ลงพื้นที่ 2 จุดเสี่ยงที่ทหารอียิปต์ไป-สอบสวนโรคคืบหน้าเกือบ 100%

ระยอง 14 ก.ค.- รมช.สาธารณสุข ลงพื้นที่ จ.ระยอง โฟกัส 2 จุดเสี่ยงที่ทหารอียิปต์ติดเชื้อโควิด-19 ไป คือ โรงแรมที่ทหารอียิปต์ไปพัก และห้างสรรพสินค้าในเมืองระยอง โดยภาพวงจรปิดพบทหารอียิปต์สวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลาขณะอยู่ในห้างฯ และไม่ได้พูดคุยกับใคร ขณะที่การสอบสวนโรคคืบหน้าไปแล้วเกือบ 100% 


นายสาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมชุดปฏิบัติการกรมควบคุมโรค เดินทางลงพื้นที่ตรวจสอบ ที่ จ.ระยอง กรณี ศบค.เปิดเผยข้อมูลว่า มีทหารอียิปต์ติดเชื้อโควิด-19 เข้าพักในโรงแรม และออกมาเดินเที่ยวห้างสรรพสินค้า 


สำหรับการลงพื้นที่ตรวจสอบวันนี้ เน้นจุดเสี่ยงใหญ่ คือ โรงแรมดี วารี ที่ทหารอียิปต์คนนี้ไปพัก และห้างสรรพสินค้าแพชชั่น ช้อปปิ้ง เดสติเนชั่น (ห้างฯ แหลมทองเดิม) ในเมืองระยอง ที่มีข้อมูลจากการสอบสวนโรคพบว่า เขาแอบหนีจากโรงแรมมาเดินเที่ยว เมื่อวันที่ 10 กรกฎาคมที่ผ่านมา

โดยการจากตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดของห้างสรรพสินค้าพบว่า วันที่เกิดเหตุเป็นวันศุกร์ช่วงเช้าที่มีคนน้อย มีทหารอียิปต์ฝ่าฝืนออกจากโรงแรมมาเดินเล่นที่ห้างสรรพสินค้าทั้งหมด 15 คน แบ่งเป็น 2 กลุ่ม กลุ่มแรก 13 คน และอีกกลุ่ม 2 คน โดยหนึ่งในนั้นพบว่า ติดเชื้อโควิด-19 โดยระยะเวลาที่ทหารอียิปต์คนนี้ใช้อยู่ในห้างฯ เป็นช่วงเวลาสั้นๆ เมื่อเดินเข้ามาในห้างฯ แล้ว ก็ขึ้นบันไดเลื่อนไปชั้น 2 ทันที ไม่ได้ซื้อของ หรือหยิบจับอะไร และไม่ได้พูดคุยกับใคร ที่สำคัญตลอดที่อยู่ในห้างเขาใส่หน้ากากอนามัยตลอด ทั้งนี้ หลังจากเกิดเหตุก็มีการทำความสะอาด พร้อมพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อทันที


ขณะเดียวกัน ที่โรงแรมซึ่งทหารอียิปต์กลุ่มนี้เข้าพัก ตอนนี้ผู้ประกอบการปิดโรงแรมชั่วคราว พร้อมกักตัวพนักงานโรงแรม 2 คน ที่ขึ้นไปเสิร์ฟอาหารบนห้องของกลุ่มทหาร รวมถึงเก็บตัวอย่างของพนักงานที่สัมผัสใกล้ชิดรวม 9 คน เพื่อนำไปตรวจสอบว่า ติดเชื้อโควิด-19 หรือไม่ ขณะที่การสอบสวนโรคคืบหน้าไปแล้วเกือบ 100% ทั้งนี้ยอมรับว่า จะต้องมีการบริหารจัดการที่สนามบินอู่ตะเภาใหม่ เพื่อให้มีความรัดกุมมากยิ่งขึ้น

สำหรับมาตรการด้านความปลอดภัยที่เกิดขึ้นใน จ.ระยอง ขณะนี้มีการปิดโรงเรียนในสังกัด สพฐ. สถานศึกษาเอกชน และอาชีวะ กว่า 127 แห่ง ให้เรียนผ่านออนไลน์ เพื่อลดการรวมตัว ป้องกันความเสี่ยงติดเชื้อโควิด-19.-สำนักข่าวไทย

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

พ่อเลี้ยงล่วงละเมิด

“ต้นอ้อ” แฉพิรุธพ่อเลี้ยงปมคลิปเสียง-DNA ส่วนเด็กอาการดีขึ้น

“ต้นอ้อ” แฉพิรุธพ่อเลี้ยงปมคลิปเสียง-DNA เชื่อ แม่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง แค่เชื่อผัวเพราะลูกเคยโกหก เผย ตอนแม่รู้ความจริงว่าใครทำลูกถึงกับร้องไห้โฮโผกอดลูก ส่วนเด็ก 10 ขวบอาการดีขึ้น แต่ต้องรักษาตัวอีกหลายสัปดาห์

