สปสช.แจงเอาผิด 18 คลินิก “แจ้งความ-เพิกถอน-ริบเงินคืน”

สปสช.9 ก.ค.-สปสช.แถลงกรณีทุจริต 18 คลินิก เปิดไทมไลน์ดำเนินเรื่องทันทีตั้งแต่ตรวจพบ ระงับการเบิกจ่าย-สอบเอกสารกว่า 2 แสนฉบับ ล่าสุดแจ้งความดำเนินคดีอาญา-ยกเลิกสัญญาหน่วยบริการ เตรียมมาตรการรองรับประชาชนกว่า 2 แสนคนไม่กระทบสิทธิบัตรทอง พร้อมตั้งคณะกรรมการสอบปัญหาการทุจริต



นพ.ศักดิ์ชัย กาญจนวัฒนา เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) เปิดเผยในการแถลงข่าวเรื่อง บอร์ด สปสช. ตั้งคณะกรรมการสางปัญหา “18 คลินิก ทุจริตเบิกเงินคัดกรองโรคกองทุนบัตรทอง” วันนี้ (9 ก.ค.)ว่า กรณีการตรวจพบการทุจริตของคลินิกทั้ง 18 แห่งนั้น เกิดขึ้นจากระบบตรวจสอบการเบิกจ่าย หรือ audit ของ สปสช.ที่ให้ความสำคัญในการสร้างความมั่นใจกับระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ทั้งในด้านระบบบริการและระบบบริหารจัดการ โดยกรณีดังกล่าว สปสช.ได้มีการตรวจพบความผิดปกติตั้งแต่วันที่ 14-15 ส.ค.62 และได้นำเรื่องเข้าสู่กระบวนการทางการทันที โดยวันที่ 26 ก.ย.62 คณะอนุกรรมการหลักประกันสุขภาพเขตพื้นที่ กรุงเทพมหานคร (กทม.) ได้มีมติระงับการจ่ายเงินและขยายผลการตรวจสอบเพิ่มเพื่อให้มีความชัดเจนมากขึ้น ซึ่งจากการตรวจเอกสารกว่า 2 แสนฉบับ พบว่ามีการเบิกจ่ายไม่น่าเชื่อถือรวมกว่า 74.39 ล้านบาท ในช่วงวันที่ 29-30 ต.ค. 2562


ขณะเดียวกันเรื่องได้ผ่านการพิจารณามาเป็นลำดับชั้น จนในที่สุดวันที่ 1 เม.ย.63 คณะอนุกรรมการพิจารณาหักค่าใช้จ่าย ได้มีมติ 6 ข้อ ซึ่งปัจจุบันได้ดำเนินการทั้งในส่วนของการเรียกเงินคืน แจ้งความดำเนินคดี รวมถึงยกเลิกสัญญากับหน่วยบริการทั้งหมด


“กระบวนการอย่างเป็นทางการได้เริ่มต้นตั้งแต่หลังตรวจเจอ และมีการดำเนินงานมาอย่างต่อเนื่องเป็นระยะ โดยคณะกรรมการหลายคณะที่มีองค์ประกอบหลากหลายภาคส่วนในการดูแล จึงเป็นไปไม่ได้ที่จะมีการประวิงเวลาใดๆ ซึ่งการดำเนินงานจะต้องให้ความรอบคอบ โดยเฉพาะการดำเนินคดีทางกฎหมาย และในวันนี้ก็ได้ดำเนินการไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว” นพ.ศักดิ์ชัย กล่าว

นพ.ศักดิ์ชัย กล่าวว่า พร้อมกันนี้ยังได้มีการแต่งตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงขึ้น โดยมีอัยการเป็นประธาน และผู้ทรงคุณวุฒิด้านกฎหมายเป็นกรรมการ เพื่อให้ตรวจสอบปัญหาในกระบวนการที่เกิดขึ้น ขณะเดียวกันเมื่อยกเลิกการเป็นหน่วยบริการแล้ว สปสช.ยังได้มีการเตรียมรองรับประชาชนที่ใช้บริการอยู่เดิมไปยังหน่วยบริการอื่น โดยไม่ให้มีความเดือดร้อนอีกด้วย

