ศบค.ขออภัยคนระยอง-กทม. กรณีทหารอียิปต์-ลูกทูตติดโควิด

ทำเนียบฯ 14 ก.ค.-โฆษก ศบค.เผย ศบค.พร้อมเป็นผู้รับผิดชอบ กรณีทหารอียิปต์-บุตรสาวอุปทูตซูดาน ติดโควิด-19  ขออภัยคนระยองและคนกรุงเทพฯ กับสิ่งที่เกิดขึ้นทุกเรื่อง ยอมรับเสียใจกับคำพูดที่ว่า เจ้าหน้าที่รัฐการ์ดตกเสียเอง แจง ศบค.ชุดเล็กมีข้อสรุป  กต.จะทบทวนให้นักการทูตที่เข้ามาในประเทศ เข้าสู่สถานกักกันที่รัฐจัดให้ 14 วัน  ยกเลิก 8 เที่ยวบินทหารอียิปต์ และชะลอการอนุญาตเดินทางเข้าประเทศแบบผ่อนคลาย โดย จะทบทวนระบบทั้งหมด  ยันทหารอียิปต์ไม่ได้เที่ยวสถานบันเทิง


นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด19) หรือ ศบค. แถลงกรณีการรายงานทหารอียิปต์ติดโควิด-19 ออกไปเที่ยวห้างสรรพสินค้า จ.ระยอง และกรณีบุตรสาวอุปทูตซูดาน ประจำประเทศไทย วัย 9 ขวบ ติดโควิด-19 และครอบครัวพักในคอนโด One X ย่านสุขุมวิท ว่า กรณีทหารอียิปต์ สถานทูตได้ขออนุญาตไปยังกระทรวงการต่างประเทศ (กต.) และกองทัพอากาศ ซึ่งกรณีนี้ไม่ใช่กลุ่มวีไอพี แต่เป็นกรณีปฏิบัติโดยปกติที่มีการอนุญาตให้เข้ามา ซึ่งเหมือนกับลูกเรือสายการบินทั่วไปที่เข้ามาพักในโรงแรมที่จัดไว้ให้ แล้วเดินทางกลับออกไป เพียงแต่ครั้งนี้ไม่ได้ลงที่สุวรรณภูมิตามปกติ แต่ไปลงที่สนามบินอู่ตะเภา 

โฆษก ศบค. กล่าวว่า เที่ยวบินเข้ามา 2 เที่ยวบิน คือ EGY1215 และ EGY1216 เป็นเที่ยวบินทางทหาร มีกัปตันเรือ และลูกเรือรวม 31 คน วันที่ 6 ก.ค. เดินทางจากกรุงไคโร ประเทศอียิปต์ มาสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ วันที่ 7 ก.ค. เดินทางต่อมายังปากีสถาน และวันที่ 8 ก.ค.เดินทางถึงไทย โดยบริษัทสายการบินภาคพื้นประสานงานจองห้องพัก มีสถานทูตเป็นผู้เลือก กำหนดพัก 8-11 ก.ค. โดยเข้าพักโรงแรมดีวารี อ.เมือง จ.ระยอง ถึงเวลา 23.00 น. เครื่องบินล่าช้า 2 ชั่วโมงจากกำหนดการ ทุกคนพักร่วมห้อง 2 คน ยกเว้นกัปตันพักห้องเดี่ยว


นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า วันที่ 9 ก.ค. เวลา 05.30 น. คณะเดินทางออกจากโรงแรม ไปสนามบินอู่ตะเภา เพื่อไปทำภารกิจทางทหาร และเติมน้ำมันเมืองเฉิงตู ก่อนบินกลับถึงไทยลงที่สนามบินอู่ตะเภาเวลา 23.30 น. ของวันเดียวกัน และกลับโรงแรมที่พัก เวลา 02.00 น. ของวันที่ 10 ก.ค. ต่อมาเวลา 11.20 น. มีจำนวนหนึ่งเดินทางออกจากที่พักไปยังห้างสรรพสินค้า 2 แห่งในอำเภอเมือง จ.ระยอง คือ แหลมทอง และเซ็นทรัล ทั้งนี้ ทีมสอบสวนโรค สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด (สสจ.) ระยอง รับทราบจึงพยายามขอเข้าตรวจคัดกรอง ก็จะเห็นจากคลิปว่ายุ่งยากพอสมควร จนต้องประสานตำรวจ และประสานสถานทูต โดยผลตรวจคือ ไม่ติดเชื้อ 30 คน และผลกำกวม 1 คน จนต้องตรวจซ้ำ ผลออกวันที่ 12 ก.ค. ว่าติดเชื้อ แต่คณะเดินทางกลับไปวันที่ 11 ก.ค.เวลา 11.30 น.