งานแต่งธนกร

วิวาห์ชื่นมื่น “ธนกร-แคทลีน” คนดังการเมือง-นักธุรกิจ ร่วมยินดีครึกครื้น

งานวิวาห์ “ธนกร-แคทลีน” ชื่นมื่น คนดังการเมือง-นักธุรกิจ ร่วมยินดีครึกครื้น ด้าน “ทักษิณ” ไม่ได้มาร่วม แต่ส่งของขวัญแสดงความยินดี

ทรัมป์สั่งปลด

“ทรัมป์” สั่งปลดประธานคณะเสนาธิการร่วมตามแผนปรับปรุงกลาโหม

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ ออกคำสั่งในวันศุกร์ตามเวลาท้องถิ่นปลด พลอากาศเอก ซี. คิว. บราวน์ จูเนียร์ (Charles Quinton Brown Jr.) เป็นประธานคณะเสนาธิการทหารร่วมของสหรัฐออกจากตำแหน่ง

ข่าวแนะนำ

“ทักษิณ” ถึงนราธิวาส กลับมาในรอบ 19 ปี

“ทักษิณ” ถึงนราธิวาส บอกคนนราธิวาสน่ารักเสมอ ต้อนรับอบอุ่นกับการกลับมาในรอบ 19 ปี ก่อนเดินทางต่อตามกำหนดเดิม แม้มีระเบิดที่สนามบิน

บึ้มรถกระบะ สนามบินนราธิวาส ก่อน “ทักษิณ” ลงพื้นที่

บึ้มรถกระบะจอดใกล้กับหอบังคับการบิน ท่าอากาศยานนราธิวาส ก่อน “ทักษิณ” ลงพื้นที่สนามบินบ้านทอน ในอีก 50 นาที ไม่มีรายงานผู้ได้รับบาดเจ็บ

น้ำป่าหลากท่วม อ.ไทรโยค กลางดึก

ระทึกกลางดึก น้ำป่าหลากท่วมบ้านเรือนประชาชน อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี ถนนหลายเส้นถูกน้ำป่าพัดขาด จนท.เร่งอพยพประชาชนด้วยความยากลำบาก

Pope at Vatican on Feb 5, 2025 says have a strong cold

โป๊ปฟรันซิสพระอาการวิกฤต

วาติกัน 23 ก.พ.- พระอาการประชวรของสมเด็จพระสันตะปาปาฟรันซิส พระประมุขแห่งพระศาสนจักรโรมันคาทอลิก ทรุดลงอยู่ในขั้นวิกฤตในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา สำนักวาติกันออกแถลงการณ์ฉบับล่าสุดเมื่อวันเสาร์ว่า พระอาการประชวรของสมเด็จพระสันตะปาปาทรุดลงในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา และระบุเป็นครั้งแรกว่า พระอาการของพระองค์อยู่ในขั้นวิกฤตจากโรคระบบทางเดินหายใจคล้ายกับโรคหอบหืดในช่วงเช้าวันเสาร์ ทำให้ขณะนี้พระองค์จำเป็นต้องได้รับออกซิเจนเสริมและการถ่ายเลือด โดยรวมแล้วถือว่า พระอาการอยู่ในขั้นวิกฤตและยังไม่พ้นขีดอันตราย อย่างไรก็ดี พระองค์ยังทรงตื่นตัว และประทับนั่งบนเก้าอี้ตลอดวัน แม้ว่าทรงประชวรมากกว่าวันก่อนหน้านี้ก็ตาม พระสันตะปาปาฟรันซิส พระชนมายุ 88 พรรษา ทรงเข้ารับการถวายการรักษาที่โรงพยาบาลเจเมลลี ในกรุงโรม ตั้งแต่วันที่ 14 กุมภาพันธ์ หลังทรงมีพระอาการหายใจติดขัดต่อเนื่องหลายวัน และตรวจพบว่าปอดอักเสบทั้งสองข้าง ทรงร้องขอให้เปิดเผยรายละเอียดเกี่ยวกับพระอาการของพระองค์อย่างตรงไปตรงมา สำนักวาติกันจึงออกแถลงการณ์ชี้แจงความคืบหน้าอาการประชวรของพระองค์ต่อเนื่องทุกวัน แต่แถลงการณ์ฉบับล่าสุดถือเป็นครั้งแรกที่มีเนื้อหาระบุชัดเจนว่า อาการประชวรของพระองค์อยู่ในขั้นวิกฤต ขณะที่แพทย์คาดการณ์ว่า พระองค์จะต้องประทับอยู่ในโรงพยาบาลอย่างน้อยตลอดสัปดาห์หน้า ภารกิจต่อสาธารณชนทั้งหมดของพระสันตะปาปาจึงถูกยกเลิกตลอดสัปดาห์ ทั้งพิธีมิสซาประจำวันอาทิตย์ รวมถึงการสวดภาวนาแองเจลัส (Angelus) ตามปกติทุกสัปดาห์ด้วย.-815(814).-สำนักข่าวไทย