ศบค.ชี้ภาพรวมคนไทยการ์ดตก

ทำเนียบฯ 9 ก.ค.- ศบค.เผยตัวเลขผู้ติดเชื้อรายใหม่ 5 รายมาจากต่างประเทศ ไม่มีเสียชีวิตเพิ่ม ชี้ภาพรวมพฤติกรรมป้องกันตนเองลดลง ถือว่าการ์ดตก


นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. แถลงสถานการณ์โควิด-19 ว่า วันนี้ (9 ก.ค.)ไทยมีรายงานผู้ป่วยใหม่  5 ราย  รวมผู้ป่วยสะสมเป็น 3,202 ราย รักษาหาย 3,085 ราย รักษาอยู่ 59 ราย ไม่มีผู้เสียชีวิตเพิ่ม ทำให้ยอดผู้เสียชีวิตอยู่ที่ 58 ราย นับเป็น 45 วันแล้วที่ไทยไม่มีผู้ติดเชื้อในประเทศ

โดยผู้ป่วยใหม่ 5 ราย ทั้งหมดเป็นผู้ที่เดินทางมาจากต่างประเทศแล้วเข้าพักในสถานกักกันตัวที่รัฐจัดให้ โดย 4 ราย มาจากสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เป็น ชายไทย 3 ราย อายุ 38 ปี 40 ปี 54 ปี และหญิง 1 ราย อายุ 42 ปี ทั้งหมดอาชีพรับจ้าง เดินทางถึงไทยวันที่ 2 กรกฎาคม และเข้าพักในสถานกักกันตัวที่รัฐจัดให้ที่ กทม. และชลบุรี ตรวจหาเชื้อวันที่ 7 กรกฎาคม โดยทั้งหมดไม่มีอาการ  ส่วนอีก 1 ราย มาจากอียิปต์ เป็นนักศึกษาชายไทย อายุ 22 ปี เดินทางถึงไทย 8 กรกฎาคม โดยผ่านการคัดกรอง ณ ด่านควบคุมโรค พบว่าอาการได้กลิ่นและรับรู้รส ลดลงและตรวจพบเชื้อ 8 กรกฎาคม ทั้งนี้ภาพรวมผู้ที่เดินทางกลับมาจากต่างประเทศ พบผู้ป่วยสะสมมีอาการ ร้อยละ 51.2 และในช่วง 1 พ.ค.-8 ก.ค. พบ ไม่มีอาการ ร้อยละ 60 


นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า สำหรับสถานการณ์โลก พบผู้ติดเชื้อโควิด-19 รวม 12,164,173 ราย เสียชีวิต 552,029 ราย สหรัฐอเมริกาพบติดเชื้อมากที่สุด  3,158,932 ราย  เสียชีวิต 134,862 ขณะที่ไทยอยู่ที่อันดับที่ 99 ของโลก  ทั้งนี้สถานการณ์ทั่วโลกยังถือว่าวิกฤต และไม่มีความปลอดภัย 

โฆษก ศบค. กล่าวถึงผลสำรวจเรื่องการป้องกันการแพร่ระบาดโควิด-19 ในระหว่างมาตรการผ่อนปรน โดยสอบถามประชาชนกว่า 4 แสนคน จากทั่วประเทศ พบว่า ภาพรวมพฤติกรรมป้องกันตนเองทั่วประเทศค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 0.84 ซึ่งถือว่าดี การใช้หน้ากากอนามัยค่าเฉลี่ย 0.92 กินร้อนช้อนตัวเอง 0.90 ล้างมือบ่อยๆ 0.88 ระวังไม่อยู่ใกล้ผู้อื่น 0.79 ระวังไม่ใช้มือสัมผัสหน้า 0.73 

ขณะที่จากมาตรการผ่อนคลายตั้งแต่ระยะที่ 2 จนถึง ระยะที่ 5 พบว่าภาพรวมพฤติกรรมป้องกันตนเองจาก ร้อยละ 85.3 ลดลงเหลือร้อยละ 80.7  เห็นภาพชัดว่าการ์ดตกลงมาอย่างแน่นอน และการใช้แอพลิเคชั่นไทยชนะ พบว่า สถานที่ที่ไม่มีการใช้แอพลิเคชั่นไทยชนะ หรือ สมุดลงชื่อไว้ให้ คือ ตลาดสด ร้อยละ 46.9  ห้างสรรพสินค้า ร้อยละ 17.1 และร้านขายของในห้าง ร้อยละ 15.4 