ด้าน นพ.การุณย์ คุณติรานนท์ รองเลขาธิการ สปสช. กล่าวว่า ที่ผ่านมาในการจัดสรรงบประมาณของ สปสช. มีกระบวนการกำกับดูแล โดยหน่วยบริการจะต้องเก็บเอกสารหลักฐานไว้เพื่อตรวจสอบทั้งในด้านคุณภาพและการเบิกจ่ายชดเชย ขณะเดียวกันก็มีการส่งข้อมูลทางอิเล็กทรอนิกส์เพื่อความสะดวกในการเบิกจ่ายเงินชดเชย

ทั้งนี้ สปสช. ได้มีกระบวนการตรวจสอบถึง 3 ขั้นตอน ขั้นแรกคือการใช้โปรแกรมอิเล็กทรอนิกส์ในการตรวจความถูกต้องของข้อมูล หากประมวลผลแล้วตรงกับเงื่อนไข ก็จะเข้าสู่ขั้นตอนการตรวจสอบโดยเจ้าหน้าที่ ซึ่งหากถูกต้องก็จะมีการจ่าย แต่หากพบว่าไม่สมเหตุสมผลก็จะไม่จ่าย หลังจากนั้นก่อนที่จะโอนเงิน ก็จะมีขั้นตอนการตรวจสอบก่อนโอนอีกครั้งเพื่อให้มั่นใจว่าการจ่ายนั้นถูกต้อง

“งบกองทุนหลักประกันสุขภาพนั้นมาจากภาษีประชาชน เราตระหนักดีถึงความสำคัญในการควบคุมการใช้จ่ายอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งกรณีการทุจริตที่เกิดขี้นนั้น มีเจตนาทำข้อมูลอันเป็นเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์เพื่อหวังการจ่ายเงินชดเชย จึงตรวจสอบโดยระบบอิเล็กทรอนิกส์ไม่ได้ แต่ สปสช. ยังมีระบบ audit หรือระบบการตรวจสอบบัญชีในการเรียกตรวจสอบเอกสารเป็นประจำทุกปี” นพ.การุณย์ กล่าว

นพ.การุณย์ กล่าวว่า ระบบ audit การจ่ายเงินจะมีใน 2 รูปแบบ คือ การสุ่มตรวจประมาณปีละ 3-5% กับอีกรูปแบบคือการเลือกตรวจหน่วยบริการที่เข้าเกณฑ์ตามเงื่อนไขต่างๆ ซึ่งจากการ audit ทำให้พบกับคลินิกทั้ง 18 แห่ง ที่มีการทำข้อมูลน่าสงสัยว่าจะไม่ใช่ข้อเท็จจริง และมีการตกแต่งข้อมูลเพื่อส่งเบิก จึงได้มีการขยายผลตรวจสอบเอกสารราว 2 แสนฉบับ จนพบว่ามีความผิดปกติจริง

นพ.การุณย์ กล่าวอีกว่า ในการ audit ทุกปี จะมีการพบข้อมูลความผิดพลาด 2 ลักษณะ คืออาจเกิดจากความประมาทเลินเล่อ โดยไม่ตั้งใจ ซึ่งจะต้องมีการเรียกมาทำความเข้าใจก่อนเรียกเงินคืน กับอีกกรณีคือมีเจตนาทุจริต หรือกระทำผิดซ้ำ ซึ่งในกรณีนี้นับเป็นข้อหาร้ายแรง ดังนั้นทาง สปสช.จะต้องมั่นใจว่าเกิดจากการทุจริตจริง โดยมีกระบวนการจัดการเป็นขั้นตอน ตั้งแต่การเรียกเงินคืนทั้งหมด ดำเนินแจ้งความทางอาญา เพิกถอนหน่วยบริการ ยกเลิกสัญญา รวมถึงส่งเรื่องให้กับสำนักสถานพยาบาลและการประกอบโรคศิลปะ กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ เพื่อดำเนินการทางจรรยาบรรณในวิชาชีพต่อไป