โฆษก ศบค. กล่าวว่า จากการสอบสวนโดยทบทวนจากกล้องวงจรปิดโรงแรม พบว่า ลูกเรือประมาณ 3 คน ใส่หน้ากากอนามัยขณะออกนอกเคหะสถาน ส่วนใหญ่มีหน้ากากอนามัยติดตัว แต่ไม่ได้ใส่ วันที่ 10 ก.ค. มีการเดินทางเป็น 2 คณะ คือ ลูกเรือ 27 คน รวมผู้ติดเชื้อแล้ว เดินทางเข้าไปเที่ยวซื้อสินค้าห้างแหลมทอง เวลา 11.25 – 14.56 น. โดยผู้ติดเชื้อสวมหน้ากากอนามัยขณะออกไปข้างนอก และกลุ่มลูกเรืออีก 4 คนเหมารถแท็กซี่ส่วนบุคคล เพื่อไปเที่ยวห้างเซ็นทรัลระยอง ช่วงเวลา 14.30-18.00 น. โดยใช้แท็กซี่คันเดิมในการรับกลับ ซึ่งติดตามคนขับแล้ว ยืนยันว่าผู้ติดเชื้อไม่ใช่ 1 ใน 4 ที่ไปรับไปส่ง

นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า หากแบ่งตามความเสี่ยงกรณีนี้ พบว่า มีกลุ่มผู้เสี่ยงสูง 9 ราย ตามสถานที่ คือ 1. โรงแรมดีวารี 7 คน เป็นผู้จัดการโรงแรม 2 คน พนักงานขาย 1 คน แม่บ้าน 4 คน ที่ทำงานประจำชั้นที่พบผู้ติดเชื้อคือ ชั้น 7 และ 8 แต่ไม่มีอาการระบบทางเดินหายใจ โรงแรมให้หยุดงาน 14 วัน ตั้งแต่วันที่ 13-27 ก.ค. โดยให้แยกกักตนเองในโรงแรม ต.ท่าประดู่ อ.เมือง จะระยอง 2. สนามบินอู่ตะเภา คือ พนักงานขับรถตู้รับส่งไปยังโรงแรม 2 คน และกลุ่มสัมผัสเสี่ยงต่ำ 9 คน คือ ทีมสอบสวนโรคและทีมตรวจคนเข้าเมืองระยอง สำหรับผู้ไปห้างแหลมทองช่วงเวลาเดียวกันกับกลุ่มทหารอียิปต์ไปเวลา 11.25-14.56 น. มีคนในห้าง 394 คน ส่วนห้างเซ็นทรัลมี 1,488 คน โดยมีอีก 7 คนตรวจสอบโทรศัพท์ยังไม่ได้ทั้งสองที่ ซึ่งกรมควบคุมจะติดตามเลขหมายให้ท่านเข้ามาตรวจ ถ้ามีข้อสงสัยให้มารับการตรวจได้เลย 


“เราตีวงขอบเขตได้จากการใช้แอปพิลเคชันไทยชนะ  ผู้ลงทะเบียนผ่านเวลานั้นจะได้รับการข้อความแจ้งเตือนให้ไปแจ้งแสดงตัว เพื่อเข้ารับการตรวจ โดยมีข้อความคือ ขอความร่วมมือกักตัวเองที่บ้าน 14 วัน หรือติดต่อกลับ สาธารณสุขจังหวัดระยอง ถ้าต้องการรับการตรวจสาธารณสุขก็ยินดี โดยเรามีรถพระราชทานไปประจำในพื้นที่เพื่อให้บริการ” นพ.ทวีศิลป์ กล่าว

นพ.ทวีศิลป์ ยังกล่าวถึง กรณีบุตรสาวอุปทูตซูดานวัย 9 ขวบ ติดโควิด-19 ว่า จากการสอบสวนโรคพบว่า ขณะอยู่ที่ซูดาน อยู่บ้านชั้นเดียวจำนวน 3 ห้องนอน อาศัยรวมกับปู่ ย่า มารดา และน้องสาวอีก 3 คน มารดาขับรถส่วนตัวออกไปซื้ออาหารในตลาดมารับประทาน ไม่มีผู้อื่นมาเยี่ยมบ้าน ไม่ได้ออกนอกบ้านตั้งแต่วันที่ 12 มี.ค. อยู่บ้านไม่ใส่หน้ากากอนามัย ใช้จานชามร่วมกัน ใช้มือในการรับประทาน ในบ้านไม่มีใครป่วย วันที่ 7 ก.ค. มารดาพาบุตรสาว 4 คนตรวจหาเชื้อโควิดที่ รพ. ไม่มีการสัมผัสคนไข้อื่นในรพ. ผลตรวจไม่พบเชื้อ วันที่ 9 ก.ค. เดินทางจากบ้านพักโดยรถส่วนตัว โดยคุณปู่มาส่ง เดินทางสายการบินอียิปต์แอร์ MZ3277 ซึ่งมีคนไทยโดยสาร 245 คน นั่งที่นั่ง 22H จอดเครื่องเติมน้ำมันกรุงไคโร ไม่มีผู้ออกจากเครื่องบิน และนั่งที่นั่งเดิม ถึงสนามบินสุวรรณภูมิ