สำหรับนโยบายรับคนไทยกลับจากต่างประเทศ พบว่าประชาชนส่วนใหญ่สนับสนุนร้อยละ 44.5 แต่ไม่สนับสนุนการท่องเที่ยวแบบ Travel bubble ร้อยละ 45.2 และการท่องเที่ยวระหว่างประเทศอื่นๆ ร้อยละ 69.2 ขณะเดียวกันประชาชน ร้อยละ 40.5 มีความมั่นใจว่ารัฐบาลจะควบคุมการระบาดในระลอก2 ได้

นพ.ทวีศิลป์ ยังชี้แจง ถึงการเดินทางมาไทยของ ผบ.ทบ.สหรัฐ และคณะ ในฐานะแขกของรัฐบาล ว่า เจ้าหน้าที่ที่ดูแลคณะดังกล่าว ไม่มีความจำเป็นต้องกักตัว 14 วัน เนื่องจากเจ้าหน้าที่ทุกคนมีทักษะและดูแลตัวเองเป็นอย่างดี แต่ขณะเดียวกันต้องมีการสังเกตอาการของตัวเอง และจะมีการตรวจเช็คตลอดเวลาเพื่อให้เกิดความมั่นใจในระบบสาธารณสุข ซึ่งกรณีเช่นนี้เคยมีมาก่อน เช่น เจ้าหน้าที่ที่ดูแลผู้ที่เดินทางมาจากต่างประเทศ และทำงานที่สนามบิน ก็ไม่ได้มีการกักตัว 14 วัน และยังคงทำงานต่อเนื่อง

ส่วนการเปิดให้กลุ่ม Medical and Wellness Tourism เข้ามาในไทยได้และเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลเอกชนนั้น นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า เป็นการเอื้อประโยชน์ให้โรงพยาบาลเอกชน แต่ก็ไม่ได้ดำเนินการอะไรให้เป็นพิเศษ ซึ่งก่อนหน้านี้โรงพยาบาลเอกชนได้รักษาผู้ป่วยกลุ่มดังกล่าวอยู่แล้ว  และการเข้ามาในครั้งนี้ถือเป็นการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ เมื่อเข้ามาต้องรักษาตัวอยู่ได้ประมาณ14 วัน เพื่อเป็นการกักตัวไปด้วย และเมื่อทำการรักษาเรียบร้อยแล้วและสุขภาพแข็งแรง ไม่มีติดเชื้อ ก็อาจประสานให้มีแพคเกจท่องเที่ยวเพื่อให้สามารถเที่ยวในประเทศได้ต่อ การเดินทางเข้ามาจะไม่กระทบกับจำนวนเตียงผู้ป่วยหรือทรัพยากรทางการแพทย์ของไทย และจะเลือกเฉพาะกลุ่มที่ไม่ได้ทำการผ่าตัดใหญ่ รวมแล้วประมาณ 2,000 คน ที่จะเดินทางมาในระหว่างเดือน กรกฎาคมถึงกันยายน

โฆษก ศบค. ยังกล่าวถึง กลุ่มแรงงานที่เข้ามาโดยผิดกฎหมาย ซึ่งต้องเฝ้าระวังโควิด-19 ว่า ขอให้ฝ่ายความมั่นคง สนธิกำลัง เพิ่มจุดตรวจตามเส้นทางหลักต่าง ๆ ให้เข้มข้นขึ้น อาจเป็นการป้องกันได้ในระดับหนึ่ง เพราะหากจะให้ไปตรวจตามแนวขอบชายแดนทั้งหมดคงไม่สามารถทำได้ และมีเจ้าหน้าที่ไม่เพียงพอ รวมถึงให้อสม. เฝ้าระวังติดตามดูแลประชาชนคนในพื้นที่อย่างเข้มงวด ส่วนในกลุ่มคนไทยเองก็ยังไม่สามารถมั่นใจว่าปลอดเชื้อได้ 100% ดังนั้นต้องผ่อนคลายเกณฑ์ให้ผู้ที่มีอาการน้อย ๆ ได้เข้ามาตรวจกันมากขึ้น.-สำนักข่าวไทย       

