อาคารไทยซัมมิท 4 ก.ค. – วงเสวนา New Consensus Thailand เรื่อง องค์กรอิสระไทย อย่างไรต่อดี วีระ สมความคิด ชี้ ป.ป.ช. ไร้ผลงานไม่ปลอดการเมือง ทำประชาชนหมดศรัทธา ด้านสมลักษณ์ จัดกระบวนพล แนะต้องทำงานอย่างมีศักดิ์ศรี ต้องไม่เปิดทางให้ถูกแทรกแซง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าในเวทีเสวนาสาธารณะ New Consensus Thailand เปิดเสวนาเรื่ององค์กรอิสระไทย อย่างไรต่อดี ? : คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) โดยมีผู้ร่วมเสวนาประกอบด้วย น.ส.สมลักษณ์ จัดกระบวนพล อดีตผู้พิพากษาศาลฎีกา และอดีตกรรมการ ป.ป.ช., นายวีระ สมความคิด เลขาธิการเครือข่ายประชาชนต่อต้านการคอรัปชั่น และนายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ ส.ส.กทม. เขตบางแค พรรคก้าวไกล โดยมี น.ส.พรรณิการ์ วานิช กรรมการบริหารคณะก้าวหน้า เป็นผู้ดำเนินรายการ
น.ส.สมลักษณ์ อธิบายถึงที่มาของ ป.ป.ช. จากรัฐธรรมนูญ 2540 ว่า ก่อนหน้านั้นใช้ชื่อ ป.ป.ป. ซึ่งมีบุคคลที่มีชื่อเสียงทำการไต่สวนชี้มูลตรงตามกฎหมายมาก แต่ถ้าในเรื่องที่มาของกรรมการ ป.ป.ช. มีการสรรหาเกี่ยวข้องกับฝ่ายบริหารมากเกินไป จะเกิดความเกรงใจ ระบบอุปถัมภ์ว่าเป็นคนของใคร ตนเห็นว่าการดำรงตำแหน่งกรรมการ ป.ป.ช. ต้องทำงานอย่างมีศักดิ์ศรี แม้นักการเมืองมีอิทธิพล มีอำนาจเข้ามายุ่ง แต่ถ้ากรรมการ ป.ป.ช. ไม่เปิดทางเขาจะมายุ่งได้หรือ
“สมัยที่เป็นกรรมการ ป.ป.ช. เคยมีทหารโทรศัพท์มาขอทราบข้อเท็จจริงในสำนวนคดีหนึ่ง แต่บอกให้ใครทราบไม่ได้ ไม่เกี่ยวข้องในสำนวน คดีจะเสียหายไม่เป็นธรรม จึงตอบให้เขาไปบอกเจ้านายให้ติดต่อประธาน ป.ป.ช. ว่าอยากทราบ ให้ประธาน ป.ป.ช. สั่งเป็นลายลักษณ์อักษรมา ซึ่งมั่นใจว่าท่านไม่สั่งแน่ ถ้าเราใจแข็งไม่ให้รู้ เขาก็ไม่มายุ่งกับเราได้”น.ส.สมลักษณ์ กล่าว
น.ส.สมลักษณ์ ยังเล่าถึงสมัยที่ดำรงตำแหน่งกรรมการ ป.ป.ช. มีคดีใหญ่อย่างคดีเขาพระวิหาร, คดี 7 ตุลาฯ ก็ไม่มีใครโทรมาหาอีก เราทำตามกฎหมาย ถ้าพยานหลักฐานไม่ถึงก็ไปไม่ได้ อย่างคดีเขาพระวิหารที่มีการฟ้องนายสมัคร สุนทรเวช อดีตนายกฯ และนายนพดล ปัทมะ อดีต รมว.ต่างประเทศ ตนถามทนายความเรื่องพยานหลักฐาน เขาบอกมีในเว็บไซต์เต็มไปหมด ต่อมาคำวินิจฉัยระบุเป็นใครก็ได้ที่นำไปลงเว็บไซต์ ก็ยกข้อหานี้ คดีนี้ ป.ป.ช. ลงมติคดีมีมูลด้วยเสียง 6 ต่อ 3 และศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองยกฟ้อง มีนักข่าวมาบอกว่าเป็นเกียรติประวัติเสียงข้างน้อย ซึ่งตนทำความเห็นแย้งให้ศาลสูงพิจารณาไว้หนามาก และปรากฏในคำวินิจฉัย รู้สึกยินดีชื่นใจที่ทำในสิ่งที่ถูกต้อง