โฆษก ศบค. กล่าวว่า วันที่ 10 ก.ค. เวลา 05.40 น. ผ่านขั้นตอนตรวจทางมาตรฐานควบคุมโรค โดยตรวจเชื้อจากโพรงจมูกที่สนามบินสุวรรณภูมิ มีอุปทูตซึ่งเป็นบิดา และคนขับรถ 1 คน เจ้าหน้าที่ทูต 1 คน ใส่หน้ากากอนามัยตลอดมารับไปที่พักอาศัย คือ คอนโด One X โดยไม่ได้แวะพักจอดที่ใด ซึ่งผู้ป่วยถึงที่พักเวลา 09.25 น. ผู้ป่วยใส่หน้ากากอนามัย ส่วนน้องสาวคนเล็กและมารดาไม่ได้ใส่หน้ากาก ขึ้นลิฟต์หมายเลข 3 จากที่มี 4 ตัว โดยไม่ได้พูดคุยหรือใช้ลิฟต์ร่วมกับผู้ใด และในวันที่ 10 ก.ค. เจ้าหน้าได้โทรแจ้งผลว่า ด.ญ.อายุ 9 ปี ผลยืนยันพบเชื้อ จึงติดต่อโรงพยาบาล ซึ่งสถานทูตแจ้งว่าวันที่ 10 ก.ค. เวลา 11.38 น. มีรถของสถานทูตพร้อมคนขับ ใส่หน้ากาก มารับไปที่ รพ.พญาไท นวมินทร์ ระหว่างรักษามีอาการปอดอักเสบ จึงขอย้ายไปรักษาสถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี (รพ.เด็ก) ในวันที่ 12 ก.ค. เวลา 04.00 น. และครอบครัวย้ายไปพักบ้านพักสถานทูตซูดานที่ซอยสวนพลู ซึ่งมีประตู 3 ชั้น พื้นที่ประมาณ 200 ตารางวา อาศัยร่วมกับภรรยาและลูก 3 คน

นพ.ทวีศิลป์ กล่าวอีกว่า ระหว่างวันที่ 10-12 ก.ค. ครอบครัวผู้ป่วยที่อยู่ในห้องคอนโดไม่ได้ออกไปใช้บริการสระว่ายน้ำ หรือฟิตเนส บิดาซื้ออาหารให้ 1 ครั้ง และลงมาเปลี่ยนรีโมตแอร์ให้ 1 ครั้ง โดยครอบครัวพักอาศัยชั้นที่ 19 ซึ่งคอนโดมีทั้งหมด 229 ห้อง อาศัยจริง 200 ห้อง เป็นต่างชาติ 70% ซึ่งคอนโดนี้เคยมีผู้ติดเชื้อมาก่อนแล้ว 2 คนในเดือนมีนาคม  มีการประกาศมาตรการป้องกันโดยจำกัดจำนวนคนขึ้นลิฟต์ ทำความสะอาดลิฟต์ทุกตัว แอลกอฮอล์ ถูพื้นทุกวันด้วยน้ำยาฟอกขาว ทั้งนี้ พบว่าลูกบ้าน 50% ไม่ได้ใส่หน้ากากเมื่ออยู่ในลิฟต์ การประเมินผู้สัมผัสมี 2 กลุ่มใหญ่ คือ สัมผัสเสี่ยงสูง คือ ครอบครัว บิดา มารดา และน้องสาว 3 คน นัดหมายตรวจเชื้อวันที่ 15 ก.ค. คนขับรถ 1 คน เจ้าหน้าที่สถานทูต 1 คน ซึ่งจะนัดหมายตรวจหาเชื้อ และสนามบินคนขับรถตู้ 2 คน ส่วนคนสัมผัสเสี่ยงต่ำ คือ คนใช้ลิฟต์ต่อจากครอบครัวมี 15 คน

