สปสช.แจงเอาผิด 18 คลินิก “แจ้งความ-เพิกถอน-ริบเงินคืน”

สปสช.9 ก.ค.-สปสช.แถลงกรณีทุจริต 18 คลินิก เปิดไทมไลน์ดำเนินเรื่องทันทีตั้งแต่ตรวจพบ ระงับการเบิกจ่าย-สอบเอกสารกว่า 2 แสนฉบับ ล่าสุดแจ้งความดำเนินคดีอาญา-ยกเลิกสัญญาหน่วยบริการ เตรียมมาตรการรองรับประชาชนกว่า 2 แสนคนไม่กระทบสิทธิบัตรทอง พร้อมตั้งคณะกรรมการสอบปัญหาการทุจริต



นพ.ศักดิ์ชัย กาญจนวัฒนา เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) เปิดเผยในการแถลงข่าวเรื่อง บอร์ด สปสช. ตั้งคณะกรรมการสางปัญหา “18 คลินิก ทุจริตเบิกเงินคัดกรองโรคกองทุนบัตรทอง” วันนี้ (9 ก.ค.)ว่า กรณีการตรวจพบการทุจริตของคลินิกทั้ง 18 แห่งนั้น เกิดขึ้นจากระบบตรวจสอบการเบิกจ่าย หรือ audit ของ สปสช.ที่ให้ความสำคัญในการสร้างความมั่นใจกับระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ทั้งในด้านระบบบริการและระบบบริหารจัดการ โดยกรณีดังกล่าว สปสช.ได้มีการตรวจพบความผิดปกติตั้งแต่วันที่ 14-15 ส.ค.62 และได้นำเรื่องเข้าสู่กระบวนการทางการทันที โดยวันที่ 26 ก.ย.62 คณะอนุกรรมการหลักประกันสุขภาพเขตพื้นที่ กรุงเทพมหานคร (กทม.) ได้มีมติระงับการจ่ายเงินและขยายผลการตรวจสอบเพิ่มเพื่อให้มีความชัดเจนมากขึ้น ซึ่งจากการตรวจเอกสารกว่า 2 แสนฉบับ พบว่ามีการเบิกจ่ายไม่น่าเชื่อถือรวมกว่า 74.39 ล้านบาท ในช่วงวันที่ 29-30 ต.ค. 2562


ขณะเดียวกันเรื่องได้ผ่านการพิจารณามาเป็นลำดับชั้น จนในที่สุดวันที่ 1 เม.ย.63 คณะอนุกรรมการพิจารณาหักค่าใช้จ่าย ได้มีมติ 6 ข้อ ซึ่งปัจจุบันได้ดำเนินการทั้งในส่วนของการเรียกเงินคืน แจ้งความดำเนินคดี รวมถึงยกเลิกสัญญากับหน่วยบริการทั้งหมด


“กระบวนการอย่างเป็นทางการได้เริ่มต้นตั้งแต่หลังตรวจเจอ และมีการดำเนินงานมาอย่างต่อเนื่องเป็นระยะ โดยคณะกรรมการหลายคณะที่มีองค์ประกอบหลากหลายภาคส่วนในการดูแล จึงเป็นไปไม่ได้ที่จะมีการประวิงเวลาใดๆ ซึ่งการดำเนินงานจะต้องให้ความรอบคอบ โดยเฉพาะการดำเนินคดีทางกฎหมาย และในวันนี้ก็ได้ดำเนินการไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว” นพ.ศักดิ์ชัย กล่าว

นพ.ศักดิ์ชัย กล่าวว่า พร้อมกันนี้ยังได้มีการแต่งตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงขึ้น โดยมีอัยการเป็นประธาน และผู้ทรงคุณวุฒิด้านกฎหมายเป็นกรรมการ เพื่อให้ตรวจสอบปัญหาในกระบวนการที่เกิดขึ้น ขณะเดียวกันเมื่อยกเลิกการเป็นหน่วยบริการแล้ว สปสช.ยังได้มีการเตรียมรองรับประชาชนที่ใช้บริการอยู่เดิมไปยังหน่วยบริการอื่น โดยไม่ให้มีความเดือดร้อนอีกด้วย