“สิ่งสำคัญคือต้องแยกว่ามีเจตนาหรือไม่ ฉะนั้นจึงจะเห็นได้ว่าในระบบมีการตรวจสอบทั้งก่อนจ่าย และหลังจ่ายก็ยังมีการตามไปตรวจ ซึ่งที่ผ่านมาในกรณีงบส่งเสริมป้องกันโรคนั้นมีการให้บริการเป็นจำนวนมาก จึงอาจเป็นช่องทางการทุจริตได้ ดังนั้นในอนาคตจะมีการวางแผนให้รัดกุมมากยิ่งขึ้น โดยนอกจากการ audit แล้ว ยังจะต้องมีการพิสูจน์ยืนยันตัวตนก่อนเข้ารับบริการ หรือการใช้ Digital ID ต่างๆ ซึ่งขณะนี้ได้มีการนำร่องแล้วร่วมกับธนาคารกรุงไทย และโรงพยาบาลศิริราช หากประสบผลสำเร็จก็จะนำมาขยายผลสู่ทั้งประเทศ เพื่อให้การบริหารงบกองทุนนั้นมีประสิทธิภาพ ไม่รั่วไหล” นพ.การุณย์ กล่าว .-สำนักข่าวไทย 

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

โปรดเกล้าฯ ครม. “อนุทิน” รายชื่อตรงตามโผ

กทม. 19 ก.ย.-โปรดเกล้าฯ ครม. “อนุทิน” นั่งนายกฯ ควบมหาดไทย พร้อมตั้ง รองนายกฯ 6 คน รมต.สำนักนายกฯ 4 คน ขณะรายชื่อตรงตามโผ ไม่มีเปลี่ยนแปลง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (19 ก.ย. 68) เวลา 09.30 น. เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ประกาศ สำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง แต่งตั้งคณะรัฐมนตรี โดยพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า ตามที่ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ตามประกาศลงวันที่ 7 กันยายนพุทธศักราช 2568 แล้วนั้น บัดนี้ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ได้เลือกผู้ที่สมควรดำรงตำแหน่ง รัฐมนตรีเพื่อบริหารราชการแผ่นดินสืบต่อไปแล้ว อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 158 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย จึงทรงพระกรุณาโปรดเก้าแต่งตั้งรัฐมนตรีดังต่อไปนี้ นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ […]

“เจ๊ปอง” น้ำตาคลอ เปิดใจหลังศาลฎีกาตีกลับยกฟ้อง

กรุงเทพฯ 19 ก.ย. – “เจ๊ปอง” น้ำตาคลอ เปิดใจหลังศาลฎีกาตีกลับยกฟ้อง เชื่อ 15 ปีที่ผ่านมา เป็นบทเรียนของชีวิต หลังจากนี้จะใช้ชีวิตของตัวเองอุทิศให้ประชาชนและประเทศชาติ ชี้ขึ้นอยู่กับสถานการณ์บ้านเมืองว่าจะออกมาเคลื่อนไหวอีกหรือไม่ น.ส.อัญชะลี ไพรีรัก สื่อมวลชนอาวุโส กล่าวขอบคุณกระบวนการยุติธรรม และศาลด้วยที่ความเมตตากับตนเอง ที่ผ่านมาเราต่อสู้ด้วยความบริสุทธิ์ยุติธรรม สำหรับการตัดสินในวันนี้ทำให้รู้สึกโล่งใจ ดีใจทำให้เรารู้ว่าหลังจากนี้เราจะใช้ชีวิตของเราอย่างไรต่อ เพราะถือว่าเป็นคดีสุดท้าย 15 ปีที่ผ่านมา เป็นบทเรียนของชีวิต ต่อจากนี้เป็นต้นไปขอทำหน้าที่สื่อมวลชนที่ดีเป็นประโยชน์ต่อพี่น้องประชาชน เป็นประโยชน์กับประเทศชาติ มันเป็นสิ่งที่ดีที่สุดชีวิตนี้จะอุทิศให้กับพี่น้องประชาชนและประเทศชาติ พร้อมบอกว่าเป็นคดีสุดท้ายใน 20 ปี ตลอด 20 ปีที่ผ่านมา เราใช้วิชาชีพของตัวเองใช้ความเชี่ยวชาญของตัวเองรับใช้พี่น้องประชาชน ถือว่าเป็น 20 ปี ที่คุ้มมาก พี่น้องประชาชนให้กำลังใจเราเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะคนที่ร่วมมือกับเราในการแสวงหาข้อมูล เรารู้สึกว่ามีคนรักเรามาก และความจริงมีเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น เรานำเสนอความจริง เมื่อถามว่าที่ผ่านรู้สึกอย่างไรได้มีเตรียมใจไว้หรือไม่ น.ส.อัญชะลี ระบุว่า ทุกอย่างเตรียมความพร้อม ทุกอย่างไม่ต้องแอบทำใจ หากเราสู้จนถึงที่สุดแล้วอะไรจะเกิดขึ้นก็ต้องเกิด ขอบคุณทุกหน่วยงานที่เคยช่วยเหลือทั้งในเรื่องเอกสาร หรืออื่นๆ ส่วนเหตุผลที่ศาลพิจารณายกฟ้องในคดีนี้ คือ ศาลเห็นว่าพยานให้การไม่ตรงกันในหลายประเด็นทั้งพยานวัตถุ […]