โฆษก ศบค. เปิดเผยด้วยว่า ที่ประชุม ศปก.ศบค. (ศบค.ชุดเล็ก) มีข้อสรุปถึงกรณีนี้  3 ข้อ คือ 1. เรื่องทางการทูต มีข้อสรุปว่า การให้ทูตไปพำนักในสถานทูต มีความเสี่ยง และทำให้เกิดกรณีซูดานขึ้น กระทรวงการต่างประเทศ จะทบทวนขอให้ผู้ที่เป็นนักการทูตที่เข้ามาในประเทศ เข้าสู่สถานกักกันที่รัฐจัดให้ 14 วัน  2. ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการยกเลิกการอนุญาตการบินเข้าของเที่ยวบินกองทัพอากาศอียิปต์ ทั้งที่อนุญาตไปแล้วและกำลังจะอนุญาต รวม 8 เที่ยวบิน ในวันที่ 17-20 ก.ค. และวันที่ 25-29 ก.ค. และ 3. ให้ชะลออนุญาตการเดินทางเข้ามาราชอาณาจักรแบบผ่อนคลาย ตามข้อกำหนดฉบับที่ 12 รวม 3 กลุ่ม คือ 1 กลุ่มที่มีเหตุยกเว้นหรือได้รับอนุญาต   2 บุคคลในคณะทูตทั้งหลาย และ 3 กลุ่มนักธุรกิจเข้ามาในระยะสั้น โดยขอใช้เวลานี้ทบทวนระบบทั้งหมด เพื่อสร้างความมั่นใจให้ประชาชนอีกครั้ง ก่อนรับคนต่างชาติเข้ามา

“ต้องขออภัยคนจังหวัดระยอง และกรุงเทพฯ โดยเฉพาะที่จังหวัดระยอง เด็กต้องปิดโรงเรียนมากกว่า 10 โรงเรียน พวกเราก็ไม่สบายใจ ต้องขออภัยอย่างสูง และจะทำให้ดีกว่านี้ ละเอียดกว่านี้”นพ.ทวีศิลป์ กล่าว

นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า เรื่องนี้ ศบค.ต้องเป็นผู้รับผิดชอบแน่นอน ส่วนการกำกับดูแลนั้น เนื่องจากกลุ่มทหารอียิปต์ที่เข้ามาเป็นกรณีผู้ควบคุมยานพาหนะ ไม่มีการกำหนดต้องมีผู้ควบคุม เพราะให้เข้ามาแค่มีหนังสือแสดงตัว มีกรมธรรม์ คัดกรองทางเดินหายใจเท่านั้น แม้แต่การเก็บตัวอย่างทางโพรงจมูกตามมาตรการก็ไม่ได้กำหนดไว้ มีเพียงใช้ระบบติดตามตัว ซึ่งตรงนี้ต้องไปติดตามเพิ่ม และใช้พื้นที่กักกันที่เจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อกำหนด ตลอดเวลาที่พำนักอยู่ในราชอาณาจักร สถานที่เป็นไปตามหลักเกณฑ์ราชการกำหนด แต่ข้อหละหลวม คือ สถานทูตไปติดต่อโรงแรมโดยตรง นำไปสู่การเข้าพัก และทำให้ทีมดูแลมารับทราบทีหลัง เมื่อรับทราบจึงขออนุญาตเข้าไปตรวจ

ส่วนต้องทบทวนสิทธิวีไอพีเข้ามาในไทยหรือไม่ เพราะเจ้าหน้าที่การ์ดตกเสียเอง นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า ผมเสียใจกับคำพูดที่ว่า เจ้าหน้าที่รัฐการ์ดตกเสียเอง เราคุยเรื่องนี้กันมาก มีอะไรต้องปรับปรุงตัวเอง ก็จะพัฒนาตัวเองมากที่สุด เราต้องขออภัยในสิ่งที่เกิดขึ้นทุก ๆ เรื่อง รับมาเป็นข้อปฏิบัติ ทำให้ดีที่สุด ในจุดเล็กๆ หละหลวมทุกจุด ความรับผิดชอบของเราที่อาจไม่ละเอียดในทุกข้อต่อ แต่ยืนยันว่ากลุ่มนี้ไม่ใช่กลุ่มวีไอพี

เมื่อถามว่ากลุ่มทหารอียิปต์ไปเที่ยวสถานบริการ อาบ อบ นวด ตามที่มีกระแสข่าวหรือไม่ นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า จากการสอบสวนไม่มีการไปเที่ยวกลางคืน เพราะเดินทางมาถึงดึก บางคืนตีสองและมีภารกิจเช้าและคณะนี้ไม่ใช่วีไอพี เป็นเพียงคณะลูกเรือ และส่วนใหญ่กรณีเช่นนี้จะพักกันที่โรงแรมโนโวเทล สุวรรณภูมิ มีเพียงคณะนี้เท่านั้นที่มาลงที่สนามบินนานาชาติ อู่ตะเภา ดังนั้นศบค.จะเป็นผู้รับผิดชอบ