ด้าน นพ.การุณย์ คุณติรานนท์ รองเลขาธิการ สปสช. กล่าวว่า ที่ผ่านมาในการจัดสรรงบประมาณของ สปสช. มีกระบวนการกำกับดูแล โดยหน่วยบริการจะต้องเก็บเอกสารหลักฐานไว้เพื่อตรวจสอบทั้งในด้านคุณภาพและการเบิกจ่ายชดเชย ขณะเดียวกันก็มีการส่งข้อมูลทางอิเล็กทรอนิกส์เพื่อความสะดวกในการเบิกจ่ายเงินชดเชย

ทั้งนี้ สปสช. ได้มีกระบวนการตรวจสอบถึง 3 ขั้นตอน ขั้นแรกคือการใช้โปรแกรมอิเล็กทรอนิกส์ในการตรวจความถูกต้องของข้อมูล หากประมวลผลแล้วตรงกับเงื่อนไข ก็จะเข้าสู่ขั้นตอนการตรวจสอบโดยเจ้าหน้าที่ ซึ่งหากถูกต้องก็จะมีการจ่าย แต่หากพบว่าไม่สมเหตุสมผลก็จะไม่จ่าย หลังจากนั้นก่อนที่จะโอนเงิน ก็จะมีขั้นตอนการตรวจสอบก่อนโอนอีกครั้งเพื่อให้มั่นใจว่าการจ่ายนั้นถูกต้อง

“งบกองทุนหลักประกันสุขภาพนั้นมาจากภาษีประชาชน เราตระหนักดีถึงความสำคัญในการควบคุมการใช้จ่ายอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งกรณีการทุจริตที่เกิดขี้นนั้น มีเจตนาทำข้อมูลอันเป็นเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์เพื่อหวังการจ่ายเงินชดเชย จึงตรวจสอบโดยระบบอิเล็กทรอนิกส์ไม่ได้ แต่ สปสช. ยังมีระบบ audit หรือระบบการตรวจสอบบัญชีในการเรียกตรวจสอบเอกสารเป็นประจำทุกปี” นพ.การุณย์ กล่าว

นพ.การุณย์ กล่าวว่า ระบบ audit การจ่ายเงินจะมีใน 2 รูปแบบ คือ การสุ่มตรวจประมาณปีละ 3-5% กับอีกรูปแบบคือการเลือกตรวจหน่วยบริการที่เข้าเกณฑ์ตามเงื่อนไขต่างๆ ซึ่งจากการ audit ทำให้พบกับคลินิกทั้ง 18 แห่ง ที่มีการทำข้อมูลน่าสงสัยว่าจะไม่ใช่ข้อเท็จจริง และมีการตกแต่งข้อมูลเพื่อส่งเบิก จึงได้มีการขยายผลตรวจสอบเอกสารราว 2 แสนฉบับ จนพบว่ามีความผิดปกติจริง

นพ.การุณย์ กล่าวอีกว่า ในการ audit ทุกปี จะมีการพบข้อมูลความผิดพลาด 2 ลักษณะ คืออาจเกิดจากความประมาทเลินเล่อ โดยไม่ตั้งใจ ซึ่งจะต้องมีการเรียกมาทำความเข้าใจก่อนเรียกเงินคืน กับอีกกรณีคือมีเจตนาทุจริต หรือกระทำผิดซ้ำ ซึ่งในกรณีนี้นับเป็นข้อหาร้ายแรง ดังนั้นทาง สปสช.จะต้องมั่นใจว่าเกิดจากการทุจริตจริง โดยมีกระบวนการจัดการเป็นขั้นตอน ตั้งแต่การเรียกเงินคืนทั้งหมด ดำเนินแจ้งความทางอาญา เพิกถอนหน่วยบริการ ยกเลิกสัญญา รวมถึงส่งเรื่องให้กับสำนักสถานพยาบาลและการประกอบโรคศิลปะ กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ เพื่อดำเนินการทางจรรยาบรรณในวิชาชีพต่อไป

