กรุงเทพฯ 15 ก.ค.-ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองจับ “เจ๊เพชร ปอยเปต” นายหน้านำแรงงานต่างด้าวเข้าเมืองผิดกฎหมาย โดยเรียกเก็บค่าใช้จ่ายครั้งละ 4,000 บาท พร้อมเร่งขยายผลผู้ร่วมขบวนการทั้งชาวไทยและชาวต่างด้าวที่เหลือให้ได้ทั้งหมด
พลตำรวจโทสมพงษ์ ชิงดวง ผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง แถลงผลจับกุม นางเพชรรัตน์ สาธร หรือ ฉายา เจ๊เพชร ปอยเปต ซึ่งถูกระบุเป็นนายหน้านำพาแรงงานต่างด้าวเข้าประเทศผิดกฎหมาย ในพื้นที่อำเภออรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว โดยตำรวจตามจับได้ช่วงเย็นวานนี้ (14 ก.ค.) ที่โรงแรมแห่งหนึ่ง ในจังหวัดสระแก้ว จากการสอบสวน นางเพชรรัตน์ รับว่า ลักลอบเดินทางเข้าไทยผ่านทางช่องทางธรรมชาติ โดยไม่ได้ปฏิบัติตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ สอดคล้องกับการตรวจสอบข้อมูลในระบบสารสนเทศตรวจคนเข้าเมือง พบว่า นางเพชรรัตน์ ออกจากไทยเมื่อวันที่ 13 มีนาคม 2563 ทางจุดผ่านแดนถาวรบ้านคลองลึก และไม่พบข้อมูลเดินทางเข้ามาในไทยแต่อย่างใด นอกจากนี้ นางเพชรรัตน์ ยังรับสารภาพว่า ได้โพสเพชบุ๊ค โฆษณาว่า สามารถนำพาคนเข้าออกประเทศได้โดยไม่ต้องกักตัว 14 วัน และไม่ต้องผ่านการตรวจโรค โดยเรียกเก็บค่าใช้จ่ายครั้งละ 4,000 บาท โดยผู้เดินทางต้องโอนค่ามัดจำเป็นค่ารถ 500 บาท และจ่ายอีก 3,500 บาท เมื่อถึงบริเวณชายแดนไทย จากนั้นจะมี นายบอง ไม่ทราบชื่อสกุลและสัญชาติที่แท้จริง เป็นผู้ติดต่อรถตู้ มารับแรงงานต่างด้าวจากแนวชายแดน ตามความต้องการของผู้ประกอบการที่มีความต้องการใช้ ก่อนไปส่งในพื้นที่ต่าง ๆ เช่น กรุงเทพมหานคร นนทบุรี สมุทรปราการ ซึ่งแรงงานต่างด้าวกำลังเป็นที่ต้องการมากที่สุด คือ แรงงานสัญชาติกัมพูชา ทำให้จากนี้ ตำรวจจะต้องสืบสวนขยายผลให้ได้ผู้ร่วมขบวนการทั้งหมดต่อไป
ทั้งนี้ นางเพชรรัตน์ เป็นเพียงผู้หาช่องทางแสวงหาผลประโยชน์ในช่วงด่านพรมแดนปิด ซึ่งการโฆษณาอ้างว่า จะช่วยเหลือพาคนเข้าออกประเทศได้ โดยไม่ต้องกักตัว พบว่า มีการนัดแนะกันบ้าง แต่จะมีผู้หลงเชื่อจ่ายเงินหรือลักลอบเข้าเมืองสำเร็จมากน้อยแค่ไหน ตำรวจอยู่ระหว่างการตรวจสอบขยายผล ส่วนผู้ที่ได้ฉายา เจ๊ต้อย วังน้ำเย็น ซึ่งถูกระบุเป็นนายหน้านำพาแรงงานเข้าประเทศผิดกฎหมายเช่นกัน ก็มีความคืบหน้าไปพอสมควร
นอกจากนี้ ชุดสืบสวนตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดตาก ยังสามารถจับชายไทย ขณะขับรถโดยสารไม่ประจำทาง ที่มีกลุ่มแรงงานต่างด้าว 20 คน ผ่านจุดตรวจบ้านห้วยหินฝน อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก จากการตรวจค้น พบในจำนวนนี้ มีเอกสารถูกต้องเพียง 4 คน ส่วนอีก 16 คน พบเอกสารการแจ้งความหนังสือเดินทางหาย แต่เมื่อตรวจสอบในฐานข้อมูลของตรวจคนเข้าเมือง พบเป็นหนังสือเดินทางของบุคคลอื่น จึงสอบสวนและทั้งหมดให้การรับสารภาพว่า เป็นชาวเมียนมาหลบหนีเข้ามาทำงานทั่วไปในประเทศไทย แต่เมื่อเกิดการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 นายจ้างบอกเลิกจ้าง จึงจะเดินทางกลับประเทศ แต่มาถูกจับได้ก่อน
ตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม ถึง 14 กรกฎาคม 2563 มีการจับกุมผู้นำพาและลักลอบเข้าเมืองผิดกฎหมายได้แล้ว 2,169 คน พร้อมเตือนผู้ประกอบการ หากแรงงานต่างด้าวผิดกฎหมาย ที่มีการลักลอบเข้าเมืองโดยไม่ผ่านการตรวจคัดกรอง จะมีความเสี่ยงในการติดโรคได้ .-สำนักข่าวไทย