ต่อข้อถามว่า จะจำกัดวงความเสียหายจากการดูแลอย่างไร จะเป็นซูเปอร์สเปรดเดอร์จนต้องล็อกดาวน์หรือไม่ และจะเยียวยาความเสียหายที่เกิดจากความหละหลวมหรือไม่ นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า เราสอบสวนโรค ดูเส้นทางการเดินทางของ 31 คน ไม่ใช่แค่ผู้ติดเชื้อ เพื่อจำแนกแยกแยะผ่านเวลา และเส้นทาง จึงได้ตัวเลขออกมาของผู้ที่ใช้ไทยชนะในช่วงเวลาเดียวกัน เราตีวงขอบเขตได้ และจะติดตามในระยะเวลา 14 วัน ว่ามีการติดเชื้อในพื้นที่ขึ้นมาหรือไม่ หากควบคุมโรคได้ก็ไม่ต้อง ล็อกดาวน์ ถ้าไม่ได้รับความร่วมมือ แพร่กระจายกันไปมากขึ้น มาตรการเพิ่มเติมก็จะเกิดขึ้น ส่วนเรื่องการเยียวยายังไม่มีการพูดคุยประเด็นนี้ ที่ผ่านมาไม่ว่าสนามมวย สถานบันเทิงทองหล่อ เรายังไม่เคยพูดคุยประเด็นด้านนี้ว่าต้องเยียวยาสถานที่ตรงนั้น ถ้าจะคุยกันก็ต้องโยงทุกที่ ซึ่งเป็นเรื่องใหญ่ แต่เป็นเรื่องที่พยายามจัดการให้ดีที่สุด

“ในนาม ศบค. ปฏิเสธการรับผิดชอบไม่ได้ เรารับทราบมองเห็นว่า หลายเรื่องเป็นเรื่องใหม่ หลายเรื่องคาดไม่ถึง ไม่รู้จะมีรายละเอียดมากมายอย่างนี้ ที่เกิดขึ้นมาก็ดำเนินการมาแล้วปรับปรุงกันเรื่อย ๆ เป็นบทเรียนสำคัญ ผมตัวแทน ศบค. ผอ. หัวหน้าส่วน ทำงานเต็มที่ ฝากขออภัย ขอขอบคุณประชาชนที่ร่วมมือกัน ตอนนี้เห็นความเข้มแข็งสื่อมวลชน ทีมพื้นที่แม้จะมีประเด็นอย่างนี้ บอกว่าการค้นพบผู้ติดเชื้อหนึ่งคน เป็นความเข้มแข็งพื้นที่ ไม่ลดละขอตรวจแม้ผู้ที่เข้ามาไม่ให้ความร่วมมือ มองเห็นคือระบบจากระดับมดงานทำงานได้อย่างดี” นพ.ทวีศิลป์ กล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กรณีที่โลกโซเชียลมีเดียมีการแชร์ไทม์ไลน์ของบุตรสาวอุปทูตซูดาน เดินทางไปสถานที่ต่าง ๆ นั้น ทาง ศบค.แถลงยืนยันว่าไม่เป็นความจริง.-สำนักข่าวไทย 

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดังเปิดใช้ชื่อวัดรับบริจาค แต่วัดเบิกไม่ได้

บช.ก. 6 ส.ค. – “บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดัง เปิดรับบริจาค ใช้บัญชีชื่อวัด แต่หมอดูเบิกได้คนเดียว ตามกฎหมายทำไม่ได้ ต้องนำบัญชีมาตรวจสอบเส้นเงิน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกรณีที่มีหมอดูชื่อดังได้เปิดรับบริจาคเงินโดยใช้บัญชี ชื่อวัดพระบาทน้ำพุ แต่คนที่สามารถถอนเงินออกจากบัญชีได้คือหมอดูคนดังกล่าว ทำให้ประชาชนเกิดข้อสงสัยว่า ทำไมเปิดรับบริจาคใช้ชื่อวัดแต่วัดถอนเงินไม่ได้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ตอนนี้มีผู้เสียหายได้มาร้องขอความเป็นธรรมที่ กองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม เรื่องหมอดูคนดังกล่าว และได้มีการพูดคุยกับผู้กำกับกอง 1 ซึ่งกำลังตรวจสอบอยู่ มีการอ้างว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาส อยู่ระหว่างการตรวจสอบ และจะต้องมีการเช็คว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และเจ้าอาวาสนำเงินไปใช้อะไร เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีนี้จะเข้าข่ายคดีฉ้อโกงหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่า คิดว่าน่าจะเข้าข่ายคดีฉ้อโกง แต่ก็ต้องตรวจสอบดูว่าเงินที่รับบริจาคมาเอาไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และถ้าเอาไปให้จริง เจ้าอาวาสนำเงินไปใช้จ่ายอะไรบ้าง ผู้สื่อข่าวถามอีกว่ากรณีที่หมอดูคนดังกล่าว นำชื่อวัดมารับบริจาคเงินแต่หมอดูคนดังกล่าวกับเบิกเงินได้คนเดียว ทั้งที่ชื่อในบัญชีที่รับบริจาคเป็นชื่อวัดกระทำได้หรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่าทำไม่ได้ ถ้าใช้ชื่อบัญชีรับบริจาคเป็นชื่อวัดก็ต้องนำเงินไปให้วัดแล้วคนที่เบิกได้ก็ต้องเป็นวัดเท่านั้น เพราะเป็นเงินวัด เดี๋ยวจะต้องมีการนำบัญชีดังกล่าวมาตรวจสอบว่าเงินที่เข้าในบัญชีเท่าไหร่และวัดได้เท่าไหร่ และการรับบริจาคในลักษณะนี้ ต้องมีกรรมการวัดในการตรวจสอบบัญชี ให้ละเอียด ไม่ใช่อยากรับบริจาคก็จะทำได้เลย. -415-สำนักข่าวไทย