“สิ่งสำคัญคือต้องแยกว่ามีเจตนาหรือไม่ ฉะนั้นจึงจะเห็นได้ว่าในระบบมีการตรวจสอบทั้งก่อนจ่าย และหลังจ่ายก็ยังมีการตามไปตรวจ ซึ่งที่ผ่านมาในกรณีงบส่งเสริมป้องกันโรคนั้นมีการให้บริการเป็นจำนวนมาก จึงอาจเป็นช่องทางการทุจริตได้ ดังนั้นในอนาคตจะมีการวางแผนให้รัดกุมมากยิ่งขึ้น โดยนอกจากการ audit แล้ว ยังจะต้องมีการพิสูจน์ยืนยันตัวตนก่อนเข้ารับบริการ หรือการใช้ Digital ID ต่างๆ ซึ่งขณะนี้ได้มีการนำร่องแล้วร่วมกับธนาคารกรุงไทย และโรงพยาบาลศิริราช หากประสบผลสำเร็จก็จะนำมาขยายผลสู่ทั้งประเทศ เพื่อให้การบริหารงบกองทุนนั้นมีประสิทธิภาพ ไม่รั่วไหล” นพ.การุณย์ กล่าว .-สำนักข่าวไทย 

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

โค้งสุดท้ายเลือกตั้ง นายก อบจ.อุบลฯ เดือด ส่งท้ายปี

ใกล้เข้ามาทุกขณะสำหรับการเลือกตั้งนายก อบจ.อุบลราชธานี วันอาทิตย์ที่ 22 ธันวาคมนี้ ซึ่งถือเป็นสนามเลือกตั้งท้องถิ่นขนาดใหญ่ส่งท้ายปีนี้ การแข่งขันดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครต่างเร่งหาเสียงกันอย่างเต็มที่ โดยมีผู้สมัคร 4 คน ลงชิงชัย ไปติดตามบรรยากาศโค้งสุดท้ายว่าใครจะเป็นผู้คว้าชัย

ทอ.ส่ง F-16 ขึ้นบินป้องน่านฟ้า หลังมีอากาศยานไม่ทราบฝ่าย เหนือชายแดนไทย-เมียนมา

กองทัพอากาศส่งเครื่องบินขับไล่ F-16 ขึ้นบิน เพื่อพิสูจน์ฝ่ายและสกัดกั้นอากาศยานไม่ทราบฝ่าย บริเวณแนวชายแดนไทย-เมียนมา จ.ตาก

อุตุฯ เผยอีสาน-เหนือ อากาศหนาว กทม.อุณหภูมิลดลงเล็กน้อย

กรมอุตุฯ เผยภาคอีสาน ภาคเหนือ มีอากาศเย็นถึงหนาว ส่วนภาคกลาง ภาคตะวันออก ภาคใต้ตอนบน มีอากาศเย็นในตอนเช้า ส่วนกรุงเทพฯ-ปริมณฑล อุณหภูมิลดลงเล็กน้อย ขอให้ประชาชนบริเวณดังกล่าวดูแลรักษาสุขภาพเนื่องจากสภาพอากาศหนาวเย็น