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ธปท.ย้ำเร่งปลดล็อกบัญชีผู้บริสุทธิ์ ทำให้ร้านค้ามั่นใจ

กรุงเทพฯ 15 ก.ย. – ธปท. ย้ำทุกหน่วยงานร่วมกำหนดเงื่อนไขปลดล็อกบัญชีไม่มีเอี่ยวบัญชีม้า สิ้นเดือน ก.ย.นี้ เพื่อให้ร้านค้ามั่นใจรับโอนเงินซื้อสินค้า นางสาวดารณี แซ่จู ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายกำกับระบบชำระเงินฯ ธนาคารแห่งประเทศไทย กล่าวว่า จากปัญหาชาวบ้านถูกระงับธุรกรรมและระงับวงเงิน แต่ไม่ได้ระงับเงินในบัญชีในช่วงเดือนกันยายน 68 ตรวจพบบัญชีต้องสงสัยเฉลี่ย 10,000 บัญชี/สัปดาห์ ยอมรับว่าการคุมเข้มในช่วงที่ผ่านมา เพื่อต้องการกวาดเอาเส้นทางบัญชีที่เกี่ยวข้องเข้ามาตรวจสอบ ทั้งโอนเงินผ่าน e-money และคริบโตฯ ทำให้ประชาชนผู้บริสุทธิ์ได้รับผลกระทบในบางส่วน ในการทำธุรกรรมทางการเงิน ธปท. จึงเร่งหารือกับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมกำหนดเงื่อนไขร่วมกันให้เสร็จภายในสิ้นเดือน ก.ย.นี้ “ธปท., ธนาคาร, ตำรวจ ศปอท. พร้อมปลดล็อกให้กับผู้บริสุทธิ์ มุ่งเน้นบัญชีจำนวนไม่มาก เช่นวงเงิน 100-500 บาท หรือร้านค้า ที่มีการซื้อของมาประกอบอาหารหรือสินค้าในร้านเป็นประจำในยอดที่ไม่สูงมากนัก กลุ่มเหล่านี้จะเร่งตรวจสอบ เพื่อแจ้งข้อมูลให้ลูกค้าบัญชีรับทราบ พร้อมทำอย่างรวดเร็ว และมุ่งทำความเข้าใจกับร้านค้า ให้เกิดความเชื่อมั่น และรับเงินโอนจากลูกค้า เพราะที่ผ่านมายอดปฏิเสธรับโอนเงินไม่สูงมากนัก หากตรวจสอบเสร็จแล้วคาดว่าใช้เวลา 2-3 ชั่วโมง ถึง 1 […]

ครอบครัวชินวัตร ถึงเรือนจำคลองเปรม เข้าเยี่ยม “ทักษิณ”

กทม. 15 ก.ย.-ครอบครัวชินวัตร ถึงเรือนจำคลองเปรม เข้าเยี่ยม “ทักษิณ” หลังครบ 5 วันกักโรค และกรมราชทัณฑ์ อนุญาตให้ญาติเข้าเยี่ยมได้วันนี้เป็นวันแรก นายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความส่วนตัวของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ทำเรื่องขอเข้าเยี่ยมนายทักษิณ ที่เรือนจำกลางคลองเปรม หลังครบ 5 วัน การกักตัวเฝ้าระวังโรคโควิด-19 และกรมราชทัณฑ์ อนุญาตให้ญาติตามรายชื่อ 10 คน และทนายความ เข้าเยี่ยมได้วันนี้เป็นวันแรก โดยก่อนหน้านี้ พันตำรวจโท เชน กาญจนาปัจจ์ โฆษกกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยว่าอาการของนายทักษิณ โดยรวมดีขึ้น ความดันสูงก่อนหน้านี้ลงมาอยู่ในเกณฑ์ปกติ ซึ่งการเข้าเยี่ยมจะเป็นการพูดคุยผ่านกระจกใส เพื่อความปลอดภัย ล่าสุด ครอบครัวชินวัตรเดินทางมาถึงเรือนจำคลองเปรมแล้ว นำโดยคุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์, น.ส.พินทองทา ชินวัตร คุณากรวงศ์ ลูกสาวคนโต และ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี.-สำนักข่าวไทย