บุกค้นบริษัท ยึดโดรน-อุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น

กทม. 6 ส.ค.-ตำรวจกองปราบ ร่วมกับ กสทช. บุกค้นบริษัทใน จ.สมุทรปราการ ยึดโดรน และอุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น ตำรวจกองบังคับการปราบปราม ร่วมกับเจ้าหน้าที่ กสทช. และพนักงานสืบสวนจังหวัดสมุทรปราการ เข้าตรวจค้นบริษัทแห่งหนึ่ง ในอำเภอเมืองสมุทรปราการ หลังพบขัอมูลว่ามีบริษัทแห่งนี้ผลิตอุปกรณ์ และมีอากาศยานไร้คนขับโดรนไว้จำนวนมาก ต่อมาเมื่อแสดงหมายเพื่อขอตรวจค้น นายกฤษนันท์ ได้แสดงตัวเป็นกรรมการผู้จัดการของบริษัทดังกล่าว เป็นผู้นำตรวจค้น จากการตรวจค้นพบอากาศยานไร้คนขับ หรือโดรน 29 เครื่อง, กระเป๋าตรวจจับสัญญาณ 38 อัน, ปืนรบกวนสัญญาณ 129 กระบอก, เครื่องรบกวนสัญญาณ 16 เครื่อง, รถตู้สำหรับตรวจจับและรบกวนสัญญาณ 1 คัน และอุปกรณ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอีก 50 รายการ โดยของกลางทั้งหมดจะถูกนำไปเก็บไว้ที่กองบังคับการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อนำไปตรวจสอบความถี่ และเอกสารที่เกี่ยวข้อง สำหรับบริษัทดังกล่าว ตำรวจให้ข้อมูลว่า มีเจ้าของโรงงานเป็นคนสัญชาติสิงคโปร์ และมีกรรมการเป็นชาวไทยร่วมด้วย ประกอบกิจการผลิตอุปกรณ์ และอากาศยานไร้คนขับโดรน.-สำนักข่าวไทย

มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงิน

กทม 5 ส.ค.-มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงินอีก “ขจรเกียรติ” ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา ผงาดคุมที่ดิน “เชษฐา” คุม ปภ. โยก “ภาสกร” นั่งผู้ว่าฯ ระยอง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ กระทรวงมหาดไทย เตรียมเสนอให้ ครม.พิจารณาเห็นชอบรวม 5 ตำแหน่ง ประกอบด้วย นายพรพจน์ เพ็ญพาส อธิบดีกรมที่ดิน เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายเชษฐา โมสิกรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายขจรเกียรติ รักพานิชมณี ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา เป็นอธิบดีกรมที่ดิน นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นผู้ว่าฯ ระยอง และนายไตรภพ วงศ์ไตรรัตน์ ผู้ว่าฯ ระยอง เป็นผู้ว่าฯ เพชรบุรี.-319.-สำนักข่าวไทย

เปิดปฏิบัติการค้น 200 จุด ล่าพระทำผิดกฎหมาย

กทม. 5 ส.ค.-ตำรวจสอบสวนกลาง เปิดปฏิบัติการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ลุยค้น 200 จุดทั่วประเทศ ไล่ล่าจับพระทำผิดกฎหมาย 181 เป้าหมาย ล่าสุดจับพระวัดดังย่านคลอง 6 ปทุมธานี พบเอี่ยวองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ในฐานะหัวหน้าศูนย์ป้องกันปราบปรามภัยคุกคามและเสริมสร้างความมั่นคงทางพระพุทธศาสนา สั่งการ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. นำกำลังเจ้าหน้าที่หน่วยงานในสังกัด บช.ก. เปิดปฏิบัติการกวาดลานวัด เข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย กว่า 200 จุด เพื่อจับกุมผู้ต้องหาคดีต่างๆ อาทิ ยักยอกทรัพย์ ฟอกเงิน เมาแล้วขับ หรือ มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการยาเสพติด รวมไปถึงองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ที่หลบหนีมาบวชเป็นพระซ่อนตัวตามวัดต่างๆ ทั่วประเทศ โดยกลุ่มผู้ต้องหาที่เป็นเป้าหมายหลักของปฏิบัติการครั้งนี้ มีด้วยกันทั้งหมด 181 ราย แบ่งเป็น ผู้ต้องหาที่ยังมีสถานะเป็นพระ 154 ราย ในจำนวนนี้มีพระตำแหน่งสูงสุดเป็นระดับเจ้าอาวาส ส่วนผู้ต้องหาที่เคยเป็นพระแต่สึกไปแล้วมีทั้งหมด 27 ราย ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการเข้าดำเนินการจับกุม อย่างไรก็ตามขณะนี้มีรายงานว่า จากปฏิบัติการดังกล่าวขณะนี้เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาคนสำคัญได้รายหนึ่งแล้ว […]