ศาลฎีกานัดฟังคำพิพากษาคดีม็อบพันธมิตรบุกยึด NBT ปี51

ศาลอาญา 19 ก.ย. – วันนี้ที่ศาลอาญา รัชดา ได้นัดฟังคำพิพากษาศาลฎีกา หรือคดีแกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยหรือ พธม. นำผู้ชุมนุมบุกยึดสถานีโทรทัศน์แห่งประเทศไทย หรือ NBT เมื่อวันที่ 26 สิงหาคม 2551 หรือเมื่อ 17 ปีก่อน ในช่วงระหว่างการชุมนุมขับไล่รัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช ในขณะนั้น ซึ่งศาลอาญานัดฟังคำพิพากษาในเวลา 10:00 น. โดยคดีดังกล่าวมีจำเลย 4 คน ได้แก่ น.ส.อัญชะลี ไพรีรัก, นายภูวดล ทรงประเสริฐ, นายยุทธิยง ลิ้มเลิศวาที และนายชิติพัทธ์ ลิ้มทองกุล ซึ่งเป็นน้องชายของนายสนธิ ลิ้มทองกุล อดีตแกนนำ พธม. ทั้งหมดถูกฟ้องในความผิดฐานร่วมกันมั่วสุมตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป อั้งยี่ซ่องโจร บุกรุก และทำให้เสียทรัพย์ เนื่องจากปรากฏหลักฐานว่า จำเลยทั้งห้าเป็นระดับหัวหน้าและผู้สั่งการให้กระทำความผิด ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้ได้มีจำเลยอีก 1 คน คือ นายสมเกียรติ […]

‘มาครง’ เตรียมเสนอหลักฐานยืนยัน ‘บริฌิตต์’ เป็นหญิงไม่ใช่ชาย

ปารีส 19 ก.ย. – ประธานาธิบดีเอมมานูเอล มาครง ผู้นำฝรั่งเศส และบริฌิตต์ ภริยา เตรียมเสนอหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ต่อศาลสหรัฐเพื่อพิสูจน์ว่าบริฌิตต์เป็นผู้หญิงจริงๆ ไม่ใช่ผู้ชาย ทนายความของประธานาธิบดีมาครงและบริฌิตต์ บอกว่า ทั้งคู่จะยื่นเอกสารเหล่านี้ในคดีหมิ่นประมาทที่ทั้งสองได้ยื่นฟ้อง แคนแดซ โอเวนส์ อินฟลูเอนเซอร์ฝ่ายขวาชาวอเมริกัน ที่เผยแพร่ความเชื่อของตนผ่านทางสื่อและรายการพ็อคแคสต์ของตนเองว่าบริฌิตต์ เกิดมาเป็นผู้ชาย ซึ่งเรื่องนี้ทำให้เธอเสียใจและไม่สบายใจอย่างมากกับข้อกล่าวหาดังกล่าว และเรื่องนี้รบกวนจิตใจของประธานาธิบดีฝรั่งเศส แม้จะไม่ได้ทำให้มาครงสมาธิหลุดจากภารกิจหน้าที่ของเขาในฐานะผู้นำประเทศ แต่มันก็เป็นเรื่องรบกวนจิตใจของคนที่ต้องรับผิดชอบทั้งเรื่องครอบครัวและเรื่องงาน ซึ่งตัวประธานาธิบดีก็ไม่มีข้อยกเว้น ในส่วนของการยื่นหลักฐานต่อศาลนั้น ทนายความของมาครงและภริยาบอกว่า ทั้งคู่พร้อมที่จะแสดงหลักฐานอย่างชัดเจนทั้งในภาพรวมและในรายละเอียด รวมถึงคำให้การจากผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งจะเป็นลักษณะทางวิทยาศาสตร์เพื่อพิสูจน์ว่าข้อกล่าวหานั้นเป็นเท็จ แม้จะเป็นกระบวนการที่บริฌิตต์จะต้องเผชิญต่อหน้าสาธารณชนอย่างเปิดเผย แต่เธอก็ยินดีที่จะทำ เธอตัดสินใจแน่วแน่แล้วว่าจะทำทุกอย่างที่จำเป็นเพื่อทำให้เรื่องนี้กระจ่าง สำหรับประเด็นเรื่องบริฌิตต์ เป็นผู้ชาย ถูกเผยแพร่ครั้งแรกตามสื่อออนไลน์ของฝ่ายขวาและกลุ่มต่อต้านวัคซีนในฝรั่งเศสตั้งแต่ปี 2021 ต่อมา แคนแดซ โอเวนส์ อดีตนักวิจารณ์ของเดลี่ไวร์ (Daily Wire) สำนักข่าวสายอนุรักษ์นิยมของสหรัฐฯ ซึ่งมีผู้ติดตามบนโซเชียลมีเดียหลายล้านคน ได้เผยแพร่มุมมองของตนเองหลายครั้งว่า บริฌิตต์ เป็นผู้ชาย ที่มีชื่อว่า ฌอง-มิเชล ทรอกโนซ์ (Jean-Michel Trogneux) ก่อนที่จะแปลงเพศในเวลาต่อมา ถึงขั้นอ้างว่าเธอพร้อมเดิมพันชื่อเสียงในอาชีพทั้งหมดของเธอกับข้อกล่าวหานี้ ส่งผลให้มาครงและภริยายื่นฟ้องต่อศาลสหรัฐฯ […]

