความ “มวลน้ำจากยอดดอยกำลังผ่านวัดผาลาด ญาติโยมด้านล่างช่วงนี้ก็เฝ้าไว้เน้อ” ซึ่งทางวัดผาลาดจะมีการแจ้งเตือนชาวบ้านที่อยู่ใกล้ทางน้ำไหลน้ำตกผาลาด และบริเวณเชิงดอยสุเทพในตัวเมืองเชียงใหม่ ให้เฝ้าระวังน้ำป่าที่ไหลผ่านวัดลงสู่ด้านล่างทุกครั้ง สำหรับวัดผาลาดตั้งอยู่บริเวณทางขึ้นดอยสุเทพ และมีน้ำตกผาลาดไหลผ่านพื้นที่วัดช่วงที่เกิดฝนตกหนัก จะมีน้ำป่าไหลหลากจากบนดอยสุเทพผ่านน้ำตกผาลาด ก่อนจะไหลลงสู่พื้นที่ตัวเมืองเชียงใหม่.-สำนักข่าวไทย

กองทัพไทย ย้ำบ้านหนองหญ้าแก้วอยู่เขตแดนไทย ชี้ JBC รับรองแล้ว

กทม. 22 ก.ย.- กองทัพไทย ย้ำบ้านหนองหญ้าแก้วอยู่เขตแดนไทย ไม่ใช่พื้นที่ทับซ้อน ชี้ JBC รับรองแล้ว สอดคล้อง MOU 2543 พล.ต.วิทัย ลายถมยา โฆษกกองบัญชาการกองทัพไทย เปิดเผยถึงประเด็นหลักเขตแดนที่ 42 และ 43 ในพื้นที่ อ.โคกสูง จ.สระแก้วว่า หลักเขตแดนที่ 42 ตั้งอยู่ที่บ้านหนองหญ้าแก้ว (บ้านไปรจัน) ต.โคกสูง อ.โคกสูง จ.สระแก้ว และหลักเขตแดนที่ 43 ตั้งอยู่ที่บ้านโนนหมากมุ่น ต.โคกสูง อ.โคกสูง จ.สระแก้ว โดยการกำหนดแนวเขตแดนในพื้นที่ดังกล่าวเป็นเส้นตรงจากหลักเขตแดนที่ 41 มายังหลักเขตแดนที่ 42 และต่อเนื่องไปยังหลักเขตแดนที่ 43 จากนั้นแนวเขตแดนจะไปตามคลองระลมระสือจนถึงหลักเขตแดนที่ 44 สำหรับกระบวนการสำรวจ ชุดสำรวจร่วมไทย–กัมพูชาได้ดำเนินการตามขั้นตอนที่ 1 ของ TOR คือ การสำรวจสภาพ และที่ตั้งของหลักเขตแดนทั้งหมด 74 หลัก ตั้งแต่ปี พ.ศ. […]

ทีมทนายวัดนาป่าพง หอบเอกสารเข้าพบกองปราบ

22 ก.ย.- ทีมทนายวัดนาป่าพง หอบเอกสารเข้าพบพนักงานสอบสวนกองปราบ ขณะที่สีกาเยอรมนีเตรียมนั่งเครื่องเข้าพบตำรวจ 2 ต.ค.นี้ หลังจากที่นายนันทน อินทนนท์ ทนายความวัดนาป่าพง จ.ปทุมธานี พร้อมทีมทนายความ ได้มีการตั้งโต๊ะแถลงชี้แจงประเด็นที่ น.ส.ทองใหม่ ขวัญหมื่น หรือ ทนายอุ้ม ทนายความผู้รับมอบอำนาจจากสีกาจากประเทศเยอรมนี เข้ามาร้องเรียนที่กองบังคับการปราบปราม กล่าวหาว่า พระคึกฤทธิ์ ยักยอกเงินวัด ก่อนนำมาฟอกกับมูลนิธิพุทธวจนที่ประเทศเยอรมนีนั้น ความเคลื่อนไหวล่าสุดวันนี้ (22 ก.ย.68) เวลา 10.00 น. ที่กองบังคับการปราบปราม กองกำกับการ 2 นายนันทน อินทนนท์ ทนายความวัดนาป่าพง จ.ปทุมธานี และทีมทนายความ ได้เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวน โดยนำเอกสารเป็นพยานหลักฐานเกี่ยวกับเส้นเงิน เงินบริจาคภายในวัด มามอบให้กับพนักงานสอบสวน เพื่อชี้แจงในประเด็นต่างๆ โดยใช้เวลาในการชี้แจงกับพนักงานสอบสวนไม่ถึง 1 ชั่วโมง ก่อนจะเดินทางกลับทันที และไม่ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนแต่อย่างใด หลังจากนั้นทีมข่าวได้ติดต่อไปที่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เปิดเผยว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ระหว่างการตรวจสอบเส้นทางการเงินของวัดนาป่าพง โดยเฉพาะเงินที่เปิดรับบริจาคทั่วประเทศ หากตรวจสอบแล้วพบว่ามีความผิดจริง […]