“บิ๊กเต่า” เปิดคดีใหม่ พระวัดดังเมืองปทุม เอี่ยวเงินวัดโยงสีกาเยอรมัน

บช.ก. 15 ก.ย. – “บิ๊กเต่า” เปิดคดีใหม่ พระวัดดังเมืองปทุมธานี เอี่ยวเงินวัดโยงสีกาเยอรมัน ฝากให้มาชี้แจงความบริสุทธิ์ หากไม่มาจะเสียหาย พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกระแสข่าวพระวัดดังจังหวัดปทุมธานี ที่มีความเกี่ยวข้องกับเงินวัดจำนวน 12.2 ล้านบาท ที่โอนเข้าบัญชีสีการายหนึ่ง ว่า เรื่องนี้ทราบว่ามีคนแจ้งความและเป็นคดีความอยู่ที่กองบังคับการปราบปรามแล้ว ขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการดำเนินการตรวจสอบ และได้ข้อมูลที่น่าสนใจมากพอสมควร ซึ่งสีกาคนดังกล่าวจะเกี่ยวข้องกับสีกาที่ทางตำรวจเพ่งเล็งอยู่หรือไม่จะต้องตรวจสอบในประเด็นนี้ด้วย แต่คดีนี้หลักๆ จะดูที่เส้นทางการเงินของบัญชีวัด หากพบใครเกี่ยวข้องก็จะต้องดำเนินการ ส่วนกรณีที่ทนายอนันต์ชัย ไชยเดช ประธานมูลนิธิทนายกองทัพธรรม นำหลักฐานออกมาโพสต์ผ่านโซเชียลนั้น ก็ถือว่ามีประโยชน์ต่อรูปคดี ส่วนจะเรียกเข้าสอบหรือไม่นั้นอยู่ระหว่างการพิจารณาของพนักงานสอบสวน ซึ่งคาดว่าอีกไม่นานเรื่องนี้จะชัดเจน มีรายงานว่าผู้ที่เกี่ยวข้องในเรื่องนี้พบว่ามี 8 คน รวมพระด้วยเป็น 9 คน จึงอยากฝากถึงพระว่า ให้มาชี้แจงความบริสุทธิ์ หากไม่มาจะเสียหายเนื่องจากมีหลักฐานจำนวนมาก.-419-สำนักข่าวไทย

บุกห้ามยายวัย 83 โอนเงินแก๊งคอลเซ็นเตอร์

กทม. 16 ก.ย.-บุกห้ามยายวัย 83 โอนเงินให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์เกือบ 5 ล้าน แต่ยายไม่ฟัง ไม่เชื่อว่าโดนหลอก ไล่ตำรวจกลับไป แถมโทรฟ้องมิจฉาชีพว่าตำรวจมากวน สุดท้ายเข้าแจ้งความแล้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.พระโขนง ตะโกนคุยกับคุณยายวัย 83 ปี ข้ามรั้วประตูบ้าน ว่า อย่าโอนเงินให้มิจฉาชีพอีก หลังธนาคารพบความผิดปกติ เนื่องจากคุณยายถอนเงินออกมาหลายล้านบาท จึงประสานงานไปที่ศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมออนไลน์ AOC 1441 ให้แจ้งมายังตำรวจนครบาล เพื่อตรวจสอบการโอนเงินของคุณยายโดยด่วน ปรากฏว่า เมื่อตำรวจมาถึงบ้าน คุณยายไม่เชื่อ แถมยังคุยโทรศัพท์กับตำรวจปลอมในมือถือตลอดเวลา แล้วไม่เชื่อว่า ตำรวจที่มาหน้าบ้านเป็นตำรวจจริง จนตำรวจตัวจริงอ่อนใจ ทำได้เพียงแค่ประสานงานผู้นำในชุมชนให้ช่วยดูแลคุณยาย และเตือนเรื่องนี้ ล่าสุดคุณยายมาแจ้งความแล้ว เมื่อวันที่ 13 กันยายน แต่ยังไม่ได้เงินคืน ข้อมูลของตำรวจพบว่า คุณยายโอนเงินไปทั้งหมด 5 ครั้งครั้งแรกวันที่ 3 กันยายน ฝากเงินสดเข้าบัญชีธนาคารแห่งหนึ่ง 3.5 ล้านบาทวันที่ 4 กันยายน โอนเงินสดไป 400,000 บาทวันที่ […]