ข่าวแนะนำ

อุตุฯ เตือน 9 จังหวัดฝนตกหนักบางแห่ง-กทม.ฟ้าคะนอง 70%

กรุงเทพฯ 23 ก.ย. – กรมอุตุฯ เตือนไทยตอนบนมีฝนตกหนักบางแห่ง โดยเฉพาะ จ.แม่ฮ่องสอน ตาก มุกดาหาร ยโสธร อำนาจเจริญ ศรีสะเกษ อุบลราชธานี จันทบุรี และตราด ขอให้ประชาชนบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนัก ส่วนกรุงเทพฯ และปริมณฑล มีฝนฟ้าคะนอง 70% และมีฝนตกหนักบางแห่ง กรมอุตุนิยมวิทยาพยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า ประเทศไทยตอนบนมีฝนตกหนักบางแห่ง โดยเฉพาะบริเวณจังหวัดแม่ฮ่องสอน ตาก มุกดาหาร ยโสธร อำนาจเจริญ ศรีสะเกษ อุบลราชธานี จันทบุรี และตราด ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม เนื่องจากร่องมรสุมพาดผ่านตอนบนของภาคเหนือ ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทยมีกำลังปานกลาง สำหรับบริเวณทะเลอันดามันตอนบนมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่างและอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง อนึ่ง พายุไต้ฝุ่น “รากาซา” (RAGASA) […]

เปิดแนวต้านน้ำหล่มสัก ผลักดันแผนแก้น้ำท่วมซ้ำซาก

เพชรบูรณ์ 22 ก.ย. – แม้ว่าน้ำที่ท่วมชุมชนและย่านการค้าในเขตเทศบาลเมืองหล่มสัก ที่เพชรบูรณ์ จะลดลงแล้ว แต่ทิ้งความเสียหายเป็นวงกว้าง โดยเฉพาะย่านการค้าเก่าแก่ที่เจอน้ำท่วม 2 รอบในช่วง 3 สัปดาห์ เรียกว่ายังไม่ทันได้ฟื้นฟูความเสียหายจากน้ำท่วมรอบแรกเสร็จ ต้องมาเจอน้ำท่วมซ้ำอีก ขณะที่หลายคนกังวลและต้องเตรียมรับมือกับพายุที่คาดว่าจะเข้ามาในช่วงปลายสัปดาห์นี้ พร้อมเรียกร้องให้เร่งป้องกันและหาแนวทาง แก้ปัญหาระยะยาว ไม่ให้หล่มสักกลายเป็นพื้นที่น้ำท่วมซ้ำซาก .-สำนักข่าวไทย