lightened Christmas tree in front of U.S. Capitol

รู้จัก “ชัตดาวน์” ของสหรัฐและผลกระทบ

วอชิงตัน 20 ธ.ค.- หน่วยงานจำนวนมากของรัฐบาลสหรัฐเสี่ยงต้องปิดทำการชั่วคราว หรือที่เรียกว่า กัฟเวิร์นเมนต์ ชัตดาวน์ (government shutdown) หลังผ่านพ้นเที่ยงคืนวันนี้ (20 ธันวาคม) ตามเวลาสหรัฐ หากรัฐสภาไม่สามารถผ่านร่างงบประมาณฉบับใหม่ได้ทันเวลา หลังจากสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐลงมติไม่เห็นชอบร่างงบประมาณฉบับใหม่เมื่อวานนี้ สาเหตุที่เสี่ยงชัตดาวน์ ปกติแล้วรัฐสภาสหรัฐ ซึ่งประกอบด้วยสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาจะต้องจัดสรรงบประมาณให้แก่หน่วยงานรัฐบาลกลางทั้งหมด 438 แห่งก่อนวันที่ 1 ตุลาคมของทุกปี แต่ที่ผ่านมาสมาชิกรัฐสภามักทำไม่ได้ตามกำหนดเวลา และมักผ่านร่างงบประมาณชั่วคราวเพื่อให้หน่วยงานรัฐบาลสามารถดำเนินการได้ต่อไปในระหว่างที่สมาชิกรัฐสภาหารือกันเพื่อผ่านร่างงบประมาณจริง ร่างงบประมาณชั่วคราวฉบับปัจจุบันจะหมดอายุเมื่อเข้าสู่เช้าวันเสาร์ตามเวลาสหรัฐ สมาชิกรัฐสภาพรรครีพับลิกันและพรรคเดโมแครตเตรียมร่างกฎหมายที่จะขยายเวลาไปจนถึงวันที่ 14 มีนาคม 2568 แต่นายโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีเรียกร้องให้สมาชิกรัฐสภาพรรครีพับลิกันลงมติไม่เห็นด้วย และเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐลงมติไม่เห็นชอบร่างงบประมาณที่เสนอใหม่ ดังนั้นหากรัฐสภาไม่สามารถผ่านร่างงบประมาณฉบับใหม่ได้ก่อนที่ร่างงบประมาณชั่วคราวฉบับปัจจุบันจะหมดอายุ ก็จะเกิดการชัตดาวน์ เพดานหนี้ที่ทรัมป์ต้องการให้แก้ นายทรัมป์ยังต้องการให้สมาชิกรัฐสภาแก้ปัญหาเรื่องการกำหนดเพดานหนี้ประเทศให้รัฐบาลสามารถกู้ยืมได้มากขึ้น ก่อนที่เขาจะสาบานตนรับตำแหน่งประธานาธิบดีในวันที่ 20 มกราคม 2568 รัฐสภาสหรัฐเป็นผู้กำหนดเพดานหนี้สาธารณะที่อนุญาตให้รัฐบาลก่อหนี้ แต่เนื่องจากรัฐบาลมักใช้จ่ายมากกว่ารายได้ที่ได้จากการจัดเก็บภาษี สมาชิกรัฐสภาจึงต้องคอยแก้ปัญหานี้เป็นครั้งคราว รัฐสภาสหรัฐกำหนดเพดานหนี้สาธารณะครั้งแรกในปี 2482 โดยกำหนดไว้ที่ 45,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 1.55 ล้านล้านบาทในปัจจุบัน) และนับจากนั้นเป็นต้นมาได้ขยายเพดานหนี้แล้วทั้งหมด 103 […]

ข่าวแนะนำ

ฟรีคอนเสิร์ต “มหานครคัลเลอร์ฟูลปาร์ตี้ 2025” ส่งสุขรับปีใหม่

ส่งความสุขรับปีใหม่ กับฟรีคอนเสิร์ต “มหานครคัลเลอร์ฟูลปาร์ตี้ 2025” ศิลปินลูกทุ่งเกือบ 100 ชีวิต ร่วมโชว์จัดเต็ม

เลือกตั้งนายก อบจ.อุบลฯ “กานต์” ส่อเข้าป้าย

เลือกตั้งนายก อบจ.อุบลราชธานี “กานต์” หมายเลข 1 จากเพื่อไทย ส่อเข้าป้าย ด้าน ปชน. แถลงยอมรับยังไม่เป็นที่ไว้วางใจ ส่วนอุตรดิตถ์ “ชัยศิริ” อดีตนายก อบจ. ส่อเข้าวิน

เด้ง ตร.จราจร ปมคลิปรับเงินแลกไม่เขียนใบสั่ง

ผบก.ภ.จว.นนทบุรี สั่งย้าย “รอง สว.จร.สภ.รัตนาธิเบศร์” เซ่นคลิปรับเงินแลกไม่ออกใบสั่ง พร้อมตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริงภายใน 3 วัน ด้านเจ้าตัวอ้างไม่เห็นเงินที่วางบนโต๊ะในตู้ควบคุมสัญญาณไฟจราจร