ด้าน นายวีระ กล่าวถึงผลงานของ ป.ป.ช. มีผลงานโบว์แดงหรือโบว์ดำอย่างไร ว่า ที่ผ่านมาสังคมไทยไม่เห็นผลงานของ ป.ป.ช. เป็นที่ยอมรับ จะเป็นโบว์แดงได้ต้องยอดเยี่ยม ยังไม่เคยเห็น บางคนอาจบอกเรื่องการชี้มูลนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ หรือนายสนั่น ขจรประศาสน์ อดีตรองนายกฯ ไปถึงศาลนั้น ยังไม่จัดว่าเป็นโบว์แดง เพราะในความรู้สึกประชาชนมองเป็นเรื่องการเมือง ตัดสินเพราะมีการเมืองเกี่ยวข้อง กรณีนาฬิกา พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ คนก็มองเป็นการเมืองหมด
นายวีระ กล่าวอีกว่า ต้องดูเจตนารมณ์ให้มี ป.ป.ช. เพื่ออะไร ตามรัฐธรรมนูญ 2540 ก่อนหน้านั้น ป.ป.ป. มีตั้งแต่ปี 2518 ขึ้นกับสำนักนายกฯ ถูกเรียกเสือกระดาษ ไม่มีผลงานประจักษ์ พอให้เป็นองค์กรอิสระต้องปลอดจากการเมือง ต้องทำให้คนเชื่อสนิทใจว่าไม่มีการเมือง กลับกลายเป็นว่าถูกมองมีการเมืองโดยตลอด คนที่ถูกตรวจสอบลงโทษคือนักการเมือง ข้าราชการ นักการเมืองกลัวก็พยายามทำให้เขาได้เปรียบ เข้าไปแทรกแซงในการให้มีกรรมการ ป.ป.ช.
“ระยะหลังยิ่งชัดเลยเมื่อคสช. เข้ามามีอำนาจ กำหนดคุณสมบัติต้องซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ ผมเห็นว่าต้องไม่เคยถูกร้องเรียนกล่าวหา อย่างชุดปัจจุบัน แม้แต่หัวซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์หรือไม่ ทั้งนี้เมื่อเข้ามาแล้วดูผลงานยิ่งกว่าเรื่องคุณสมบัติอีก ประชาชนไม่ยอมรับ คดีหลังๆ ทุกเรื่องที่คนของ คสช. ถูกกล่าวหาปัดตกหมด ไม่รับไว้ไต่สวนเลย ที่ผมร้องไม่ว่าจะเรื่องนาฬิกา 22 เรือน เรื่องบัญชีทรัพย์สินเท็จ และเรื่องร่ำรวยผิดปกติที่วันนี้ยังดองเรื่องอยู่ในชั้นตรวจสอบข้อมูลเบื้องต้น ยังไม่ตอบเลยว่ามีมูลหรือไม่ ประชาชนจึงหมดศรัทธาที่การเมืองเข้าไปเกี่ยวข้องมากขึ้นเรื่อยๆ”นายวีระกล่าว
ส่วน นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า อยากให้ ป.ป.ช. ทำงานอิสระ โปร่งใส ตรวจสอบนักการเมืองได้ เป็นเครื่องมือยึดโยงประชาชนเข้าไปตรวจสอบนักการเมืองได้มากขึ้น ในต่างประเทศใช้เทคโนโลยีในการปราบทุจริตด้วยการ Open Data ข้อมูลการจัดซื้อจัดจ้าง ซึ่งปัจจุบันในไทย หน่วยราชการบอกเปิดเผยอยู่แล้ว แต่เราต้องไปนั่งรวบรวมมาเอง ต่างกับการเปิดเผยโดยง่าย พร้อมอธิบายเปรียบเทียบเรื่องการเปิดเผยโดยง่าย โดยยกตัวอย่างการตรวจข้อสอบ จากเดิมใช้เขียนวงกลม กากบาทเลือกคำตอบ ต้องใช้สายตาตรวจ แต่ปัจจุบันเปลี่ยนมาใช้กระดาษคำตอบที่ฝนด้วยดินสอ 2B ใช้เครื่องตรวจทำได้รวดเร็วขึ้น ดังนั้น การเปิดเผยข้อมูลจึงไม่ใช่แค่เปิดไฟล์ ถ้าทำให้เปิดเผยโดยง่ายต้องสรุปแผนโครงการ ผู้ประมูล ช่วงเวลา ข้อสำคัญหลักๆ ที่ไม่เยอะ อยู่ในฟอร์แมตเดียวกัน จะสามารถประเมินต่อไปได้ว่ามีความเสี่ยงต่อการทุจริตกี่คะแนน ขอให้เปิดเผยให้ประชาชนเข้าไปช่วยตรวจสอบได้ อย่างประเทศอินโดนีเซีย มีการเปิดเผยลิสต์องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและโครงการเสี่ยงทุจริตให้ประชาชนตรวจสอบ ทำให้นักการเมืองและภาครัฐกลัวมากขึ้น.-สำนักข่าวไทย