ฝนถล่มเชียงใหม่ ประกาศปิดน้ำตกแม่สา ส่วนวัดผาลาด เตือนน้ำป่าหลาก

เชียงใหม่ 22 ก.ย.-ฝนถล่มเชียงใหม่ อุทยานฯ ดอยสุเทพ-ปุย ประกาศปิดน้ำตกแม่สา อ.แม่ริม ชั่วคราว หลังน้ำป่าไหลหลาก ส่วนวัดผาลาด แจ้งเตือนชาวบ้านรับมือน้ำป่าหลากลงน้ำตกผาลาด ช่วงบ่ายวันนี้ ( 22 กันยายน) เกิดฝนตกหนักในหลายพื้นที่ของจังหวัดเชียงใหม่ เพจเฟซบุ๊ก อุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุย ได้โพสต์ข้อความประกาศปิดน้ำตกแม่สา ในอำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ ชั่วคราว เพื่อความปลอดภัยของนักท่องเที่ยว เนื่องจากเกิดเหตุน้ำป่าไหลหลากลงมาจนน้ำมีสีน้ำตาลขุ่น กระแสน้ำไหลแรงและเชี่ยวกราก โดยจะปิดน้ำตกแม่สาตั้งแต่วันนี้จนกว่าสถานการณ์จะเข้าสู่สภาวะปกติ ขณะที่พระมหาสง่า ไชยวงค์ เจ้าอาวาสวัดผาลาด ก็ได้โพสต์คลิปภาพวิดีโอ พร้อมข้อความ “มวลน้ำจากยอดดอยกำลังผ่านวัดผาลาด ญาติโยมด้านล่างช่วงนี้ก็เฝ้าไว้เน้อ” ซึ่งทางวัดผาลาดจะมีการแจ้งเตือนชาวบ้านที่อยู่ใกล้ทางน้ำไหลน้ำตกผาลาด และบริเวณเชิงดอยสุเทพในตัวเมืองเชียงใหม่ ให้เฝ้าระวังน้ำป่าที่ไหลผ่านวัดลงสู่ด้านล่างทุกครั้ง สำหรับวัดผาลาดตั้งอยู่บริเวณทางขึ้นดอยสุเทพ และมีน้ำตกผาลาดไหลผ่านพื้นที่วัดช่วงที่เกิดฝนตกหนัก จะมีน้ำป่าไหลหลากจากบนดอยสุเทพผ่านน้ำตกผาลาด ก่อนจะไหลลงสู่พื้นที่ตัวเมืองเชียงใหม่.-สำนักข่าวไทย

กองทัพไทย ย้ำบ้านหนองหญ้าแก้วอยู่เขตแดนไทย ชี้ JBC รับรองแล้ว

กทม. 22 ก.ย.- กองทัพไทย ย้ำบ้านหนองหญ้าแก้วอยู่เขตแดนไทย ไม่ใช่พื้นที่ทับซ้อน ชี้ JBC รับรองแล้ว สอดคล้อง MOU 2543 พล.ต.วิทัย ลายถมยา โฆษกกองบัญชาการกองทัพไทย เปิดเผยถึงประเด็นหลักเขตแดนที่ 42 และ 43 ในพื้นที่ อ.โคกสูง จ.สระแก้วว่า หลักเขตแดนที่ 42 ตั้งอยู่ที่บ้านหนองหญ้าแก้ว (บ้านไปรจัน) ต.โคกสูง อ.โคกสูง จ.สระแก้ว และหลักเขตแดนที่ 43 ตั้งอยู่ที่บ้านโนนหมากมุ่น ต.โคกสูง อ.โคกสูง จ.สระแก้ว โดยการกำหนดแนวเขตแดนในพื้นที่ดังกล่าวเป็นเส้นตรงจากหลักเขตแดนที่ 41 มายังหลักเขตแดนที่ 42 และต่อเนื่องไปยังหลักเขตแดนที่ 43 จากนั้นแนวเขตแดนจะไปตามคลองระลมระสือจนถึงหลักเขตแดนที่ 44 สำหรับกระบวนการสำรวจ ชุดสำรวจร่วมไทย–กัมพูชาได้ดำเนินการตามขั้นตอนที่ 1 ของ TOR คือ การสำรวจสภาพ และที่ตั้งของหลักเขตแดนทั้งหมด 74 หลัก ตั้งแต่ปี พ.ศ. […]