ข่าวแนะนำ

รฟท.เร่งกู้รถไฟตกรางที่กุยบุรี คาดเสร็จภายในเที่ยงคืนนี้

ประจวบคีรีขันธ์ 9 ส.ค. – รฟท.เร่งกู้รถไฟตกรางที่กุยบุรี คาดเสร็จสิ้นภายในเที่ยงคืนนี้ ด้าน พฐ.ร่วมตรวจหาสาเหตุตกรางกับนายช่างรถไฟ สันนิษฐานเบื้องต้นนอตล็อกประแจสับรางหลุด ส่วนผู้บาดเจ็บ 10 ราย ออกจาก รพ.แล้ว ความคืบหน้าเหตุรถไฟขบวนด่วนพิเศษ สุไหงโก-ลก ปาดังเบซาร์ ปลายทางสถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ ประสบอุบัติเหตุตกราง ก่อนถึงสถานีรถไฟกุยบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ ประมาณ 100 เมตร เหตุเกิดเมื่อช่วงตี 5 วันนี้ โดยตู้โดยสารที่เกิดเหตุคือ 3 ตู้สุดท้าย 10-12 ทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บรวม 10 คน นำส่งโรงพยาบาลกุยบุรี ผู้โดยสารตู้ที่ตกราง เจ้าหน้าที่จัดรถบัสนำส่งต่อไปยังจุดหมายปลายทาง ส่วนตู้โดยสารที่ไม่ตกราง เดินทางต่อจนถึงสถานีกรุงเทพอภิวัฒน์ ล่าสุดตำรวจ สภ.กุยบุรี พร้อมเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน ลงพื้นที่ตรวจหาสาเหตุรถไฟตกราง ร่วมกับนายช่างวิศวกรของการรถไฟฯ อีกครั้ง จากการตรวจสอบสันนิษฐานเบื้องต้นคาดว่าเกิดจากนอตยึดอุปกรณ์ประแจตัวสับรางหลุด ขณะที่ขบวนรถไฟวิ่งผ่านไปแล้ว 9 ตู้ เหลือ 3 ตู้สุดท้าย ทำให้ไม่สามารถบังคับให้วิ่งตามไปด้วยกันได้ จึงถูกกระชากหลุดด้วยแรงเฉื่อยของความเร็วรถไฟแล้วตกจากราง หรืออาจเกิดจากสาเหตุอื่นๆ […]

“บุ๋ม” รับผ้ายันต์-เหรียญครุฑ หลวงพ่อวราห์ แจกทหารชายแดน

9 ส.ค. – “บุ๋ม ปนัดดา” เริ่มภารกิจโฆษกจิตอาสา ศบ.ทก. วันแรก เข้ารับผ้ายันต์-เหรียญครุฑ จากหลวงพ่อวราห์ นำไปมอบให้ทหารชายแดนไทย-กัมพูชา สร้างขวัญกำลังใจแนวหน้า บุ๋ม-ปนัดดา วงศ์ผู้ดี โฆษกจิตอาสา ศบ.ทก. ที่ พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ หรือบิ๊กเล็ก รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะรักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม แต่งตั้ง เข้าพบหลวงพ่อวราห์ พระเทพวชิระวิทยานุสิฐ วราห์ ปุญฺญวโร ตำนานผู้สร้างพญาครุฑ เพื่อรับผ้ายันต์และเหรียญครุฑ ไปแจกให้ทหารตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา เพื่อเป็นการสร้างขวัญกำลังใจทหารแนวหน้า บุ๋ม ปนัดดา กล่าวว่า ได้รับการประสานจากหลวงพ่อวราห์ ให้เข้ามารับผ้ายันต์และเหรียญครุฑ นำไปมอบให้กับทหารชายแดน เพราะทหารต้องการขวัญและกำลังใจ ดังนั้น อะไรที่ทำให้ทหารอุ่นใจและมีกำลังใจก็จะทำให้ สำหรับผ้ายันต์หลวงพ่อวราห์ แห่งวัดโพธิ์ทอง บางมด กรุงเทพฯ ผ้ายันต์รุ่นบูชาครู จำนวน 2,000 ผืน และเหรียญครุฑ รุ่นเฉพาะกิจ จำนวน 2,000 เหรียญ ที่บุ๋ม-ปนัดดา วงศ์ผู้ดี […]

