ทำเนียบรัฐบาล 9 ก.ค. –นายกฯ เคารพการตัดสินใจ 4 กุมารออกสมาชิกพลังประชารัฐ รับเตรียมปรับครม. แต่ยังไม่กำหนดช่วงเวลา ต้องหารือพรรคร่วมก่อน ไม่ต้องวิ่งเต้น เผยคุย “สมคิด” บอกพร้อมทุกเรื่อง ข่าว 3 ป.แตกแยก “เป็นไปไม่ได้”
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงกรณีนายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์วิจัย และนวัตกรรม และ นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ลาออกจากสมาชิปกพรรคพลังประชารัฐ ว่า เคารพการตัดสินใจของบุคคลทั้ง 4 ถือเป็นเรื่องภายในพรรค
“ในส่วนของผม ต้องเตรียมการสำหรับการเดินหน้าของรัฐบาลต่อไป วันนี้ขอให้ทุกคนเชื่อมั่นในระบบบริหารราชการแผ่นดิน และเชื่อมั่นในผมที่จะพาประเทศชาติผ่านพ้นเวลานี้ไปให้ได้” นายกรัฐมนตรี กล่าว
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การปรับคณะรัฐมนตรี(ครม.) เป็นส่วนหนึ่งของวิถีทางการเมือง ซึ่งต้องพูดคุยกับพรรคร่วมรัฐบาล เวลานี้ยังไม่มีคำตอบให้ว่าใครจะเข้ามาเป็นรัฐมนตรีหรือใครจะออก ต้องหารือกับพรรคร่วมรัฐบาลก่อน ขอให้ทุกคนใจเย็น ๆ
“ขณะนี้อยู่ในช่วงวิกฤติที่ทุกคนต้องทำงานไปก่อน และเมื่อถึงเวลาปรับครม.ก็ต้องปรับ ใครจะเข้ามาต้องรักษาระเบียบที่ผมสร้างไว้ รวมถึงกฎหมายต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง ส่วนกระแสข่าวว่าผมจะปรับครม.เดือนกันยายน ผมไม่เคยพูด สื่อคงตีความกันเอง ส่วนช่วงเวลาไหนที่เหมาะสม คงจะเริ่มพิจารณาตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป แต่จะปรับเมื่อไรนั้น อยู่ที่ผม เมื่อไรก็เมื่อนั้น” นายกรัฐมนตรี กล่าว
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า สัดส่วนการปรับ ครม. จะประกอบด้วยบุคคลจากพรรคการเมืองและมีคนนอกส่วนหนึ่ง เช่นเดียวกับตน ที่ไม่ได้เป็นสมาชิกพรรคพลังประชารัฐ ดังนั้น สัดส่วนจะต้องมาจากพรรคส่วนหนึ่งเป็นหลัก โดยจะต้องพูดคุยกัน การจะใช้คนนอกมาเป็นรัฐมนตรีก็เป็นส่วนหนึ่งที่ตนขอโควต้านี้มา ทำให้รัฐมนตรีหลายคนเป็นคนนอกที่เข้ามาทำงานจากโควต้าของตน
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ทั้ง 4 คนที่ลาออกจากพรรคพลังประชารัฐเป็นโควต้ารัฐมนตรีของตนตั้งแต่เริ่มตั้งครม. ดังนั้น เมื่อจะปรับครม.ต้องดูว่าโควต้าเหล่านี้ยังเหมาะสมหรือไม่ ซึ่งต้องหารือสัดส่วนครม.ต่อไปว่าจะลดหรือเพิ่มส่วนใด
“การปรับครม.ครั้งนี้จะปรับเท่าที่จำเป็น ใครที่ทำงานดีอยู่แล้วก็ให้ทำต่อ แต่มองว่าครม.ทุกคนทำงานดีทั้งหมด เรื่องของวิถีทางการเมืองก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง แต่การบริหารของครม.ชุด1 นี้ผ่านมา 1ปีก็คงต้องปรับแนวทางใหม่” นายกรัฐมนตรี กล่าว
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ได้พูดคุยกับนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายเศรษฐกิจ ในฐานะที่ดูแลการทำงานของทั้ง 4 คนมาโดยตลอด โดยนายสมคิดระบุว่าพร้อมทุกเรื่อง
ส่วนที่ก่อนหน้านี้มักมีกระแสข่าวการปรับครม.พุ่งไปที่ปรับนายสมคิด เป็นการสร้างกระแสข่าวขย่มนายสมคิดหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ก็ต้องพิจารณา เพราะมักมีกระแสข่าวขย่มกันทั้งสองฝ่าย ซึ่งสื่อก็รู้ดีว่าข่าวมาจากไหน ใช้วิธีการกันอย่างไร บางครั้งก็พูดไปเรื่อย แล้วสื่อนำไปพาดหัวข่าว แต่ที่สุดแล้วตนจะตัดสินใจเองว่าใครถูก ใครผิด
“มองว่าสิ่งสำคัญที่สุดนั่นคือความสงบเรียบร้อยและหากต้องปรับครม.ก็ต้องมองในภาพรวม ครม.เศรษฐกิจด้วย เพราะเกี่ยวข้องหลายกระทรวง ส่วน 4 คนนี้จะกลับมาร่วมครม.หรือไม่ ขอให้เป็นไปตามกลไกลทางการเมือง” นายกรัฐมนตรี กล่าว
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การปรับครม.ไม่ต้องวิ่งเต้น เพราะตนตัดสินใจเอง ยอมรับว่ามองคนนอกไว้ ทั้งเรื่องสังคม สาธารณสุข เศรษฐกิจ ความมั่นคง ส่วนครม.ใหม่จะเป็นที่ยอมรับหรือไม่ อยู่ที่ความน่าเชื่อถือ แต่จะเลือกคนที่ดีมาทำหน้าที่
เมื่อถามถึงกระแสข่าวมีความพยายามสร้างความแตกแยกระหว่างนายกรัฐมนตรี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง และพล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย หรือ 3 ป. นายกรัฐมนตรี หยุดคิด และกล่าวว่า เป็นไปไม่ได้ ไม่ว่าข่าวจะออกมาอย่างไร ให้ฟังตนเท่านั้น.-สำนักข่าวไทย