ข่าวแนะนำ

ผู้ค้าทองคำเสนอตั้งเคลียริ่งเฮาส์ ค้านเก็บภาษีเทรดทอง

กรุงเทพฯ 16 ก.ย. – ราคาทองคำนิวไฮตามตลาดโลก การค้าทองคึกคัก ผู้ค้าทองคำค้านแนวคิดภาครัฐเก็บภาษีเทรดทองคำออนไลน์ เพื่อป้องกันบาทแข็งค่า ระบุถอยหลังเข้าคลอง ทำลายการค้า เสนอ ธปท. “ตั้งเคลียริ่งเฮาส์-ปรับสูตรดูแลค่าเงิน” นพ.กฤชรัตน์ หิรัณยศิริ ประธานกรรมการ กลุ่มบริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ แม่ทองสุก จำกัด (MTS Gold) กล่าวว่า ในการประชุมระหว่างผู้ค้าทองคำและธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) วานนี้ ทาง ธปท.มีการสอบถามความเห็นเรื่อง การที่กระทรวงการคลังอาจออกมาตรการเก็บภาษีในการซื้อ-ขายทองคำ โดยเฉพาะธุรกรรมออนไลน์และมีการชำระเป็นเงินบาท เพื่อลดผลกระทบจากการเคลื่อนไหวของราคาทองคำต่อเงินบาท ซึ่งทางผู้ค้าทองคำ คัดค้านเพราะจะกระทบต่อการค้าทองคำในองค์รวมของทั้งในและต่างประเทศ ทำลายระบบเศรษฐกิจ โดยในขณะนี้การค้าทองคำทั้งในและต่างประเทศแต่ละปีมีมูลค่ารวมกว่า 3 ล้านล้านบาท/ปี และความนิยมเทรดระบบออนไลน์เพิ่มสูงขึ้น ตามทิศทางเศรษฐกิจดิจิทัล ตอบสนองนพฤติกรรมคนรุ่นใหม่ ที่นิยมเทรดออนไลน์ทั้งผ่านแอปฯ ต่างๆ และเทรดผ่าน Gold Futures ตลาด TFEX ซึ่งเป็นการเทรดสัญญาซื้อขายล่วงหน้าที่อ้างอิงกับราคาทองคำภายในประเทศ โดยยอดเทรดเติบโตอย่างมากราว 9-20 ตัน/วัน หรือ 20,000-35,000 สัญญาต่อวัน […]