“มาริษ” เผยเห็นภาพชัดขึ้น หลังลงพื้นที่เสียหาย จ.สุรินทร์

สุรินทร์ 9 ส.ค.- “มาริษ” เผยเห็นภาพชัดขึ้น หลังลงพื้นที่ จ.สุรินทร์ สำรวจความเสียหายจากการโจมตีของกัมพูชา เตรียมใช้เป็นข้อชี้แจงนานาชาติ กัมพูชาใช้อาวุธระยะไกลโจมตีพื้นที่พลเรือน ยันพร้อมประสานให้ ICRC – UN มาดูพื้นที่ นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนภายหลังการลงพื้นที่สำรวจความเสียหายที่จังหวัดสุรินทร์ จากเหตุการณ์ปะทะกันตามแนวชายแดนไทยกัมพูชา ว่า เรื่องข้อมูลของการละเมิดสิทธิ และละเมิดกฎสหประชาชาติกฎหมายระหว่างประเทศของกัมพูชา เรามีข้อมูลครบถ้วนอยู่แล้ว เมื่อวันนี้ได้มาเห็นสภาพจริง และมาเก็บข้อมูลเพิ่มเติม ได้เห็นภาพนอกเหนือจากข้อมูล ก็เป็นภาพที่เห็นชัดเจน รวมถึงการบรรยายสรุปของผู้ว่าราชการจังหวัด เจ้าหน้าที่ท้องถิ่น ที่อธิบายให้เห็นการโจมตีเป้าหมายที่ห่างไกลออกจากเขตแดน ซึ่งตนเองใช้เป็นข้อชี้แจงกับนานาชาติ และองค์กรสหประชาชาติว่าการใช้ประเภทอาวุธระยะไกลของฝ่ายกัมพูชาจะทำให้เกิดปัญหา และจะทำให้ประชาชนพลเรือนได้รับผลกระทบโดยตรง ซึ่งเป็นการโจมตีเป้าหมายไปยังพลเรือน แต่ยังไม่สามารถเข้าไปดูพื้นที่กับระเบิด และวันนี้ทราบว่ามีทหารเหยียบกับระเบิดที่วางอยู่ตามแนวชายแดน โดยนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้สั่งการให้กระทรวงการต่างประเทศชี้แจง และแสดงความผิดหวัง และไม่ปราถนาที่จะเห็นผลกระทบที่เกิดขึ้นในช่วงการเจรจา เพื่อแก้ไขปัญหาระหว่างกันให้สำเร็จอย่างยั่งยืน ส่วนนี้เราจะแสดงจุดยืนที่ไม่เห็นด้วยกับการใช้อาวุธ หรือทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ที่ละเมิดอนุสัญญาออตตาวา อย่างชัดเจน นายมาริษ กล่าวว่าการเดินทางมาครั้งนี้ ได้เห็นภาพชัดเจนมากขึ้นในสิ่งที่เราเรียกร้องมาโดยตลอด ว่าเราทำตนอยู่ภายใต้กรอบกฎหมายระหว่างประเทศ เป็นสิ่งที่ถูกต้องแล้ว และได้แสดงตนให้ประชาคมโลก […]

ทบ.ชี้เหตุกำลังพล ร้อย.ร.111 เหยียบกับระเบิด สะท้อนกัมพูชาเริ่มใช้อาวุธก่อน

กรุงเทพฯ 9 ส.ค. – โฆษก ทบ. ชี้เหตุกำลังพล ร้อย.ร.111 เหยียบกับระเบิดขณะลาดตระเวนเส้นทาง พื้นที่รอยต่อบ้านโดนเอาว์-บ้านกฤษณา จ.ศรีสะเกษ บาดเจ็บ 3 นาย สะท้อนกัมพูชาเริ่มใช้อาวุธก่อน พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่า วันที่ 9 สิงหาคม 2568 เวลา 10.00 น. กองทัพบกได้รับรายงานจากกองกำลังสุรนารี กองทัพภาคที่ 2 กรณีกำลังพลของหน่วยกองร้อยทหารราบที่ 111 เหยียบกับระเบิด ขณะทำการลาดตระเวนเส้นทาง เพื่อเสริมความมั่นคงในพื้นที่รอยต่อบ้านโดนเอาว์-บ้านกฤษณา จังหวัดศรีสะเกษ ส่งผลให้กำลังพลได้รับบาดเจ็บ 3 นาย ได้แก่ 1. จ่าสิบเอก ธานี พาหา ตำแหน่งผู้บังคับหมู่ป้องกัน บาดเจ็บรุนแรง ข้อเท้าซ้ายท่อนล่างขาด2. พลทหาร ภาคภูมิ ไชยสุระ ตำแหน่งพลปืนเล็ก บาดเจ็บบริเวณแขนและด้านหลัง3. พลทหาร ธนันชัย ไกรวงค์ […]