รอลุ้นโฉมหน้า ครม.อนุทิน 1 คาดช้าสุดทูลเกล้าฯ พรุ่งนี้

พรรคภูมิใจไทย 16 ก.ย.-รอลุ้นโฉมหน้า ครม.อนุทิน 1 คาดช้าสุดทูลเกล้าฯ พรุ่งนี้ หลังนายกฯ ลั่นเสร็จสิ้นภายในสัปดาห์นี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ความคืบหน้าการนำรายชื่อคณะรัฐมนตรีอนุทิน 1 คาดว่าจะมีความชัดเจนเร็วสุดในเย็นวันนี้ (16 ก.ย.) หรืออย่างช้าวันพรุ่งนี้ (17 ก.ย.) ซึ่งต้องรอความชัดเจนจากสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ขณะที่บรรยากาศพรรคภูมิใจไทยในช่วงเช้าวันนี้ยังคงเงียบเหงา มีแกนนำพรรคเดินทางเข้าที่ทำการพรรค อาทิ นายทรงศักดิ์ ทองศรี ว่าที่รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย นายศุภชัย ใจสมุทร ประธานคณะทำงานฝ่ายกฎหมายพรรคภูมิใจไทย ส่วนนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี เบื้องต้นยังไม่มีกำหนดการเดินทางเข้าพรรคในวันนี้ อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้นายอนุทิน ได้ให้สัมภาษณ์ก่อนหน้านี้ไว้ว่า รายชื่อคณะรัฐมนตรีเสร็จสิ้นแล้ว ซึ่งจะสามารถทูลเกล้าฯ ถลายได้ภายในสัปดาห์นี้.-สำนักข่าวไทย

เตือนภาวะน้ำทะเลหนุนสูง 17-22 ก.ย.

กรุงเทพฯ 16 ก.ย.-สทนช. ออกประกาศเตือน เฝ้าระวังน้ำทะเลหนุนสูง 17-22 ก.ย.นี้ คาดระดับน้ำบริเวณป้อมพระจุลจอมเกล้าและพื้นที่ใกล้เคียงจะสูงกว่าจุดวิกฤติ 0.20 เมตร เสี่ยงน้ำเอ่อล้นริมเจ้าพระยา-ท่าจีน-แม่กลอง สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ออกประกาศเตือน เรื่อง “เฝ้าระวังน้ำทะเลหนุนสูง” เตือนประชาชนและหน่วยงานในพื้นที่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา แม่น้ำท่าจีน และแม่น้ำแม่กลอง ให้เฝ้าระวังระดับน้ำเอ่อล้นตลิ่ง ระหว่างวันที่ 17–22 กันยายน 2568 ในช่วงเวลา 16.00–19.00 น. ของแต่ละวัน โดยเฉพาะพื้นที่นอกแนวคันกั้นน้ำและแนวเขื่อนชั่วคราว ซึ่งยังไม่มีแนวป้องกันน้ำถาวร หรือที่เรียกว่า “แนวฟันหลอ” นายสุรสีห์ กิตติมณฑล เลขาธิการสทนช. กล่าวว่า จากการติดตามสถานการณ์ร่วมกับกรมอุทกศาสตร์ คาดว่าช่วงเวลาดังกล่าวจะเป็นช่วงที่ระดับน้ำทะเลหนุนสูง โดยระดับน้ำบริเวณป้อมพระจุลจอมเกล้าและพื้นที่ใกล้เคียงอาจสูงถึง 1.70–1.90 เมตร จากระดับทะเลปานกลาง ซึ่งสูงกว่าระดับน้ำวิกฤติประมาณ 0.20 เมตร ปัจจัยที่ส่งผลต่อการหนุนสูงของน้ำทะเลในช่วงนี้ได้แก่ ร่องมรสุมที่พาดผ่านประเทศไทย ประกอบกับลมตะวันออกเฉียงใต้และมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่มีกำลังปานกลาง ซึ่งยังคงพัดปกคลุมประเทศไทยและบริเวณอ่าวไทย ส่งผลให้บางพื้นที่ยังคงมีฝนตก และเมื่อรวมกับปรากฏการณ์น้ำทะเลหนุน จะทำให้ระดับน้ำในแม่น้ำเพิ่มสูงขึ้น เกิดน้ำเอ่อล้นตลิ่งในพื้นที่ลุ่มต่ำริมน้ำ พื้นที่เสี่ยงที่ต้องเฝ้าระวังเป็นพิเศษ ได้แก่ […]

จับตาเวทีหารือปราบสแกมเมอร์

15 ก.ย. – พรุ่งนี้ (16 ก.ย.) ต้องเกาะติดการประชุมความร่วมมือไทย-กัมพูชา วางแนวทางปราบอาชญากรรมทางเทคโนโลยีและสแกมเมอร์ ที่ จ.สระแก้ว ต่อยอดการประชุม GBC ที่เกาะกง เมื่อ 10 ก.ย.ที่ผ่านมา.-สำนักข่าวไทย